ผู้จัดการรายวัน360- อาจารย์ชั้นมัธยมฯ ยัน “น้องเมย” ลูกผู้ชายตัวจริง ไม่ใช่เด็กขี้โกหกอย่างที่รุ่นพี่กล่าวหา เชื่อการเสียชีวิต มีเงื่อนงำ จี้คนทำผิดต้องกล้ายืดอกยอมรับ “บิ๊กป้อม” แจงยังไม่ได้รับผลสอบการเสียชีวิต “น้องเมย” ด้าน ปธ.คณะกรรมการฯสอบ ปมเสียชีวิต"น้องเมย" ยันไม่ได้กักตัวเด็กนักเรียน แค่เรียกมาให้ข้อมูล พร้อมเอาผิด ทหาร-นร.ที่เกี่ยวข้อง
วานนี้ ( 28 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนสาธิต (พิบูลบำเพ็ญ) มหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อพบปะพูดคุยกับ “อาจารย์บิ๊ก” อาจารย์ผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้น ม.4/7 ซึ่งคลุกคลี่และใกล้ชิดกับ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิต สำหรับ “อาจารย์บิ๊ก” ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดเกี่ยวกับการเรียนการสอน และยังเป็นที่รับรู้ของนักเรียนในโรงเรียนว่า ทั้งดุ และจริงจัง แต่ก็เป็นที่รักและเคารพของบรรดาลูกศิษย์ทุกรุ่น
“อาจารย์บิ๊ก” กล่าวว่าตนมีความใกล้ชิดและสนิทสนมกับ น้องเมย เป็นอย่างดี และขอยืนยันว่า น้องเมย เป็นเด็กที่มีระเบียบวินัย เอาจริงเอาจังกับเป้าหมายในทุกเรื่อง ที่สำคัญเป็นคนรักษาคำพูด และเมื่อรับปากสิ่งใดแล้วจะต้องทำให้สำเร็จ รวมทั้งยังเป็นเด็กกิจกรรมตัวยง ยืนยันมีความใฝ่ฝันอยากเป็นทหารรับใช้ชาติ จึงทุ่มเททั้งแรงกาย และแรงใจในการตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และมีความใฝ่รู้อยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญเป็นคนมีน้ำใจและมีสัมมาคารวะ เป็นที่รักของคนรู้จัก และเพื่อนฝูง
“เท่าที่รู้จักเด็กคนนี้ เขาไม่ได้เป็นคนขี้โกหกอย่างที่ถูกรุ่นพี่กล่าวหาอย่างแน่นอน เพราะเด็กคนนี้เมื่อทำผิด เขากล้าที่จะยื่นอกรับแบบที่ลูกผู้ชายพึงกระทำ และไม่อายที่จะกล่าวคำขอโทษ ซึ่งการใช้เวลาถึง 3 ปี ในการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ถือว่าต้องใช้ความพยายามที่สูงมาก และก็เชื่อว่า หาก เมย สามารถผ่านโรงเรียนเตรียมทหารไปได้ ก็จะเป็นทหารที่มีคุณภาพที่ทุ่มเทรับใช้ชาติ”
“อาจารย์บิ๊ก” กล่าวอีกว่าครูบาอาจารย์และเพื่อนๆ ชั้น ม.6 ต่างตกใจ เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของ น้องเมย โดยเฉพาะการระบุว่า เสียชีวิตจากอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เนื่องจากทุกคนไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะ น้องเมย เป็นคนแข็งแรง เล่นกีฬาหลายประเภท และร่วมกิจกรรมในทุกๆกิจกรรม
“ คณะครู และเพื่อนๆ โรงเรียนสาธิต “พิบูลบำเพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัว น้องเมย และขอให้หาข้อเท็จจริงเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตให้ได้โดยเร็ว ที่สำคัญขอเรียกร้องให้ผู้กระทำผิดออกมายืดอกยอมรับอย่างลูกผู้ชายเช่นกัน” ครูบิ๊ก กล่าว
วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับผลสอบจากผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) แต่เชื่อว่า เขาทำงานอย่างตรงไปตรงมา
ด้าน พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร ในฐานะประธานตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์ ตัญกาญจน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการสอบถามพยานบุคคลและภาพพยานแวดล้อม รวมทั้งกล้องวงจรปิด และมีการสอบถาม ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด รวมทั้งเจ้าหน้าที่และนักเรียนเตรียมทหาร มีการจดบันทึกถ้อยคำผู้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งถ้าต้องสอบถามพยานเพิ่มเติม ก็จะดำเนินการต่อไป และมีการพูดคุยกับนักเรียนที่เห็นเหตุการณ์และ นักเรียน ที่เคยไปพูดคุยกับนตท.ภัคพงษ์ เช่นกัน
