xs
xsm
sm
md
lg

ว่าด้วย...อำนาจนิยมแบบใหม่ (จบ)

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


“Neo-Authoritarianism” หรือ “อำนาจนิยมใหม่” ตามแบบฉบับจีนๆ...จะดี-ไม่ดี ผิดๆ-ถูกๆ หรือไม่ประการใด นั่นคงต้องปล่อยให้พวกนักคิด นักทฤษฎี เขาไปนั่งเถียง นอนเถียงกันเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยหลักคิด วิธีคิด ซึ่งกลายมาเป็นระบอบการปกครองที่เรียกๆ ว่า “สังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะ” ตามบุคลิกของความเป็นจีนนั้น ได้ส่งผลให้ประเทศจีนสามารถเติบโตก้าวหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่ง แข็งแรง ชนิดกำลังผงาดขึ้นเป็น “มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก” อีกไม่ใกล้-ไม่ไกล...

ถึงขั้นที่ “นายเจอรัลด์ เซเลนเต” (Gerald Celente) เจ้าของนิตยสาร “Trends Journal” ผู้ก่อตั้งสถาบัน “Trend Research Institute” ซึ่งเคยทำนายเรื่องวิกฤตตลาดหุ้นปี ค.ศ. 1987 การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1991 ไปจนถึงวิกฤตฟองสบู่แตกในปี ค.ศ. 2001 ฯลฯ ได้อย่างชนิดแม่นยำราวตาเห็นต้องออกมาทำนายทายทักเอาไว้อีกครั้งเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกาฯ ที่ผ่านมานี่เอง ว่ายังไงๆ...ก็ไม่น่าจะเกินปี ค.ศ. 2027 จีนจะกลายเป็นประเทศที่มี “ขนาดเศรษฐกิจ” ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้าคุณพ่ออเมริกาอย่างชนิดไม่เห็นฝุ่น เห็นหาง...

แถมไม่ใช่แต่เฉพาะจีดีพีของจีน ที่โตในระดับ 6.5-7 เปอร์เซ็นต์มาโดยตลอด จะเบียดแซงจีดีพีอเมริกาที่ติดแหงกอยู่ที่ประมาณ 2.5 เปอร์เซ็นต์ไม่เกินนั้น ให้ต้องชิดซ้าย ตกคู ตกคลองเอาง่ายๆ แต่กระทั่งรายได้ของบรรดาชนชั้นกลางในเมืองจีน ที่เคยอยู่ในระดับประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี ค.ศ. 2000 หรือก่อนที่จีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก และปัจจุบันก้าวกระโดดพรวดพราดขึ้นมาถึงระดับ 35 เปอร์เซ็นต์เข้าไปแล้ว จะเพิ่มขึ้นไปมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ภายในปี ค.ศ. 2026 แซงหน้าชนชั้นกลางของอเมริกาที่เคยมีรายได้ขึ้นไปถึง 65 เปอร์เซ็นต์ในปี ค.ศ. 1971 แล้วค่อยๆ ร่วงเหลือแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบันนี้ จนทำให้ความเป็นประชาธิปไตยแทบกินไม่ได้ หรือไม่มีจะแ-ก เอาง่ายๆ ต่างไปจาก “อำนาจนิยมแบบจีนๆ” หรือแบบ “Neo-Authoritarianism” ที่มีแต่จะซดแล้ว ซดอีกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

