ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กตู่"นำครม.ลงใต้ คุยชาวปัตตานี ขออย่าเกลียด "บิ๊กป้อม-ทหาร" บอกมาเพื่อพัฒนาบ้านเมืองให้ดีขึ้น ไม่ได้หาเสียง ยันหาทางแก้ราคายางเต็มที่ ไม่มีการบิดเบือนข้อมูลเพื่อเอาตัวรอด ย้ำสั่งทุกกระทรวงใช้ประโยชน์จากยางพาราแล้ว ไม่ทำถือว่าขัดนโยบาย พร้อมย้ำอย่ามาประท้วง มันผิดกฎหมาย ก่อนแนะทุกบ้านปลูกมะพร้าว ต่อไปจะได้ขาย ก่อนว๊ากชาวประมง "อย่ามาขึ้นเสียงกับผม" หลังเรียกร้องขอเพิ่มวันออกเรือ ด้านม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาปะทะเดือนตำรวจ หลังปักหลักรอยื่นหนังสือนายกฯ สุดท้ายถูกรวบไปโรงพัก 16 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น.วานนี้ (27 พ.ย.) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบินที่ 6 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. พร้อมคณะลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อพบปะประชาชน ติดตามความคืบหน้าโครงการสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และติดตามรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และความคิดเห็นจากผู้นำท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ พร้อมกับสร้างการรับรู้เกี่ยวกับนโยบายและการดำเนินแผนงานโครงการของรัฐบาลในรอบ 3 ปี รวมทั้งสร้างขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ คณะของนายกฯ เดินทางถึงสนามบินกองบิน 56 จ.สงขลา เวลา 09.10 น. จากเดิมมีกำหนดลงเครื่องที่สนามบินบ่อทอง จ.ปัตตานี เพราะเกิดน้ำท่วม จากนั้น นายกฯ ได้เดินทางโดยรถยนต์ ไปยังตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อพบปะประชาชน กว่า 2,000 คน
**ขอคนใต้อย่าเกลียด"บิ๊กป้อม-ทหาร"
โอกาสนี้ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ได้มาพบปะชาวใต้อีกครั้งอย่างเป็นทางการ เพื่อต้องการทำความเข้าใจนโยบายของรัฐบาล ไม่ได้มาหาเสียง จากนั้นนายกฯ ได้แนะนำรัฐมนตรีที่ร่วมเดินทางมาด้วย ซึ่งเมื่อแนะนำพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายกฯ ระบุว่างานด้านความมั่นคงในขณะนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ และต่อไปเศรษฐกิจก็จะดีตามมา ขออย่าไปเกลียดท่าน เพราะบ้านเมืองจะได้มีแต่คนดีๆ และนายกฯ ยังถามประชาชนด้วยว่า รังเกียจทหารไหม และกล่าวว่า ขออย่ารังเกียจทหาร เพราะเลือดสีเดียวกันทั้งนั้น ตั้งแต่เข้ามาทุกอย่างมีการพัฒนาขึ้นหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทุกคนเป็นคนไทยทั้งสิ้น ไม่ว่าเชื่อชาติใดก็ตาม แต่เมื่อมีสัญชาติไทย มีสิทธิเหมือนกัน จึงขออย่าให้ใครแบ่งแยก และแบ่งแยกไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ แม้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศาสนา ส่วนเรื่องความสงบในพื้นที่ อยู่ที่เราทั้งหมด เพราะเป็นเสียงส่วนใหญ่ เราเป็นคนยุติทุกอย่างได้
