ผู้จัดการรายวัน360-"พระราชรัชมุนี" เจ้าอาวาสวัดสวนดอก เข้ามอบตัวรับทราบข้อหาสวมบัตรประชาชนคนตายแล้ว ยืนยันเป็นคนไทย ไม่ได้ปลอมแปลงสัญชาติ ด้านตำรวจเดินหน้าหาหลักฐาน ก่อนส่งให้ศาลตัดสิน
พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการออกหมายเรียกพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อให้มาพบพนักงานสอบสวนกรณีการสวมบัตรคนตายและปลอมสัญชาติไทย ว่า พระราชรัชมุนี ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน และรับทราบข้อหายื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการหรือเอกสารมหาชน ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่นหรือประชาชนแล้วตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.2560 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผลการสอบสวน พระราชรัชมุนี ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าเป็นคนไทย โดยบ้านเกิดอยู่ในชุมชนที่มีการตกหล่นจากระบบทะเบียนราษฏร ต่อมาได้บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดท่าตอน และจำพรรษาอยู่ที่วัดท่าตอน ต่อมาปี 2535 ได้มีพระผู้ใหญ่ชื่อหลวงพ่อถวัลย์ จำวัดอยู่ที่วัดพระพิเรนทร์ กรุงเทพฯ ปัจจุบันได้มรณภาพไปแล้ว เป็นคนดำเนินการนำบัตรประชาชน ที่มีชื่อตรงกับตนเองมาให้ และแจ้งชื่อขอเข้าทะเบียนบ้าน ซึ่งตนเองไม่มีส่วนรู้เห็น ต่อมาวันที่ 24 เม.ย.2552 จึงได้มายื่นขอทำบัตรประจำตัวประชาชนต่อนายทะเบียน อ.แม่อาย เนื่องจากทราบว่าทางราชการได้ให้พระภิกษุสามเณร ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชน จึงทำไป และไม่รู้เรื่องอื่นใดเลย
พ.ต.อ.ก่ำแก้ว สุยาติ ผกก.สภ.แม่อาย กล่าวว่า แม้จะให้การปฏิเสธ ก็เป็นสิทธิตามกฎหมายที่ทำได้ แต่ทางตำรวจก็ต้องหาพยานหลักฐานมายืนยัน และจะเร่งสอบปากคำพยานในส่วนที่เหลือ ก่อนสรุปสำนวน ส่วนใครจะถูกจะผิด ก็ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ทั้งนี้ ยังได้สอบถามพระราชมุนีว่าหลังเกิดเรื่องได้หายไปไหน ท่านตอบว่า ไม่ได้ไปไหน อยู่ที่วัด
พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการออกหมายเรียกพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อให้มาพบพนักงานสอบสวนกรณีการสวมบัตรคนตายและปลอมสัญชาติไทย ว่า พระราชรัชมุนี ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน และรับทราบข้อหายื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการหรือเอกสารมหาชน ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่นหรือประชาชนแล้วตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.2560 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผลการสอบสวน พระราชรัชมุนี ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าเป็นคนไทย โดยบ้านเกิดอยู่ในชุมชนที่มีการตกหล่นจากระบบทะเบียนราษฏร ต่อมาได้บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดท่าตอน และจำพรรษาอยู่ที่วัดท่าตอน ต่อมาปี 2535 ได้มีพระผู้ใหญ่ชื่อหลวงพ่อถวัลย์ จำวัดอยู่ที่วัดพระพิเรนทร์ กรุงเทพฯ ปัจจุบันได้มรณภาพไปแล้ว เป็นคนดำเนินการนำบัตรประชาชน ที่มีชื่อตรงกับตนเองมาให้ และแจ้งชื่อขอเข้าทะเบียนบ้าน ซึ่งตนเองไม่มีส่วนรู้เห็น ต่อมาวันที่ 24 เม.ย.2552 จึงได้มายื่นขอทำบัตรประจำตัวประชาชนต่อนายทะเบียน อ.แม่อาย เนื่องจากทราบว่าทางราชการได้ให้พระภิกษุสามเณร ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชน จึงทำไป และไม่รู้เรื่องอื่นใดเลย
พ.ต.อ.ก่ำแก้ว สุยาติ ผกก.สภ.แม่อาย กล่าวว่า แม้จะให้การปฏิเสธ ก็เป็นสิทธิตามกฎหมายที่ทำได้ แต่ทางตำรวจก็ต้องหาพยานหลักฐานมายืนยัน และจะเร่งสอบปากคำพยานในส่วนที่เหลือ ก่อนสรุปสำนวน ส่วนใครจะถูกจะผิด ก็ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ทั้งนี้ ยังได้สอบถามพระราชมุนีว่าหลังเกิดเรื่องได้หายไปไหน ท่านตอบว่า ไม่ได้ไปไหน อยู่ที่วัด