xs
xsm
sm
md
lg

ความประมาทคือหนทางสู่ความตาย

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ดิน-ฟ้า-อากาศบ้านเราช่วงนี้...ออกจะ “แปลกๆ”มิใช่น้อย คือถึงจะย่างเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ ตามคำประกาศของกรมอุตุฯ แต่โดยข้อเท็จจริงเท่าที่สัมผัสได้ด้วยสายตา ด้วยเนื้อหนังมังสา คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...แทบแยกไม่ออกว่าเอาไป-เอามาแล้ว เรากำลังอยู่ในฤดูไหนกันแน่!!! เพราะมันมีทั้งอุณหภูมิความร้อน ความเปียกแฉะ สอดแทรกเข้ามาในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ ที่พอได้หนาวๆ แบบของจริง-ของแท้ น่าจะมีอยู่แค่วันเดียวเท่านั้น หลังจากนั้น...ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็น 3 ฤดู ภายในฤดูเดียวกัน หนาวนิดๆ ในตอนหัวรุ่ง สายๆ เริ่มร้อนตับแตก บ่ายๆ เจอกับฝนสั่งฟ้าชนิดโครมๆ ครามๆ
 
ความผันผวนปรวนแปรของดิน-ฟ้า-อากาศนั้น...ถ้าว่ากันตามแนวคิดทฤษฎีในตำราพระไตรปิฎก ท่านถึงกับนำไปเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับเรื่องความเป็นไปในหมู่มวลมนุษย์ เรื่องของการปกครอง การดูแลสังคมในแต่ละสังคม แบบชนิดเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน”ไปจนได้ แต่แนวคิดทฤษฎีที่ว่านี้ จะสามารถนำมาเทียบเคียงกับฉากสถานการณ์ความเป็นไปในบ้านเราได้มาก-น้อยขนาดไหน อันนั้น...คงต้องไปว่ากันตามความเชื่อ ตามรสนิยมของใคร-ของมันกันเอาเอง แต่สำหรับผู้ที่ “ไม่คิดจะตั้งอยู่ในความประมาท”ไม่ว่าภายใต้ฉากสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม ความผันผวนปรวนแปรของดิน-ฟ้า-อากาศในช่วงนี้ อาจนำมาใช้เป็น “สัญญาณ” เป็น “เครื่องเตือนสติ”ได้บ้างไม่มากก็น้อย...
 
ใครก็ตามที่มีความมั่นอก-มั่นใจในทาง “การเมือง”จะด้วยเหตุเพราะมีมาตราฉี่ฉิบฉี่เอาไว้ในมือ มีตำรวจ ทหาร ทั้งกองทัพมีข้าราชการและนักธุรกิจระดับเจ้าสัวยืนหยัดเคียงข้างอยู่เป็นแผงๆ อาจต้องคิดหน้า-คิดหลังเอาไว้บ้างนิดๆ โดยเฉพาะในช่วงสุดท้ายปลายทางของ “ระยะผ่าน”หรือของ “โรดแมป” ก็ตามที เพราะภายใต้ความ “สงบ-เรียบ-นิ่ง” ตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มาถึง ณ ขณะนี้...มันจะเป็นเพียงความสงบ-เรียบ-นิ่งที่ปรากฏอยู่บนผิวหน้า พื้นผิว หรือไม่ อย่างไร คงต้องมองให้ลึก มองให้แตก มองไปถึงกระแสที่ไหลเวียนอยู่ในห้วงลึกๆ ว่ามันกำลังมีอะไรสอดแทรกเข้ามาภายใต้บรรยากาศความพยายามตกแต่งโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ การปรับคณะรัฐมนตรี ที่อะไรต่อมิอะไรมันออกจะเลยไปจากเรื่องการอยู่-ไม่อยู่ ของ “บิ๊กป้อม” “บิ๊กป๊อก” “บิ๊กฉัตร”ฯลฯ ไปเยอะแล้ว!!! ส่วนจะไปไกลถึงไหน อันนี้นี่แหละ...ที่ต้องเงยหน้าดูฟ้า ก้มหน้าดูดิน กันให้ถ้วนถี่ ไม่งั้นมีสิทธิหงายท้องตึง หลับกลางอากาศเอาง่ายๆ...