**ยันแก้ราคายางเต็มที่-ขู่เดินประท้วงผิดกม.
นายกฯ กล่าวต่อว่า การลงมาประชุมที่ภาคใต้ครั้งนี้ จะมีการลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ หลายโครงการที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก ส่วนเรื่องยางพารา ต้องแก้โดยการปลูกในพื้นที่ถูกต้อง และต้องดูแลคนที่บุกรุกพื้นที่ป่าหรือภูเขาด้วย ยืนยันว่าได้แก้ปัญหาเรื่องยางพาราอย่างเต็มที่ และไม่เคยบิดเบือนข้อมูล เพื่อให้ตัวเองรอด แต่ขอให้ทุกคนเข้าใจว่า การแก้ปัญหาต้องค่อยเป็นค่อยไป และต้องดูตลาดโลกด้วย
"อย่าออกมาเดินขบวนประท้วงหรือออกมาวิ่ง เพื่อเรียกร้องอะไรเลย รัฐบาลกำลังหาทางแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำอยู่ ทั้งกระตุ้นให้เกิดการใช้ยางให้มากขึ้นในด้านการคมนาคม ปล่อยให้ตูนเขาวิ่งไปเถอะ พวกท่านไม่ต้องไปวิ่งประท้วง เดี๋ยวจะผิดกฎหมายกันอีก"นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนขอสั่งการให้มีการตรวจสอบสต็อกยางที่มีอยู่ทั้งหมดว่ามีจำนวนเท่าไร และใช้ยางในประเทศให้มากขึ้นเป็นแสนตันให้ได้โดยเร็ว และเป็นเรื่องที่ต้องทำ เป็นข้อสั่งการ และขอสั่งการให้ทุกกระทรวง ร่วมมือกันใช้ยางพาราปูอ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะในอ่างเก็บน้ำที่เก็บน้ำไม่อยู่ หากไม่ทำ จะถือว่าไม่ปฏิบัติตามนโยบายของนายกฯ
พร้อมกันนี้ ขอให้ปลูกมะพร้าวทุกบ้าน วันหน้าจะขายได้และมีกำไร ปลูกไว้ไม่กี่ปีก็โตแล้ว และกลายเป็นสมบัติให้แก่ลูกหลานได้ ทุกวันนี้เราผลิตไม่พอ แต่รับจากต่างประเทศมาแปรรูป บางสวนเลิกทำ ก็ปล่อยมะพร้าวร่วงลงดิน เกิดปัญหาหนอนหัวดำ ตนขอสั่งการให้ตรวจสอบบ้านใดต้นกำเนิดหนอนหัวดำ จะสั่งปรับ ขอให้ดูแลสวนด้วย
**ฉุน"ประมง"จี้ แก้กม.เพิ่มวันออกเรือ
จากนั้นนายกฯ ได้เดินทักทายประชาชน ซึ่งระหว่างนั้น นายภรัณยู เจริญ อายุ 34 ปี ชาว จ.ปัตตานี อาชีพทำการประมง ได้ร้องเรียนอยากให้แก้ไขกฎระเบียบเกี่ยวกับการทำประมง ที่กำหนดให้ชาวประมงสามารถออกเรือไปทำประมงได้ 220 วันต่อปี ซึ่งถือว่าน้อยเกินไป ทำให้ผู้ประกอบอาชีพประมง ประสบกับภาวะขาดทุน เป็นหนี้เป็นสินจากต้นทุนที่สูงขึ้น จึงอยากให้แก้กฎหมายเพิ่มวัน ระหว่างอธิบายนายภรัณยู ได้ใช้เสียงดัง เพื่อเเข่งกับเสียงของนายกฯ ที่พูดผ่านไมโครโฟน ทำให้นายกฯ ไม่พอใจ ตวาดนายภรัณยูว่า "ไม่ควรมาขึ้นเสียงกับผม พูดดีๆ ก็ได้ ผมพร้อมรับฟังปัญหา แต่ต้องดูผลกระทบภาพรวมเรื่องประมง การส่งออก และเรื่องการขัดระเบียบกฎเกณฑ์ของต่างประเทศด้วย" จากนั้น พล.อ.วิลาส อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ ได้ไปทำความเข้าใจกับนายภรัณยู และให้ไปเขียนคำร้อง ยังศูนย์ดำรงธรรม
**"บิ๊กตู่"อารมณ์บูด แผนงานล่าช้า
ต่อมานายกฯ ได้เดินทางไปยังพื้นที่เกษตรอุตสาหกรรมแปรรูปโรงงานน้ำมันปาล์ม บริษัท ปาล์มพัฒนาชายแดนใต้ ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อรับฟังบรรยายสรุปถึงแผนงานต่างๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนายกฯ ระบุว่า 3 ปีผ่านมา หลายอย่างมีความคืบหน้าช้ามาก จากนี้ไปให้ทุกฝ่ายเร่งรัดให้งานทุกอย่างคืบหน้า ต้องกระจายการพัฒนาทั้งหมดไปถึงประชาชน เช่น การพัฒนาปศุสัตว์ ต้องจัดหาพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ที่มีคุณภาพให้กับประชาชนและให้หน่วยงานราชการวางแผนร่วมกับเกษตรกร เพื่อกำหนดพื้นที่การเพาะปลูกให้เหมาะสม ลดการนำเข้า แต่ต้องไม่ให้สินค้าล้นตลาด
