ผู้จัดการรายวัน 360 - อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ให้พิจารณาคดีลับหลัง 2 คดี "ทักษิณ" ปล่อยกู้กรุงไทย-แก้กม.สัมปทานโทรศัพท์มือถือและดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต พร้อมมอบให้ดีเอสไอเป็นผู้ติดตามตัวมาดำเนินคดี ย้ำ "แม้ว" ต้องหนีตลอดชีวิต หากศาลตัดสินให้มีความผิด เพราะกฎหมายใหม่ไม่มีอายุความ
วานนี้ (21 พ.ย.) นายวันชาติ สันติกุญชร โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และพนักงานอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริต ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อไปโดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย โดยคดีที่นำมายื่นให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก่อนที่จะมีการจำหน่ายออกไป มี 2 สำนวนคดี คือ สำนวนคดีร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยฯกับกลุ่มกฤษดามหานคร และสำนวนคดีที่กล่าวหาทุจริตการออกกฎหมาย แปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม และมือถือ เป็นภาษีสรรพสามิตร ซึ่งขณะนี้ต้องรอศาลฯ พิจารณาว่าจะมีคำสั่งออกมาอย่างไร หากศาลฯ มีคำสั่งให้นำคดีกลับมาพิจารณาอีกครั้ง ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องมีการสืบพยานฝ่ายโจทย์และจำเลยต่อไป
ด้าน นายประยุทธ์ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า นายทักษิณ สามารถใช้สิทธิตั้งทนายความเข้าชี้แจง โต้แย้ง หรือต่อสู้คดีความได้ ก่อนที่ศาลจะมีการพิพากษา พร้อมกับยืนยันว่าหลังมีการประกาศใช้พ.ร.บ.ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 ทางอัยการพบว่ามีคดีของนายทักษิณ 2 คดีดังกล่าว อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะต้องดำเนินตามกระบวนการพิจารณาคดีต่อไป และยืนยันว่าอัยการสูงสุดทำตามหน้าที่ ไม่มีการเลือกปฏิบัติ
สำหรับการติดตามตัวนายทักษิณกลับมาดำเนินคดี นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า การติดตามตัวนายทักษิณ เป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และหากศาลฯ พิจารณาแล้วว่านายทักษิณ มีความผิด อาจจะต้องหลบหนีไปตลอดชีวิต เพราะตามกฎหมายใหม่ คดีจะไม่มีการหมดอายุความ
ส่วนการติดตามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้นางสาวยิ่งลักษณ์หลบหนีไปอยู่ใด เมื่อทราบที่อยู่แน่ชัด จึงจะสามารถดำเนินการเพื่อส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้
ด้านนายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตนเตรียมจะนำเข้าที่ประชุมคณะทนายความชุดเดิมที่ทำไว้ทั้ง 2 คดี เพื่อพิจารณาว่ามีความเห็นอย่างไรต่อไป และรอว่าศาลจะมีคำสั่งประการใด โดยจะพิจารณาประเด็นหลักเรื่องข้อกฎหมายตามที่อัยการแถลงข่าว ในมาตรา 27, 28 และบทเฉพาะกาล ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ที่มีการอ้างถึงนั้น ใช้บังคับกับคดีเก่าที่อัยการสูงสุดเคยยื่นฟ้องแล้วหรือไม่
วานนี้ (21 พ.ย.) นายวันชาติ สันติกุญชร โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และพนักงานอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริต ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อไปโดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย โดยคดีที่นำมายื่นให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก่อนที่จะมีการจำหน่ายออกไป มี 2 สำนวนคดี คือ สำนวนคดีร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยฯกับกลุ่มกฤษดามหานคร และสำนวนคดีที่กล่าวหาทุจริตการออกกฎหมาย แปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม และมือถือ เป็นภาษีสรรพสามิตร ซึ่งขณะนี้ต้องรอศาลฯ พิจารณาว่าจะมีคำสั่งออกมาอย่างไร หากศาลฯ มีคำสั่งให้นำคดีกลับมาพิจารณาอีกครั้ง ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องมีการสืบพยานฝ่ายโจทย์และจำเลยต่อไป
ด้าน นายประยุทธ์ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า นายทักษิณ สามารถใช้สิทธิตั้งทนายความเข้าชี้แจง โต้แย้ง หรือต่อสู้คดีความได้ ก่อนที่ศาลจะมีการพิพากษา พร้อมกับยืนยันว่าหลังมีการประกาศใช้พ.ร.บ.ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 ทางอัยการพบว่ามีคดีของนายทักษิณ 2 คดีดังกล่าว อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่จะต้องดำเนินตามกระบวนการพิจารณาคดีต่อไป และยืนยันว่าอัยการสูงสุดทำตามหน้าที่ ไม่มีการเลือกปฏิบัติ
สำหรับการติดตามตัวนายทักษิณกลับมาดำเนินคดี นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า การติดตามตัวนายทักษิณ เป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และหากศาลฯ พิจารณาแล้วว่านายทักษิณ มีความผิด อาจจะต้องหลบหนีไปตลอดชีวิต เพราะตามกฎหมายใหม่ คดีจะไม่มีการหมดอายุความ
ส่วนการติดตามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้นางสาวยิ่งลักษณ์หลบหนีไปอยู่ใด เมื่อทราบที่อยู่แน่ชัด จึงจะสามารถดำเนินการเพื่อส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้
ด้านนายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตนเตรียมจะนำเข้าที่ประชุมคณะทนายความชุดเดิมที่ทำไว้ทั้ง 2 คดี เพื่อพิจารณาว่ามีความเห็นอย่างไรต่อไป และรอว่าศาลจะมีคำสั่งประการใด โดยจะพิจารณาประเด็นหลักเรื่องข้อกฎหมายตามที่อัยการแถลงข่าว ในมาตรา 27, 28 และบทเฉพาะกาล ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ที่มีการอ้างถึงนั้น ใช้บังคับกับคดีเก่าที่อัยการสูงสุดเคยยื่นฟ้องแล้วหรือไม่