ทั้งนี้ การดำเนินการของคณะกรรมการ ต้องทำให้ครบทุกด้าน เพื่อจะได้สรุปจากข้อเท็จจริง ถ้ามีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ก็จะมีการสอบถามต่อเรื่องดังกล่าว คงต้องใช้ระยะเวลาตามลำดับต่างๆ และจะไม่มีการอ้างผลสอบเดิม อย่างไรก็ตาม ผลการชันสูตรที่ผ่านมา เป็นข้อเท็จจริงทางการแพทย์ เป็นผลทางวิทยาศาสตร์ ที่ปฎิเสธไม่ได้ ซึ่งเราจะต้องตอบโจทย์สังคม พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการกักตัวนักเรียนแต่อย่างใด แต่เรียกเด็กมาสอบถาม และไม่ให้เป็นการรบกวนนักเรียนในการเรียน จะดำเนินการสอบสวนเท่าที่จำเป็น ซึ่งวันนี้ ก็มีการขอตัวจากส่วนของการศึกษาเช่นกัน และก็มีการคำนึงถึงความรู้สึกของเด็กด้วย ยืนยันว่า ผลการสอบสวนจะไม่มีปิดบังแต่อย่างใด
พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า จะนำผลการตรวจสอบทางการแพทย์ มาประกอบการสอบสวนด้วย ดังนั้นจึงยังไม่ให้น้ำหนักในประเด็นใดเป็นพิเศษ ซึ่งกรอบของคณะกรรมการฯ ตรวจสอบในเรื่องความผิดทางวินัย และหากพบใครทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทหาร หรือ นักเรียนเตรียมทหาร ต้องถูกลงโทษตามขั้นตอน ส่วนการสอบสวนของตำรวจ ก็เป็นเรื่องในทางคดีตามกฎหมาย ยืนยันว่าไม่กดดันต่อกระแสสังคมที่ต้องการให้เรื่องนี้ชัดเจนโดยเร็ว เพราะความจริง กับความถูกใจต้องแยกกัน
แหล่งข่าวจากโรงเรียนเตรียมทหาร กล่าวถึงกระแสข่าว โรงเรียนเตรียมทหาร กักตัวเด็กนักเรียนบางส่วน เพื่อสอบสวนกรณีที่ นตท.ภคพงศ์ เสียชีวิต ว่า ไม่ได้มีการกักตัว ขณะนี่เด็กนักเรียนอยู่ในระหว่างการฝึกภาคทะเล และยังคงปฏิบัติภารกิจตามปกติ และขณะนี้ยังไม่ทราบว่า ใครถูก หรือผิด คงจะไปกักตัวเด็กไว้ไม่ได้ ต้องรอผลการสอบสวน ของกมธ. ที่กองทัพไทยแต่งตั้งขึ้นมา ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามขณะนี้คณะกรรมการชุดที่กองทัพไทยตั้งขึ้นมาได้ดำเนินการสอบสวน และได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเช่น ผู้พัน เจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด
วานนี้ ( 28 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนสาธิต (พิบูลบำเพ็ญ) มหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อพบปะพูดคุยกับ “อาจารย์บิ๊ก” อาจารย์ผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้น ม.4/7 ซึ่งคลุกคลี่และใกล้ชิดกับ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิต สำหรับ “อาจารย์บิ๊ก” ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดเกี่ยวกับการเรียนการสอน และยังเป็นที่รับรู้ของนักเรียนในโรงเรียนว่า ทั้งดุ และจริงจัง แต่ก็เป็นที่รักและเคารพของบรรดาลูกศิษย์ทุกรุ่น
“อาจารย์บิ๊ก” กล่าวว่าตนมีความใกล้ชิดและสนิทสนมกับ น้องเมย เป็นอย่างดี และขอยืนยันว่า น้องเมย เป็นเด็กที่มีระเบียบวินัย เอาจริงเอาจังกับเป้าหมายในทุกเรื่อง ที่สำคัญเป็นคนรักษาคำพูด และเมื่อรับปากสิ่งใดแล้วจะต้องทำให้สำเร็จ รวมทั้งยังเป็นเด็กกิจกรรมตัวยง ยืนยันมีความใฝ่ฝันอยากเป็นทหารรับใช้ชาติ จึงทุ่มเททั้งแรงกาย และแรงใจในการตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และมีความใฝ่รู้อยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญเป็นคนมีน้ำใจและมีสัมมาคารวะ เป็นที่รักของคนรู้จัก และเพื่อนฝูง
“เท่าที่รู้จักเด็กคนนี้ เขาไม่ได้เป็นคนขี้โกหกอย่างที่ถูกรุ่นพี่กล่าวหาอย่างแน่นอน เพราะเด็กคนนี้เมื่อทำผิด เขากล้าที่จะยื่นอกรับแบบที่ลูกผู้ชายพึงกระทำ และไม่อายที่จะกล่าวคำขอโทษ ซึ่งการใช้เวลาถึง 3 ปี ในการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ถือว่าต้องใช้ความพยายามที่สูงมาก และก็เชื่อว่า หาก เมย สามารถผ่านโรงเรียนเตรียมทหารไปได้ ก็จะเป็นทหารที่มีคุณภาพที่ทุ่มเทรับใช้ชาติ”