หลังการบรรยายสรุป เป็นที่น่าสังเกตว่า นายกฯ อารมณ์ไม่ดี โดยในช่วงเดินเยี่ยมชมนิทรรศการ และงานวิจัยสินค้าเกษตรอุตสาหกรรมแปรรูป ของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน นายกฯ ได้สอบถามรายละเอียดแผนงาน กับเจ้าหน้าที่ ด้วยน้ำเสียงที่เข้ม และดัง พร้อมเรียกหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี , ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้มาพูดคุยกับผู้ประกอบการโดยตรง
นอกจากนี้ นายกฯ ได้กล่าวขณะเยี่ยมชมบูธต่างๆ ว่า รัฐบาลคิด รัฐบาลรู้ รัฐบาลพูด แต่ถ้าไม่ร่วมมือ ก็ไปไม่ได้ ถ้าหวังรับจากรัฐอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องรวมกลุ่มกัน พร้อมกล่าวว่า "ทุกวันนี้แก้ปัญหายางพาราอยู่ ถ้ากินได้ กินไปแล้ว" ซึ่งในช่วงท้าย นายกฯ ได้กล่าวคำขอโทษ ที่พูดเสียงดังไปบ้าง
**ครม.สัญจรเหลือ14 คนครบองค์ประชุม
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมครม.สัญจร ที่จ.สงขลา จะมีรัฐมนตรีมาร่วมประชุม 14 คน เพราะมีรัฐมนตรีบางคนลา และติดภารกิจต่างประเทศ แต่ก็ถือว่า ครบองค์ประชุม ตามระเบียบข้อบังคับการประชุม ครม. ที่กำหนดไว้ 1ใน 3 ของครม. ที่มีจำนวน 36 คน รวมนายกรัฐมนตรี ดังนั้น สามารถพิจารณา เห็นชอบ และอนุมัติ วาระการประชุมได้ตามปกติ
***ม็อบต้านโรงไฟฟ้าปะทะตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณสี่แยกสำโรง จ.สงขลา กลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา หรือเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ได้รวมตัวกันบริเวณดังกล่าว เพื่อยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี และ ครม. เพื่อคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา โดยกลุ่มได้ลงนอนที่บริเวณผิวการจราจร หลังจากแกนนำได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 9 และทหาร จากมณฑลทหารบกที่ 42 บอกว่า จะมีตัวแทนจากรัฐบาล หรือเลขาธิการนายกฯ มารับหนังสือคัดค้านดังกล่าว แต่ปรากฏว่าถึงเวลา 14.40 น. ยังไม่มีใครมารับหนังสือ ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ เนื่องจากยังไม่มีใครได้รับประทานอาหารกลางวัน จึงได้เกิดการประทะกันเล็กน้อย ระหว่างชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ เนื่องจากชาวบ้านต้องการที่จะฝ่าด่าน ไปรับประทานอาหารกลางวัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม ทำให้ชาวบ้านได้รับการบาดเจ็บ 4-5 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รีบนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลทันที
จากนั้น เวลา 16.00 น. พล.ต.วรพล วรพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหทรบกที่ 42 จ.สงขลา ได้เดินทางมาพูดคุยกับ นายปาฏิหารย์ บุญรัตน์ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ เพื่อขอให้แกนนำที่มีอำนาจตัดสินใจมาพูดคุยกับเลขาธิการนายกฯ พร้อมบอกกับแกนนำว่า ขอให้หยุดการชุมนุม เพราะขณะนี้เริ่มมีการล้ำเส้นกฎหมาย ชุมนุมเกิน 5 คน ซึ่งอาจทำให้แกนนำรับไม่ไหว หากมีเหตุการณ์ปะทะเกิดขึ้นมาอีก และจากนั้นตำรวจได้เข้ามาปิดล้อม ป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุม ฝ่าวงล้อมไปที่โรงแรม บีพี สมิหลา ซึ่งเป็นสถานที่ๆ นายกฯ จะหารือกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน และระหว่างการเจรจา ผู้ชุมนุมได้วิ่งฝ่าวงล้อม เพื่อไปยังสถานที่ประชุม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ไปดักกลางทาง และเกิดการปะทะกันชุลมุน โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที เหตุการณ์จึงสงบลง มีผู้ชุมนุมถูกนำตัวขึ้นรถไป 16 คน และถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ สภ.เมืองสงขลา