ผู้จัดการรายวัน 360 - "สมคิด" ขึ้นเวทีปาฐกถาเศรษฐกิจไทยในยุคเปลี่ยนผ่าน ยืนยันเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว แจง 3 ปีในยุค คสช. เจอแต่เรื่องหนักๆ ทั้ง ICAO-IUU แต่รัฐบาลก็แก้ได้หมด ปลดล็อกปัญหาหลายด้านทั้ง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนเอสเอ็มอี เศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงอีอีซี มั่นใจไตรมาส 3/60 จีดีพีโตทะลุ 4% เชื่อแบงก์ชาติเล็งปรับเพิ่มเป้าปีหน้า เผยปรับครม.แน่แต่นโยบายศก.ไม่เปลี่ยน ประกาศปี 61 เป็นปีแห่งการปฏิรูป-ช่วยผู้มีรายได้น้อย
วานนี้ (9 พ.ย.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา Thailand Economic Outlook 2018 : An Era of Business พร้อมกล่าวปาฐกถาในหัวข้อ Transforming The Economy โดยระบุว่า การเปลี่ยนแปลงของประเทศจะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต ซึ่งต้องใช้พลังจากทุกภาคส่วนเพื่อจะทำให้คนไทยทั้งประเทศตื่นตัว และขับเคลื่อนไปด้วยกัน
สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน จากข้อมูลที่เผยแพร่จากหน่วยงาน และสื่อทุกสำนักต่างก็ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจไทยกำลังดีขึ้น แม้จะมีบางส่วนระบุว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่สามารถทำงานได้ดังที่คาดหวัง แต่อยากให้มองย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อนที่สภาพการเมือง สังคม และเศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะวุ่นวาย ไม่รู้อนาคต เปรียบเทียบกับปัจจุบันแล้วต้องถือว่าดีกว่ากันมาก
"นอกจากตัวเลขเศรษฐกิจแล้ว ระดับความเชื่อมั่นที่วัดโดยทุกสำนัก 3 ปีที่แล้วเมื่อเทียบกับขณะนี้เป็นยังไง ทั้งผู้บริโภค อุตสากรรม และการพาณิชย์ต่างๆ เมื่อดูเรื่องหนักๆ ที่รัฐบาลนี้เจอ เช่น ICAO (องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ) IUU (การทำประมงผิดกฎหมาย) มันรุนแรงแค่ไหน แต่รัฐบาลนี้แก้ไขจนได้รับการยอมรับ นี่คือผลงานใหญ่ที่ผ่านมา" นายสมคิดกล่าว
นายสมคิด กล่าว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในไตรมาส 3/60 มีโอกาสโตทะลุ 4% จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการปรับตัวเลข GDP ปีนี้ไปแล้ว และคาดว่า ธปท.จะปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 61 ในช่วงปลายปีนี้หลังเศรษฐกิจโตดีเกินกว่าคาด
"การที่แบงก์ชาติคงดอกเบี้ย เพราะเศรษฐกิจดีเกินคาด ไม่มีความจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งแบงก์ชาติ สภาพัฒน์ เวิลด์แบงก์ ยืนยันเสียงเดียวกันเห็นว่าเราดีขึ้น แม้หลายภาคส่วนยังต้องได้รับการช่วยเหลือ"นายสมคิด กล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของโครงการลงทุนขั้นพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศที่หยุดชะงักมาเป็นเวลานาน ภายในเวลา 2-3 ปี รัฐบาล คสช. สามารถขับเคลื่อนไปได้ ดังตัวอย่างคือ รถไฟและถนนหนทางที่เชื่อมต่อทั่วประเทศสามารถเดินหน้าขยายต่อไปได้
"สิ้นปีนี้และปีหน้าทุกหมู่บ้านของประเทศไทยจะมีอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้น อินเทอร์เน็ตมีความหมายอย่างไร หมายความว่าคนยากจน ในชนบทที่ห่างไกลสามารถเข้าสู่การศึกษา ข้อมูล สาธารณสุข และอื่นๆ ที่จะตามมาอีกในโลกข้างหน้า" นายสมคิดกล่าวและว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีการปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอี ตามนโยบายของรัฐบาลไปแล้วมากกว่า 2 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการค้ำประกันหนี้ให้เอสเอ็มอีอีก 2 แสนล้านบาท พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้เพียงแค่เอื้อแต่ธุรกิจรายใหญ่อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ รัฐบาล คสช. ยังต่อยอดอีสเทิร์นซีบอร์ด ที่ทำมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ให้กลายเป็นระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาให้ความสนใจกับประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ตนอยากให้ไปถามชาวต่างชาติและทูตประเทศต่างๆ ว่าจริงหรือไม่
*** ปรับครม.แน่-แต่นโยบายศก.ไม่เปลี่ยน
นายสมคิด กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เชื่อว่าการปรับ ครม. จะเกิดขึ้นแน่นอน แต่จะมีการปรับตำแหน่งใดบ้างนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะแนวทางที่ดำเนินการที่ผ่านมานั้นถูกต้องแล้ว ทั้งโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) หรือเศรษฐกิจดิจิทัล
"รัฐบาลชุดนี้โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจของผม ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องธรรมดา แม้กระทั่งตัวผม แต่ขอยืนยันว่าถ้าผมยังอยู่ตรงนี้ อย่าหวังมาสั่นคลอน ไม่มีทาง" นายสมคิด กล่าว
ขณะที่แนวทางการทำงานของรัฐบาลในปีหน้าจะเป็นการสานต่องานด้านการปฏิรูปประเทศ และถึงแม้รัฐบาลนี้จะดำเนินการไม่เสร็จเรียบร้อยทั้งหมด แต่จะเป็นการวางรากฐานให้รัฐบาลใหม่เข้ามาสานต่อ นอกจากนี้จะเป็นปีแห่งการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้ได้รับความเท่าเทียม ซึ่งตนเองมั่นใจว่าเศรษฐกิจของประเทศในปีหน้าจะดีขึ้น หากไม่เกิดความวุ่นวายทางการเมือง เพราะต่างประเทศกำลังจับตาดูอยู่ หากการเมืองมีเสถียรภาพ มั่นใจว่าจะดึงดูการลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาอย่างแน่นอน
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถึงแม้เศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการส่งออกปีหน้าจะดีขึ้นตามเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว แต่รัฐบาลจะยังคงต้องเร่งเดินหน้าต่อ โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักลงทุนต่างชาติด้วยการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งในปี 61 กระทรวงคมนาคมจะต้องเร่งเดินหน้าการลงทุนตามแผนงานที่วางไว้ให้ได้ตามเป้าหมาย
ในอนาคตดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรองรับ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการเดินหน้า e-payment เพราะในอนาคตทุกการใช้จ่ายของภาครัฐและเอกชนจะผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ขณะนี้การเติบโตธุรกิจออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะต้องเร่งเดินหน้าในเรื่องไทยเทรดดอทคอมให้เห็นเป็นรูปธรรมให้ได้ในเร็วๆนี้ เพื่อเป็นการวางรากฐานในอนาคต รองรับการเติบโตของภาคเอกชน ส่วนภาคเกษตรนั้นนายกรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งนอนใจและรัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ซึ่งภาครัฐได้พยายามสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคการผลิตทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น