ตำรวจจ่อแจ้งเพิ่ม “ผู้กองเหน่ง” ผู้ต้องหาอุ้ม “ผอ.อ้อย” ในข้อหาหนักฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและซ่อนเร้นอำพรางศพ รอเพียงผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ขณะที่พ่อย้ำมั่นใจศพที่พบเป็นลูกสาวแน่นอน แต่หากผลการพิสูจน์ไม่ใช่พร้อมนำญาติตามหา ผอ.อ้อย จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ ด้านกองทัพไม่ปกป้อง “ผู้กองเหน่ง” หากผิดจริงส่งขึ้นศาลพลเรือน
วานนี้ (25 ต.ค.) รายงานความคืบหน้าการค้นห้าชิ้นส่วนร่างของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อยที่บริเวณทางขึ้นเนิน 500 บ้านโนนสูง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ยังไม่พบอะไรเพิ่มเติม ขณะที่ชิ้นส่วนของศพที่เก็บได้เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.น้ำยืน ได้นำขึ้นรถตู้ของนำส่งไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์หลักฐาน กรุงเทพฯแล้ว ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 24 ต.ค. 60 ที่ผ่านมา
นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน พ่อของ ผอ.อ้อย กล่าวว่า ขณะนี้ตนมั่นใจศพที่พบจะต้องเป็นศพของ ผอ.อ้อยลูกสาวของตนอย่างแน่นอน โดยจะดูจากฟันที่ทุกคนในครอบครัวจะรู้ดีว่าอ้อยจะมีฟันอย่างไร กะโหลกศีรษะ กระโปรงผู้หญิง เข็มขัดสีกากีแบบของข้าราชการใช้ สเตย์รัดหน้าท้อง นาฬิกา เป็นของอ้อยลูกสาวของตนอย่างแน่นอน ซึ่งจะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน
"หากผลการตรวจพิสูจน์ออกมาแล้วว่า ไม่ใช่อ้อย ตนพร้อมด้วยญาติพี่น้องก็จะออกค้นหา ผอ.อ้อยต่อไป จนกว่าจะพบหรือจนกว่าตนจะสิ้นลมหายใจไปจากโลกนี้" นายบุญเลิศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทีมพนักงานสอบสวนคดีนี้ ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานที่พบใหม่ทั้งหมด ซึ่งจากพยานแวดล้อมและวัตถุพยานที่ตรวจพบชัดเจนเชื่อว่า ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือ “ผู้กองเหน่ง” นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เป็นผู้ต้องหาฆ่า ผอ.อ้อย ซึ่งเมื่อผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ออกมาแล้วยืนยันว่า ศพที่พบเป็นศพของ ผอ.อ้อย พนักงานสอบสวนจะได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้กองเหน่ง คือ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาซ่อนเร้นอำพรางศพ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.อ.สรชัย สุทธิสนธิ์ รองผู้บัญชาการกองทหารราบที่ 6 และรองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กล่าวถึงการพักราชการ ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือ “ผู้กองเหน่ง” ว่า ตนเป็นผู้ที่ลงนามเสนอให้มีการพักราชการ “ผู้กองเหน่ง” ด้วยตนเอง เพราะจากการที่ได้ถูกสังคม และตามหลักฐานฐานความผิดที่ถูกกล่าวหามาตลอดในเรื่องการเข้าไปเกี่ยวโยงกับคดีของ “ผอ.อ้อย” ซึ่งอยู่ในความสนใจของสังคมเป็นอันมาก
“เพื่อความสะดวกในการดำเนินคดี และให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ผมได้เสนอให้พักราชการผู้กองเหน่งไว้ก่อน หากพิสูจน์ได้ว่าไม่ผิดก็กลับเข้ารับราชการได้ แต่หากผิดก็จะต้องรับโทษตามศาลพลเรือนพิจารณาว่าไปตามฐานความผิด ไม่เกี่ยวกับกองทัพ เป็นการกระทำส่วนบุคคล ซึ่งหากกองทัพมีคำสั่งลงมา ก็จะต้องต่อสู้คดีเอง แบบพลเรือนปกติจนกว่าจะจบคดี ยืนยันกองทัพไว้ยุ่งเกี่ยวกับรูปคดีแน่นอน” พ.อ.สรชัย กล่าว
วานนี้ (25 ต.ค.) รายงานความคืบหน้าการค้นห้าชิ้นส่วนร่างของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อยที่บริเวณทางขึ้นเนิน 500 บ้านโนนสูง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ยังไม่พบอะไรเพิ่มเติม ขณะที่ชิ้นส่วนของศพที่เก็บได้เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.น้ำยืน ได้นำขึ้นรถตู้ของนำส่งไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์หลักฐาน กรุงเทพฯแล้ว ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 24 ต.ค. 60 ที่ผ่านมา
นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน พ่อของ ผอ.อ้อย กล่าวว่า ขณะนี้ตนมั่นใจศพที่พบจะต้องเป็นศพของ ผอ.อ้อยลูกสาวของตนอย่างแน่นอน โดยจะดูจากฟันที่ทุกคนในครอบครัวจะรู้ดีว่าอ้อยจะมีฟันอย่างไร กะโหลกศีรษะ กระโปรงผู้หญิง เข็มขัดสีกากีแบบของข้าราชการใช้ สเตย์รัดหน้าท้อง นาฬิกา เป็นของอ้อยลูกสาวของตนอย่างแน่นอน ซึ่งจะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน
"หากผลการตรวจพิสูจน์ออกมาแล้วว่า ไม่ใช่อ้อย ตนพร้อมด้วยญาติพี่น้องก็จะออกค้นหา ผอ.อ้อยต่อไป จนกว่าจะพบหรือจนกว่าตนจะสิ้นลมหายใจไปจากโลกนี้" นายบุญเลิศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทีมพนักงานสอบสวนคดีนี้ ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานที่พบใหม่ทั้งหมด ซึ่งจากพยานแวดล้อมและวัตถุพยานที่ตรวจพบชัดเจนเชื่อว่า ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือ “ผู้กองเหน่ง” นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เป็นผู้ต้องหาฆ่า ผอ.อ้อย ซึ่งเมื่อผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ออกมาแล้วยืนยันว่า ศพที่พบเป็นศพของ ผอ.อ้อย พนักงานสอบสวนจะได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับผู้กองเหน่ง คือ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาซ่อนเร้นอำพรางศพ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.อ.สรชัย สุทธิสนธิ์ รองผู้บัญชาการกองทหารราบที่ 6 และรองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กล่าวถึงการพักราชการ ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือ “ผู้กองเหน่ง” ว่า ตนเป็นผู้ที่ลงนามเสนอให้มีการพักราชการ “ผู้กองเหน่ง” ด้วยตนเอง เพราะจากการที่ได้ถูกสังคม และตามหลักฐานฐานความผิดที่ถูกกล่าวหามาตลอดในเรื่องการเข้าไปเกี่ยวโยงกับคดีของ “ผอ.อ้อย” ซึ่งอยู่ในความสนใจของสังคมเป็นอันมาก
“เพื่อความสะดวกในการดำเนินคดี และให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ผมได้เสนอให้พักราชการผู้กองเหน่งไว้ก่อน หากพิสูจน์ได้ว่าไม่ผิดก็กลับเข้ารับราชการได้ แต่หากผิดก็จะต้องรับโทษตามศาลพลเรือนพิจารณาว่าไปตามฐานความผิด ไม่เกี่ยวกับกองทัพ เป็นการกระทำส่วนบุคคล ซึ่งหากกองทัพมีคำสั่งลงมา ก็จะต้องต่อสู้คดีเอง แบบพลเรือนปกติจนกว่าจะจบคดี ยืนยันกองทัพไว้ยุ่งเกี่ยวกับรูปคดีแน่นอน” พ.อ.สรชัย กล่าว