คำว่า คนในความหมายของจริยศาสตร์คือ สิ่งมีชีวิตซึ่งมีความแตกต่างกับสัตว์ 2 ประการคือ
1. ทางด้านโครงสร้างของร่างกาย คนมีโครงสร้างสูงขึ้นในแนวดิ่งของโลก ส่วนสัตว์มีโครงสร้างของร่างกายยาวไปตามแนวนอนของพื้นผิวโลก
2. ทางด้านพฤติกรรมคนแสดงพฤติกรรมภายใต้การควบคุมของเหตุผล ส่วนสัตว์แสดงออกพฤติกรรมภายใต้การควบคุมของสัญชาตญาณ
คำว่า คนในความหมายของพระพุทธศาสนาหมายถึงสัตว์ประเสริฐ จึงเรียกว่ามนุษย์แปลว่าผู้มีจิตใจสูง (มนะ=ใจ และอุษยะ=สูงรวมกันเป็นมนุษย์)
คนตามนัยแห่งคำสอนของพุทธศาสนาประกอบ 2 ส่วนคือ
1. ส่วนกาย
2. ส่วนจิต
ใน 2 ส่วนนี้ แต่ละส่วนมีความต้องการต่างกัน ส่วนที่เป็นกายมีความเบื้องต้นอย่างน้อย 4 ประการคือ 1. อาหาร 2. เครื่องนุ่งห่ม 3. ที่อยู่อาศัย 4. ยารักษาโรค ซึ่งเป็นสิ่งสนองความต้องการขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต
ส่วนที่เป็นจิตมีความต้องการขั้นพื้นฐานคือ ความรัก ความเข้าใจจากผู้คนรอบข้าง และความรู้สึกปลอดภัย เป็นต้น
โดยสรุปคนทุกคนแสวงหาสิ่งที่ตนเองอยากมีและอยากเป็น ถ้าแสวงหาแล้วได้มาก็มีความสุข แต่ถ้าไม่ได้มาก็เป็นทุกข์
ดังนั้น คนทุกคนจึงมีทั้งความสุขกายและความสุขใจเมื่อได้มา และถ้าไม่ได้ก็มีทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจ
แต่โดยรวมแล้ว ความสุขของคฤหัสถ์ตามนัยแห่งคำสอนของพุทธศาสนามีอยู่ 4 ประการคือ
1. อัตถิสุข คือ สุขเกิดจากการมีทรัพย์ ซึ่งทำให้เกิดความภูมิใจและเอิบอิ่มใจว่าตนมีทรัพย์ที่ได้มา
ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนและโดยชอบธรรม
2.โภคสุข คือ สุขเกิดจากการใช้ทรัพย์ ซึ่งทำให้เกิดความภูมิใจ และเอิบอิ่มใจว่าตนได้ใช้ทรัพย์ที่ได้มาโดยชอบนั้นเลี้ยงตนเอง เลี้ยงผู้ที่ควรเลี้ยง และบำเพ็ญประโยชน์
3. อนณสุข คือ สุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้ ซึ่งทำให้เกิดความภูมิใจ และเอิบอิ่มใจว่าตนเป็นไท ไม่เป็นหนี้ติดค้างใคร
4. อนวัชชสุข คือ สุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ ซึ่งทำให้เกิดความภูมิใจ และเอิบอิ่มใจว่าตนมีความประพฤติสุจริต ไม่บกพร่องเสียหาย อันใครๆ ติเตียนไม่ได้ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับกาย วาจา และใจ
ความสุข 4 ประการนี้ เป็นตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตของคนว่าอยู่ดีมีความสุขหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด
ดังนั้น ถ้าท่านผู้อ่านต้องการจะรู้ว่าตนเองหรือคนรอบข้างท่าน หรือแม้กระทั่งคนทั้งประเทศอยู่ดีมีความสุขหรือไม่ ก็ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ รายจ่าย และการเป็นหนี้ รวมไปถึงพฤติกรรมทั้งในส่วนของปัจเจกบุคคล และสังคมโดยรวมแล้วนำมาเปรียบเทียบกับตัวชี้วัด 4 ตัวดังกล่าวแล้ว ก็จะบอกได้ว่าคนไทยในปัจจุบันอยู่อย่างมีความสุขหรืออยู่อย่างมีความทุกข์ ในขณะที่ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และในขณะที่นักวิชาการมุ่งแต่ปั้นตัวเลขจีดีพีโตเท่านั้น เท่านี้ แล้วบอกว่าเศรษฐกิจดีหรือไม่ดีนั้น แท้จริงแล้วการยึดตัวเลขในทำนองนี้มิได้สะท้อนความสุขของคนในชาติแต่ประการใด แต่สะท้อนถึงการที่คนกลุ่มหนึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ให้ดูจากตัวอย่างในประเทศที่เจริญแล้ว และในแต่ละปีตัวเลขความเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แต่ปรากฏว่าคนในชาติส่วนหนึ่ง และอาจเป็นส่วนใหญ่ของประเทศด้วย ไม่มีความสุข 4 ประการตามนัยแห่งคำสอนข้างต้น
จึงสรุปได้ว่า ความเจริญทางวัตถุ และตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจมิได้ประกันว่าคุณภาพชีวิตของคนในชาติจะสูงขึ้นตามตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ตรงกันข้ามอาจสวนทางกันด้วยซ้ำไป
