xs
xsm
sm
md
lg

ดันSMEsกระตุ้นศก. "สมคิด"สั่งแบงก์รัฐปล่อยกู้-สอนทำธุรกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน 360-"สมคิด"สั่ง 3 แบงก์รัฐบูรณาการการทำงานครั้งใหญ่ ช่วยเสริมความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ SMEs หวังให้เป็นอีกแรงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เผยต้องเร่งปล่อยสินเชื่อ ให้คำแนะนำการทำธุรกิจ สนับสนุนด้านการนำเข้าส่งออก พร้อมดึงแบงก์พาณิชย์เข้าร่วมวงช่วยอีกแรง แย้มมาตรการชอปช่วยชาติเข้า ครม. วันนี้ ด้านสมาคมธนาคารไทยขานรับให้ความรู้ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ลดความเสี่ยงทำธุรกิจ คาดช่วยได้อีก 1.7 หมื่นราย วงเงินอัตราแลกเปลี่ยน 5.6 หมื่นล้าน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนรี เปิดเผยในงานสัมนาโครงการบริหารความเสี่ยง FX ของ SMEs วานนี้ (6 พ.ย.) ว่า ในช่วงเวลาที่เหลืออีก 1 ปีของรัฐบาลชุดนี้ จะเน้นให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ( SMEs) โดยจะ SMEs เป็นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หรือ SMEs Focus Economy เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ของไทยเป็น SMEs กว่า 40% ของจีดีพี โดย 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติสินเชื่อเพื่อช่วย SMEs กว่า 200,000 ล้านบาท และค้ำประกันสินเชื่อ SMEs อีก 200,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ได้สั่งให้ธนาคารของรัฐ ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) บูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยการปรับโครงสร้าง ธพว. ครั้งใหญ่ ทั้งการเพิ่มบุคคลากร เทคโนโลยี เพื่อวิเคราะห์ ประเมินผล และอนุมัติสินเชื่อได้ทันทีในพื้นที่ โดยไม่ต้องส่งเรื่องขออนุมัติที่สำนักงานใหญ่ เพื่อให้ SMEs ได้มีเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว เพราะปัจจุบันเอสเอ็มอีแบงก์มีเพียง 90 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการให้บริการ

ขณะเดียวกัน ขอให้ธนาคารออมสิน จัดตั้งศูนย์เอสเอ็มอีที่สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้สินเชื่อและให้คำแนะนำในการทำธุรกิจ มาเสริมทัพอีกทางหนึ่ง ขณะที่ ธสน. ต้องสนับสนุนให้ SMEs ที่ต้องการนำเข้าและส่งออก สามารถออกทำธุรกิจต่างประเทศได้

นายสมคิดกล่าวว่า รัฐบาลขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารพาณิชย์ ร่วมสร้างความเข้มแข็งให้ SMEs ด้วยการจัดแพคเกจสินเชื่อ และฝึกอบรมให้ความรู้เรื่องการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน การบริหารความเสี่ยงด้านการค้าระหว่างประเทศ หลักบัญชีและภาษีเบื้องต้น เพื่อให้ SMEsรู้จักการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง โดยจะช่วยให้ SMEs ปรับตัวให้ทันกับเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว และให้ทันกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่กำลังเปลี่ยนแปลง

“รัฐบาลต้องการให้แบงค์รัฐและแบงค์เอกชนให้ความสำคัญกับ SMEs โดยทุ่มเทการพัฒนาให้ SMEs สามารถปรับตัวทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงสู่โลกยุคดิจิตัล ไม่ใช่แค่ให้สินเชื่ออย่างเดียว แบงก์เอกชนอาจจะต้องยอมลดกำไรลงบ้าง ขณะที่แบงก์รัฐกจะต้องเน้น SMEs ไม่ใช่ไปแข่งกับแบงก์เอกชนที่มุ่งเน้นปล่อยสินเชื่อรายใหญ่”นายสมคิดกล่าว

ทั้งนี้ นายสมคิดยังกล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลายปี 2560 นี้ ว่า ต้องรอผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (7 พ.ย.) ซึ่งจะรวมถึงรายละเอียดของมาตรการชอปช่วยชาติด้วย

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์พร้อมให้การสนับสนุน SMEs ตามที่รองนายกฯ มอบหมาย โดยจะจัดการอบรมให้ SMEs ที่เข้าร่วมอีก 30 ครั้งทั่วประเทศภายในปีนี้ ซึ่ง SMEs ที่เข้าร่วมโครงการบริหารความเสี่ยง FX จะได้สิทธิ์ทดลองใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงประเภท FX Options คือ การซื้อสิทธิ์ในการล็อกเรท (อัตราแลกเปลี่ยน) ไว้ล่วงหน้า ซึ่งผู้ซื้อสิทธิ์สามารถเลือกที่จะใช้สิทธิ์ หรือไม่ใช้สิทธิ์ก็ได้ คาดว่าจะช่วยเหลือ SMEs จำนวน 17,000 ราย วงเงินอัตราแลกเปลี่ยน ประมาณ 56,000 ล้านบาท

ส่วนมาตรการชอปช่วยชาติ ถือเป็นมาตรการที่ดี ที่จะช่วยทำให้เศรษฐกิจเดินเครื่องได้เร็วและแรงขึ้น จากปัจจุบันที่ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว โดยปีนี้ขยายตัวร้อยละ 3.7 จากเดิมร้อยละ 3.4 ขณะที่ประชาชนสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้

"เศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวของสินเชื่อ ซึ่งคาดว่าปีนี้สินเชื่อของธนาคารกสิกรไทยจะขยายตัวร้อยละ 4-6 และปีหน้าจะเพิ่มเป็นร้อยละ 5-7 ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ขยายตัวได้ถึงร้อยละ 4 ก็มีโอกาสที่ธนาคารจะปรับเป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อเพิ่มขึ้น"นายปรีดีกล่าว

นายปรีดีกล่าวว่า กรณีที่กระทรวงการคลัง มีแนวคิดจะร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน พ.ศ. ... ที่จะมีการยึดเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปเข้าสู่กรมบัญชีกลางนั้น ต้องรอรายละเอียดที่ชัดเจน แต่หากกระทรวงการคลังออกมาเป็นกฎหมาย สถาบันการเงินต้องปฏิบัติตาม แต่ไม่มีผลกระทบต่อสถาบันการเงิน เนื่องจากบัญชีดังกล่าวมีสัดส่วนเล็กน้อย วงเงินรวมทั้งระบบเพียง 10,000 ล้านบาท จากเงินฝากทั้งระบบที่มีอยู่ 10 ล้านล้านบาท

สำหรับกรณีที่ผู้ฝากเงินที่มีบัญชีดังกล่าวต้องการถอนเงินคืน สามารถติดต่อสถาบันการเงินขอคืนได้ แต่ถ้าโอนเข้าคลังแล้ว ก็สามารถขอคืนที่กระทรวงการคลังเช่นเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น