ส่วนผู้ที่มีความมั่นอก-มั่นใจในเรื่อง “เศรษฐกิจ”ชนิดแค่ได้เห็นตัวเลขส่งออก ตัวเลขอัตราการขยายตัวของจีดีพีที่มีแนวโน้มเป็นไปในทางบวก ฯลฯ ก็ถึงขั้นลุกขึ้นมาป่าวประกาศจะขจัดคนจน ขจัดความยากจนให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทยภายในปีหน้ากันเลยนั้น อันนี้...คงต้องเหลียวหน้า เหลียวหลัง หันไปมองรอบๆ ให้ถนัดชัดเจนยิ่งๆ ขึ้นไป คือแม้ว่าแนวโน้มในทางบวกของบรรดา “ตัวเลข”ต่างๆ มันจะเกิดขึ้นภายใต้อานิสงส์ของเศรษฐกิจโลก ซึ่งทำท่าว่าอาจพอกระเตื้องๆ ขึ้นมามั่ง แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว...บรรยากาศหลักๆ ของโลกทุกวันนี้ มันยังไม่น่าจะเป็นบรรยากาศที่เอื้ออำนวยกับการค้าๆ ขายๆ มากมายซักเท่าไหร่ เพราะที่ซื้อง่าย-ขายคล่องมากที่สุด คงหนีไม่พ้นสินค้าประเภท “อาวุธยุทโธปกรณ์”ทั้งหลายนั่นแหละเป็นหลัก หรือเป็นบรรยากาศที่หนักไปทาง “สงคราม”แทบไม่เหลือกลิ่นอายแห่ง “สันติภาพ”ไว้บ้างเลย โอกาสที่จะทำมาค้า-ขาย สร้างรายได้ให้เป็นกอบ เป็นกำ ชนิดไม่เหลือคนจนติดประเทศกันในปีนี้ ปีหน้า มันจึงออกจะเป็นอะไรที่ “สวนทาง”กับภาวะความเป็นไปในโลกอยู่พอสมควรเหมือนกัน...
 
อย่างที่คิดๆ กันว่า...ตัวเลขการซื้อๆ-ขายๆ ในตลาดหุ้นไทยปีหน้า อาจพุ่งขึ้นไปถึง 1,900 จุด อันนี้...ก็เสียดายที่ไม่มีโอกาส ได้สอบถามผู้เชี่ยวชาญระดับ “กูรู” อย่างคุณพี่ “สุนันท์ ศรีจันทรา” ที่เพิ่งเจอกันในงานศพเมื่อสองวันก่อน เพราะเมื่อวานมานี้เอง ที่เผอิญเพิ่งไปอ่านเจอข่าวจาก “รอยเตอร์”ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์ สอบถามความคิดเห็นของนักยุทธศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน-การทอง อย่าง “นายบิล เบลน”(Bill Blane) นักวิเคราะห์ตลาดทุนชาวอังกฤษ แห่งบริษัท “Mint Partners” ที่มีบริษัทลงทุนชั้นนำกว่า 500 บริษัททั่วโลกเป็นลูกค้า ซึ่งกลับ “ส่งสัญญาณ”แปลกๆ แปร่งๆ ถึงขั้นว่า...อาจกำลังเกิดภาวะ “ความพังพินาศครั้งใหญ่แห่งปี ค.ศ. 2018”(The Great Crash of 2018) ต่อตลาดทุน ตลาดเงินๆ-ทองๆ ภายในปีที่จะถึงชนิดที่อาจหนักกว่า “วิกฤตการเงินปี 2008”เอาเลยถึงขั้นนั้น โดยจะมี “ฟองสบู่”ใน “ตลาดตราสารหนี้”เป็นตัวลั่นไก ต่างไปจากฟองสบู่ในตลาดจำนองอสังหาริมทรัพย์เมื่อสิบปีที่แล้ว แต่จะส่งผลแห่งความพังพินาศไม่แตกต่างไปจากกัน หรืออาจหนักกว่าด้วยซ้ำ จริง-ไม่จริง...นั่นคงต้องรอไปพิสูจน์กันในปีหน้า แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ข่าวคราวดังกล่าว มันออกจะไม่สอดคล้องกับความพยายามขจัดคนจน ขจัดความยากจน ให้หมดไปจากประเทศไทยในปีหน้า ปีโน้นมากมายซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะถ้าบรรดาความรวย-ความจนทั้งหลาย ยังต้องอาศัย “ตัวเลข” ต่างๆ เป็นเครื่องวัด...
 
คือเรื่องความจน-ไม่จน รวย-ไม่รวย...มันน่าที่จะอาศัย “แนวคิด”หรือ “หลักปรัชญา”นั่นแหละ มาใช้เป็นตัววัดตัดสินน่าจะเหมาะกว่า อย่างที่นักคิด นักปรัชญาชาวโรม รุ่นโบร่ำโบราณ ชื่อว่า “เซเนกา” (Seneca) ท่านเคยกล่าวเป็นภาษิตเอาไว้ว่า “It is not the man who has too little who is poor, but the one who craves more.”หรือ “ผู้ที่มีไม่มากไม่ใช่คนจน เพราะคนจนคือผู้ที่อยากมีโดยไม่รู้จักพอ”อะไรทำนองนั้น ดังนั้น...ความพยายามขจัดคนจน ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทยในปีหน้า ถ้าหากหมายถึงการขจัดคนจนประเภท “ผู้ที่อยากมีโดยไม่รู้จักพอ” แล้วล่ะก็ อาจพอเป็นไปได้อยู่มั่งพูดง่ายๆ ว่า...ถ้าหากการคาดการณ์ คำทำนายของ “นายบิล เบลน” แกเกิดเป็นจริงขึ้นมาเมื่อไหร่ อันนั้นนั่นแหละ...ผู้ที่ไม่ได้คิดจะเดินตามแนวคิด หลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” หรือผู้ที่อาศัยสิ่งเหล่านี้เป็นแค่ยันต์กันผีกันไปเรื่อยๆ ย่อมมีสิทธิ“จนเสมอหน้า” ไปด้วยกันทั้งหมดอยู่แล้วแน่ๆ...
กำลังโหลดความคิดเห็น