1. ทางด้านโครงสร้างของร่างกาย คนมีโครงสร้างสูงขึ้นในแนวดิ่งของโลก ส่วนสัตว์มีโครงสร้างของร่างกายยาวไปตามแนวนอนของพื้นผิวโลก
2. ทางด้านพฤติกรรมคนแสดงพฤติกรรมภายใต้การควบคุมของเหตุผล ส่วนสัตว์แสดงออกพฤติกรรมภายใต้การควบคุมของสัญชาตญาณ
คำว่า คนในความหมายของพระพุทธศาสนาหมายถึงสัตว์ประเสริฐ จึงเรียกว่ามนุษย์แปลว่าผู้มีจิตใจสูง (มนะ=ใจ และอุษยะ=สูงรวมกันเป็นมนุษย์)
คนตามนัยแห่งคำสอนของพุทธศาสนาประกอบ 2 ส่วนคือ
1. ส่วนกาย
2. ส่วนจิต
ใน 2 ส่วนนี้ แต่ละส่วนมีความต้องการต่างกัน ส่วนที่เป็นกายมีความเบื้องต้นอย่างน้อย 4 ประการคือ 1. อาหาร 2. เครื่องนุ่งห่ม 3. ที่อยู่อาศัย 4. ยารักษาโรค ซึ่งเป็นสิ่งสนองความต้องการขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต
ส่วนที่เป็นจิตมีความต้องการขั้นพื้นฐานคือ ความรัก ความเข้าใจจากผู้คนรอบข้าง และความรู้สึกปลอดภัย เป็นต้น
โดยสรุปคนทุกคนแสวงหาสิ่งที่ตนเองอยากมีและอยากเป็น ถ้าแสวงหาแล้วได้มาก็มีความสุข แต่ถ้าไม่ได้มาก็เป็นทุกข์
ดังนั้น คนทุกคนจึงมีทั้งความสุขกายและความสุขใจเมื่อได้มา และถ้าไม่ได้ก็มีทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจ
แต่โดยรวมแล้ว ความสุขของคฤหัสถ์ตามนัยแห่งคำสอนของพุทธศาสนามีอยู่ 4 ประการคือ
1. อัตถิสุข คือ สุขเกิดจากการมีทรัพย์ ซึ่งทำให้เกิดความภูมิใจและเอิบอิ่มใจว่าตนมีทรัพย์ที่ได้มา
ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนและโดยชอบธรรม
2.โภคสุข คือ สุขเกิดจากการใช้ทรัพย์ ซึ่งทำให้เกิดความภูมิใจ และเอิบอิ่มใจว่าตนได้ใช้ทรัพย์ที่ได้มาโดยชอบนั้นเลี้ยงตนเอง เลี้ยงผู้ที่ควรเลี้ยง และบำเพ็ญประโยชน์
3. อนณสุข คือ สุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้ ซึ่งทำให้เกิดความภูมิใจ และเอิบอิ่มใจว่าตนเป็นไท ไม่เป็นหนี้ติดค้างใคร
4. อนวัชชสุข คือ สุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ ซึ่งทำให้เกิดความภูมิใจ และเอิบอิ่มใจว่าตนมีความประพฤติสุจริต ไม่บกพร่องเสียหาย อันใครๆ ติเตียนไม่ได้ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับกาย วาจา และใจ
ความสุข 4 ประการนี้ เป็นตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตของคนว่าอยู่ดีมีความสุขหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด
ดังนั้น ถ้าท่านผู้อ่านต้องการจะรู้ว่าตนเองหรือคนรอบข้างท่าน หรือแม้กระทั่งคนทั้งประเทศอยู่ดีมีความสุขหรือไม่ ก็ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ รายจ่าย และการเป็นหนี้ รวมไปถึงพฤติกรรมทั้งในส่วนของปัจเจกบุคคล และสังคมโดยรวมแล้วนำมาเปรียบเทียบกับตัวชี้วัด 4 ตัวดังกล่าวแล้ว ก็จะบอกได้ว่าคนไทยในปัจจุบันอยู่อย่างมีความสุขหรืออยู่อย่างมีความทุกข์ ในขณะที่ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และในขณะที่นักวิชาการมุ่งแต่ปั้นตัวเลขจีดีพีโตเท่านั้น เท่านี้ แล้วบอกว่าเศรษฐกิจดีหรือไม่ดีนั้น แท้จริงแล้วการยึดตัวเลขในทำนองนี้มิได้สะท้อนความสุขของคนในชาติแต่ประการใด แต่สะท้อนถึงการที่คนกลุ่มหนึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ให้ดูจากตัวอย่างในประเทศที่เจริญแล้ว และในแต่ละปีตัวเลขความเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แต่ปรากฏว่าคนในชาติส่วนหนึ่ง และอาจเป็นส่วนใหญ่ของประเทศด้วย ไม่มีความสุข 4 ประการตามนัยแห่งคำสอนข้างต้น
จึงสรุปได้ว่า ความเจริญทางวัตถุ และตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจมิได้ประกันว่าคุณภาพชีวิตของคนในชาติจะสูงขึ้นตามตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ตรงกันข้ามอาจสวนทางกันด้วยซ้ำไป