อย่างไรก็ตาม...ความเป็น “อำนาจนิยม” เป็น “Neo-Authoritarianism” แบบจีนๆ ก็ใช่ว่าจะลอกเลียนแบบกันได้ง่ายๆ เพราะภายใต้อำนาจนิยม หรืออำนาจที่รวมศูนย์เพื่อชี้นำใครต่อใครนั้น ผู้ที่อยู่ในศูนย์อำนาจนั้นๆ...มีแต่จะต้องตั้งมั่นอยู่ในความถูกต้อง เป็นธรรม อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้โดยเด็ดขาด!!! ไม่งั้น...คงไม่ต่างอะไรไปจากเผด็จการเดิมๆ หรือฟาสซิสต์ธรรมดาๆ นั่นเอง และอาจด้วยเหตุที่ผู้นำ หรือผู้ที่รวมศูนย์อำนาจเอาไว้ในมือ อย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” นั้น ท่านออกจะ “เอาเรื่อง” อยู่ไม่น้อย ไม่ว่าในแง่ของการเข้มงวดวินัยพรรคบนพื้นฐานของความเป็นพรรคแห่งชนชั้นกรรมาชีพ ไม่ได้มุ่งแต่คิดจะช่วยเหลือนายทุน คิดดึงเอานักธุรกิจเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคอย่างที่อดีตประธานาธิบดี “เจียง เจ๋อหมิน” เคยคิดๆ มาก่อนหน้านั้น แถมยังหันมาขจัดกวาดล้างการทุจริต คอร์รัปชันแบบไม่สนใจเพื่อนพ้อง น้องพี่ ไม่ว่าหน้าไหนต่อหน้าไหน หน้ามังกร หน้าพยัคฆ์หน้าสุนัข ต่างถูกจับมาเชือดเป็นรายๆ สะท้อนให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ สุจริต การยึดมั่นในความถูกต้องเป็นธรรมของตัวบทกฎหมาย พยายามปรับปรุงแนวคิดและพฤติกรรมในเชิงปฏิบัติของชาวจีน ไม่ให้หนักไปทางวัตถุจนเกินไป ให้หันมาสนใจกับคุณค่าทางจิตใจ ไม่ว่าการให้ความสำคัญกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ปรัชญาและศาสนาที่ไม่ขัดแย้งกับอุดมคติ อุดมการณ์สังคมนิยม ไปจนถึงความพยายามนำพาสังคมจีนไปสู่สังคมที่ตั้งมั่นอยู่บนความพอเพียง ฯลฯ ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ล้วนปรากฏอยู่ในคำชี้แนะ ชี้นำที่เรียกกันว่า “หลักการสี่ถ้วนทั่ว” (Four Comprehensive) ของผู้นำแบบรวมศูนย์อำนาจรายนี้มาตั้งแต่แรก...

ความเป็น “อำนาจนิยมใหม่” หรือ “Neo-Authoritarianism” แบบจีนๆ จึงค่อยๆ ดูเก๋ ดูเท่ ขึ้นมาตามลำดับ แม้ว่าแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “เผด็จการ” ทั้งดุ้น ทั้งด้ามนั่นเอง หรือพูดง่ายๆ ว่า...ถ้าลองออกไปในแนว “เผด็จการโดยธรรม” ซะอย่าง โอกาสที่จะดูเก๋ ดูเท่ ดูดี ย่อมมีความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าหาก “ธรรมหาย”ขึ้นมาในวันหนึ่ง วันใด ช่วงหนึ่ง ช่วงใดจะเป็นคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ขันติธรรม วิริยะธรรม ธรรมาภิบาล ฯลฯ หรืออะไรธรรมๆ ก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะ “Neo” ไปถึงขั้นไหน...ยังไงๆ ย่อมมีสิทธิ “เจ๊ง” ไม่ต่างไปจากระบอบอื่นๆ หรือแม้กระทั่งระบอบประชาธิปไตยนั่นแล...

ด้วยเหตุนี้...ถ้าคิดจะลอกเลียนแบบ คงต้องลอกเอา “แก่น” ที่ทำให้ความเป็น “Neo-Authoritarianism” ของจีน ไม่ถึงกับน่าเกลียด น่าชัง เหมือนอย่างบรรดา “อำนาจนิยม” แบบเก่าๆ หรือแบบโดยทั่วไป อย่าไปลอกเอามาเฉพาะ “เปลือก” แบบที่ลอกประชาธิปไตยของใครต่อใครมายัดใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญในแต่ละครั้ง จนทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลยต้องวนไป-วนมาอยู่ใน “วงจรอุบาทว์” เกือบจะร่วมศตวรรษเข้าไปแล้ว ส่วนประชาธิปไตยที่เรียกๆ กันว่า “แบบจัดสรรปันส่วนผสม” ซึ่งเผด็จการแบบไทยๆ ได้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาใหม่ มันจะ “Neo” ไม่ “Neo” หรือไม่ อย่างไร เวิร์ค-ไม่เวิร์ค ต้องย้อนไปสู่เส้นทางเก่าๆ หรือจะเกิดการ “ผ่าทางตัน” ไปสู่สิ่งใหม่ๆ อันนี้...ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมขึ้นอยู่กับคำว่า “ธรรม” นั่นแหละ ที่จะเป็นตัววัดตัดสินว่าอะไรไปได้-ไปไม่ได้ อะไรก้าวหน้า หรือถอยหลัง อะไรที่จะนำไปสู่ความเจริญเติบโต มั่นคง มั่งคั่ง และอะไรที่จะนำมาสู่ความเสื่อม ความขัดแย้งแตกแยก ความเหลื่อมล้ำ ความเจริญอยู่แค่ 2 เจริญเท่านั้นเอง!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น