ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กตู่"กำชับ ครม.ใหม่ ยึดพระบรมราโชบายในหลวง ร.10 ในการทำงาน เพื่อความสุขของประชาชน ก่อนสั่งการไปดูของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลจะมอบให้กับประชาชน พร้อมแจกเอกสารวางแนวปฏิบัติงาน ชูปฏิรูปกองทัพ จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ เน้นทันสมัย และเร่งสร้างความไว้ใจแก่ประชาชน ย้ำข้าราชการเกียร์ว่าง ต้องย้ายทันที ส่วนเรื่องวุ่นในโซเซียล อย่าปล่อยผ่าน ต้องตอบโต้ทุกประเด็น ตั้ง "บิ๊กน้อย" หัวหน้าคุมดับไฟใต้แทน "บิ๊กโด่ง" ส่วนการแบ่งงานรองนายกฯ บิ๊กป้อม"คุมมั่นคงเหมือนเดิม "สมคิด" ผงาดคุมเศรษฐกิจเบ็ดเสร็จ หลังดูงานเดิม แต่บวกเพิ่ม "เกษตร-ท่องเที่ยวและกีฬา"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (4 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคสช. และเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม นายกฯ พร้อมครม.ทั้งหมด ได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ภายหลังที่มีการปรับ ครม.ประยุทธ์ 5
หลังการประชุมครม. พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ในที่ประชุม นายกฯได้แสดงความยินดีกับ ครม.ชุดใหม่ พร้อมมอบนโยบายให้รัฐมนตรีใหม่และเก่า ให้ยึดพระราโชบายของในหลวงรัชกาลที่ 10 ให้ตั้งใจอุทิศตน ทำงานเพื่อชาติและประชาชน ให้ตระหนักเสมอว่า ประชาชนต้องการความสุข ความมั่นใจ และความปลอดภัย ในการทำงานขอให้ใช้สติปัญญา และกำลังใจที่ได้ มาขับเคลื่อนการทำงาน
สำหรับแนวทางการทำงาน ให้ยึดความซื่อสัตย์สุจริต ความโปร่งใสเป็นสำคัญ ทำงานแบบบูรณาการ และยังได้สั่งการรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง นอกจากจะศึกษางานในกระทรวงที่ตัวเองรับผิดชอบแล้ว ต้องศึกษางานกระทรวงอื่นด้วย เพื่อให้การทำงานร่วมกันเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ทั้งนี้ นายกฯ ยังสั่งการให้รัฐมนตรีไปดูของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลจะมอบให้ประชาชน โดยให้ไปศึกษาแนวทางใน 2 ปีที่ผ่านมาว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนของขวัญปีใหม่ที่จะมอบให้ระหว่างกัน นายกฯ ให้พิจารณาสินค้าเกษตรของไทยที่เกษตรกรจัดทำ เช่น เรื่องข้าว สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ ไปดูการทำแพกเกจจิ้ง ถ้าทำแล้วนายกฯ ขอจอง 300 กล่อง เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
"นายกฯ ยังสั่งการรัฐมนตรีลงพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกภาคและทุกพื้นที่ในประเทศ ลงไปพูดคุยกับประชาชน เอกชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจ อธิบายปัญหา รับฟังปัญหา แล้วนำมาแก้ไข โดยเฉพาะต้องติดตามข่าวสารจากโซเชียลมีเดีย ถ้าเกิดปัญหาขอให้รีบชี้แจง ไม่ให้ปัญหากว้างขึ้น รวมทั้งติดตามเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ รีบทำความเข้าใจเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง"พ.อ.อธิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม นายกฯ ได้แจกเอกสารสั่งการแนวทางการทำงานให้กับรัฐมนตรีทุกคน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ แนวทางการปฏิรูปกองทัพ 1.การลดกำลังพลประจำการ โดยการเพิ่มกำลังพล พนักงานราชการ อาสาสมัคร พลเรือน โดยมีสิทธิ์ต่างกับข้าราชการประจำ คือ มีสัญญาจ้างที่ชัดเจน เพิ่มการจ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 2.จัดหาอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ต้องเน้นความทันสมัย เทคโนโลยีสูง ในจำนวนที่เพียงพอ ตามแผนพัฒนากองทัพ และแผนป้องกันประเทศ รวมถึงความแผนการใช้ด้วย
นอกจากนี้ การเสนอโครงการของทุกกระทรวง จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าประชาชนจะได้อะไร ผลที่ได้รับจะเป็นอย่างไร โดยไม่ขอเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ผูกพันยาวเกินไป ยกเว้นโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว ขณะที่การของบกลาง จะต้องใช้หลักดูแลประชาชนให้ทั่วถึง กระจายทุกพื้นที่ ตรงความต้องการของประชาชน ลดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ รวมถึงต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับประชาชน โดยมีความโปร่งใสจริงใจ
ทั้งนี้ จะต้องสอดส่องดูแลข้าราชการทุกระดับ โดยเฉพาะในระดับพื้นที่ หากเกียร์ว่างจะต้องปรับย้าย และกรณีแอบอ้างนายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรี หรือผู้ใหญ่อื่นๆ ต้องมีการตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ขอให้รัฐมนตรีทุกคน ทำงานตามนโยบายรัฐบาล และเร่งรัดผลงานให้เกิดประสิทธิภาพ เน้นส่งผลต่อประชาชนโดยตรง ตอบโจทย์ประชาชนประเทศชาติได้อะไร และยังต้องติดตามสื่อ โซเชียลทุกประเด็น ตอบโต้ และสร้างความเข้าใจให้ทันต่อสถานการณ์
วันเดียวกันนี้ พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. รับทราบการลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา เรื่องการแต่งตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยกเลิกคณะผู้แทนพิเศษเดิม ที่ประกอบด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล นายพรชาต บุนนาค ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล และให้แต่งตั้งชุดใหม่ขึ้นดังนี้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ เป็นหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล เป็นรองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล นายภาณุ อุทัยรัตน์ เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาล และนายพรชาต บุนนาค เลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. มีมติเลื่อนการประชุมครม. นัดแรกของปี 2561 เป็นวันที่ 3 ม.ค.2561 เนื่องจากในวันที่ 2 ม.ค. เป็นวันหยุดชดเชยวันสิ้นปี
ส่วนการแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังคงดูแลงานด้านความมั่นคงเหมือนเดิม , พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม กำกับดูแลกระทรวงไอซีที พลังงาน ศึกษาธิการ ยุติธรรม , นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงวัฒนธรรม กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา สปน. , ก.พ. , ก.พ.ร., ปปง. , ป.ป.ท. , พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สาธารณสุข สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กำกับกระทรวงที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ ให้ดูแลหน่วยงานเดิม คือ กระทรวงการต่างประเทศ คมนาคม พาณิชย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อุตสาหกรรม โดยเพิ่มเติมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