“อาจารย์บิ๊ก” กล่าวอีกว่าครูบาอาจารย์และเพื่อนๆ ชั้น ม.6 ต่างตกใจ เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของ น้องเมย โดยเฉพาะการระบุว่า เสียชีวิตจากอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เนื่องจากทุกคนไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะ น้องเมย เป็นคนแข็งแรง เล่นกีฬาหลายประเภท และร่วมกิจกรรมในทุกๆกิจกรรม
“ คณะครู และเพื่อนๆ โรงเรียนสาธิต “พิบูลบำเพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัว น้องเมย และขอให้หาข้อเท็จจริงเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตให้ได้โดยเร็ว ที่สำคัญขอเรียกร้องให้ผู้กระทำผิดออกมายืดอกยอมรับอย่างลูกผู้ชายเช่นกัน” ครูบิ๊ก กล่าว
วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับผลสอบจากผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) แต่เชื่อว่า เขาทำงานอย่างตรงไปตรงมา
ด้าน พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร ในฐานะประธานตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์ ตัญกาญจน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการสอบถามพยานบุคคลและภาพพยานแวดล้อม รวมทั้งกล้องวงจรปิด และมีการสอบถาม ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด รวมทั้งเจ้าหน้าที่และนักเรียนเตรียมทหาร มีการจดบันทึกถ้อยคำผู้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งถ้าต้องสอบถามพยานเพิ่มเติม ก็จะดำเนินการต่อไป และมีการพูดคุยกับนักเรียนที่เห็นเหตุการณ์และ นักเรียน ที่เคยไปพูดคุยกับนตท.ภัคพงษ์ เช่นกัน
ทั้งนี้ การดำเนินการของคณะกรรมการ ต้องทำให้ครบทุกด้าน เพื่อจะได้สรุปจากข้อเท็จจริง ถ้ามีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ก็จะมีการสอบถามต่อเรื่องดังกล่าว คงต้องใช้ระยะเวลาตามลำดับต่างๆ และจะไม่มีการอ้างผลสอบเดิม อย่างไรก็ตาม ผลการชันสูตรที่ผ่านมา เป็นข้อเท็จจริงทางการแพทย์ เป็นผลทางวิทยาศาสตร์ ที่ปฎิเสธไม่ได้ ซึ่งเราจะต้องตอบโจทย์สังคม พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการกักตัวนักเรียนแต่อย่างใด แต่เรียกเด็กมาสอบถาม และไม่ให้เป็นการรบกวนนักเรียนในการเรียน จะดำเนินการสอบสวนเท่าที่จำเป็น ซึ่งวันนี้ ก็มีการขอตัวจากส่วนของการศึกษาเช่นกัน และก็มีการคำนึงถึงความรู้สึกของเด็กด้วย ยืนยันว่า ผลการสอบสวนจะไม่มีปิดบังแต่อย่างใด
พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า จะนำผลการตรวจสอบทางการแพทย์ มาประกอบการสอบสวนด้วย ดังนั้นจึงยังไม่ให้น้ำหนักในประเด็นใดเป็นพิเศษ ซึ่งกรอบของคณะกรรมการฯ ตรวจสอบในเรื่องความผิดทางวินัย และหากพบใครทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทหาร หรือ นักเรียนเตรียมทหาร ต้องถูกลงโทษตามขั้นตอน ส่วนการสอบสวนของตำรวจ ก็เป็นเรื่องในทางคดีตามกฎหมาย ยืนยันว่าไม่กดดันต่อกระแสสังคมที่ต้องการให้เรื่องนี้ชัดเจนโดยเร็ว เพราะความจริง กับความถูกใจต้องแยกกัน
แหล่งข่าวจากโรงเรียนเตรียมทหาร กล่าวถึงกระแสข่าว โรงเรียนเตรียมทหาร กักตัวเด็กนักเรียนบางส่วน เพื่อสอบสวนกรณีที่ นตท.ภคพงศ์ เสียชีวิต ว่า ไม่ได้มีการกักตัว ขณะนี่เด็กนักเรียนอยู่ในระหว่างการฝึกภาคทะเล และยังคงปฏิบัติภารกิจตามปกติ และขณะนี้ยังไม่ทราบว่า ใครถูก หรือผิด คงจะไปกักตัวเด็กไว้ไม่ได้ ต้องรอผลการสอบสวน ของกมธ. ที่กองทัพไทยแต่งตั้งขึ้นมา ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามขณะนี้คณะกรรมการชุดที่กองทัพไทยตั้งขึ้นมาได้ดำเนินการสอบสวน และได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเช่น ผู้พัน เจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด