xs
xsm
sm
md
lg

ชัยชนะเพื่อพ่อหลวง!!!

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

น้องเมย์-รัชนก อินทนนท์
วันนี้...สงสัยคงต้องขออนุญาตปักหลักไม่บินไปไหน เพราะตั้งแต่ช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ต้องคอยนั่งลุ้น “น้องเมย์-รัชนก อินทนนท์” นักแบดมินตันมือ 1 ของไทย และมืออันดับ 9 ของโลก ลงหวดลูกขนไก่ชิงแชมป์รายการเวิลด์ ซุปเปอร์ซีรีส์ ทัวร์นาเมนต์ “ดานิซา เดนมาร์ก โอเพ่น-2017” (Danisa Denmark Open) กับลูกเจ้าของยากุมารอ้วนพีตราเด็กสมบูรณ์ จากประเทศญี่ปุ่น “อากาเนะ ยามากูชิ” มือวางอันดับ 5 ของโลก ที่โทรทัศน์ทรูวิชั่นส์ เขาถ่ายทอดสดๆ มาจากเมืองโอเดนเซย์ ประเทศเดนมาร์กโน่นเลย...

คือด้วยเหตุเพราะการลุ้นไป-ลุ้นมา ชนิดเอวบิด สายตัวแทบขาด มันเลยหมดเรี่ยว หมดแรง แทบไม่เหลือกำลังวังชาพอที่จะขยับปีก ขยับหางไปไหนต่อไหน แต่ต้องถือเป็นการลุ้นที่คุ้มค่า คุ้มราคามิใช่น้อย เพราะด้วย “แรงฮึด” อันสุดแสนมหัศจรรย์ ชนิดไม่น่าเชื่อ-ก็ต้องเชื่อนั่นแล ที่ทำให้นักแบดมินตันมือ 1 ของประเทศไทย พลิกฉาก พลิกฟอร์ม เชือดเฉือนเอาชนะกุมารอ้วนพี “อากาเนะ” ผู้ได้ชื่อว่ามีพละกำลังปานประดุจกินช้าง กินแรด เป็นอาหารมื้อหลักมาโดยตลอด จากที่เคยเจอกันมา 14 ครั้ง “น้องเมย์” ของเราโดน “อากาเนะ” แ-กไปถึง 8 ครั้งซ้อนๆ แม้แต่เจอคราวล่าสุดที่ “Korea Open 2017” ที่ประเทศเกาหลี เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “อากาเนะ” ยังแ-ก “น้องเมย์” แบบฉีกมาเคี้ยวกร้วมๆ ชนะภายใน 2 เกมรวด คะแนนทิ้งห่างในระดับ 21-12, 21-16 เรียกว่า “ชนะขาด” อะไรประมาณนั้น...

แต่มาคราวนี้...ด้วยสิ่งที่เรียกว่า “แรงฮึด” อันสุดแสนมหัศจอรอหันการันต์ยอนั่นเอง ที่ทำให้สาวน้อยชาวไทยรูปร่างผอมๆ บางๆ สามารถไล่ทุบ ไล่บี้ นักแบดมินตันชาวญี่ปุ่นที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ปานประดุจปลาพะยูน ได้อย่างชนิดจมเหงือก จมเขี้ยว อันที่จริง...นับตั้งแต่ต้องเจอกับนักแบดมินตันชาวไต้หวัน ระดับมือวางอันดับ 1 ของโลก อย่าง “ไถ้ ซื่อ หยิง” ในรอบรองชนะเลิศ “น้องเมย์” ก็ได้แสดงให้เห็นถึง “ลูกฮึด-แรงฮึด” ในลักษณะที่ว่ามาพอสมควรแล้ว ถึงได้ทุบสถิติเพิ่มชัยชนะจากที่เคยเจอกันมา 14 ครั้ง ต่างฝ่ายต่างแพ้-ชนะกันมาคนละ 7 ครั้ง แต่ขณะที่ “ไถ้ ซื่อ หยิง” กำลังดีวัน-ดีคืน จนสามารถไต่อันดับขึ้นเป็นมือ 1 ของโลก ผู้ที่ต้องหล่นไปอยู่อันดับ 9 อย่าง “น้องเมย์” ยังสามารถพลิกฉาก พลิกเกม เอาชนะไปได้แบบหวุดๆ หวิดๆ ย่อมถือเป็นข้อพิสูจน์ถึง “แรงฮึด” ที่ว่าได้เป็นอย่างดี...

แต่เมื่อเข้าถึงรอบชิง...ยิ่งกลายเป็นข้อพิสูจน์ถึง “แรงฮึด” ดังกล่าว ได้อย่างชัดเจนที่สุด เรียกว่า...ใครที่เคยดูแบดมินตัน เคยดู “น้องเมย์” เล่น น่าจะสามารถรู้สึกได้โดยทันทีตั้งแต่เกมยังไม่จบ ว่ามันคงต้องมี “อะไรบางอย่าง” ที่เป็นแรงกระตุ้นให้ “น้องเมย์” เธอเกิดอาการวิ่ง-สู้-ฟัด ไปได้ถึงปานนี้!!! สำหรับคนชาติอื่น เมืองอื่น อาจเดาไม่ออก บอกไม่ถูกอยู่บ้าง แต่สำหรับชาวไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่กำลังอยู่ในช่วงบรรยากาศแห่งการ “อำลา-อาลัย” ต่อองค์พระมหากษัตริย์ผู้กำลังได้รับการส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย คงพอนึกๆ ถึงสิ่งเหล่านี้ได้มั่ง ว่าอาจถูกแปรสภาพนำมาใช้เป็น “ยาโด๊ป” ให้กับ “น้องเมย์” โดยไม่ต้องอาศัยสารเคมีใดๆ ปนเปื้อนเอาเลยแม้แต่น้อย...

และก็จริงอย่างว่า...หลังการไล่ทุบ ไล่บี้ “อากาเนะ ยามากูชิ” ชนิดอ่วมอรทัยกาญจนชูศักดิ์ ไขมันลดฮวบๆ ฮาบๆ ไปเป็นกิโลๆ ภาพที่ “น้องเมย์” ทรุดตัวลงกับพื้นสนาม พนมมือขึ้นเหนือหัวก่อนกราบกรานลงแทบพื้น เงยหน้ามองท้องฟ้า เพดาน พร้อมหยาดน้ำตาทะลักไหลเปื้อนใบหน้า อันนั้นนั่นแหละ...แทบไม่ต้องเสียเวลาอธิบายออกมาเป็นคำพูด คำจาใดๆ เอาเลยก็ได้ สามารถสรุปได้โดยทันที ตรงกับคำให้สัมภาษณ์ที่ตัว “น้องเมย์” เองได้กล่าวกับสื่อมวลชนหลังจากนั้นว่า... “น้อมถวายความสำเร็จครั้งนี้ แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙” หรือ “วันนี้...ขอมอบชัยชนะแด่พ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเพียงใด เมย์ก็นึกถึงท่านเสมอ ว่าท่านทรงงานหนักเพื่อพวกเราชาวไทยทุกคน จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เมย์กลับมาเป็นแชมป์ได้...”

นี่...ฟังแล้วรู้สึกอย่างไร คงต้องขึ้นอยู่กับแต่ละรายจะเก็บไปคิดกันเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ อะไร??? หรือใคร??? ก็ตามที่สามารถสร้าง “แรงบันดาลใจ” ให้กับผู้คนได้ในระดับนี้ อันนั้นนั่นแหละ...ต้องถือเป็นสิ่งที่มีค่า มีราคา เอามากๆ ชนิดไม่อาจนำเอามาเปรียบเทียบได้กับวัตถุสิ่งของกับเงินๆ ทองๆ หรือกับอำนาจใดๆ ก็แล้วแต่ อีกทั้งยังมิอาจปฏิเสธได้อีกเช่นกันว่า สิ่งที่ว่านี้นี่แหละ...ที่ถูกนำมายึดถือในฐานะ “ศูนย์รวมจิตใจ” ของชาวไทยแลนด์ แดนสยาม ชนิดที่ทำให้คนบ้านอื่น เมืองอื่น เกิดความประหลาดมหัศจรรย์ใจต่อ “พลังแห่งบารมี” ที่แม้ไม่ได้มีอำนาจเงินๆ ทองๆ วัตถุสิ่งของใดๆ รองรับเอาไว้เลยแม้แต่น้อย แต่อาศัยสิ่งที่เรียกว่า “ธรรมะ” ล้วนๆ เป็นพื้นฐาน ตามคำป่าวประกาศอันเป็นปฐมบรมราชโองการเอาไว้แต่แรกว่า... “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” นั่นเอง...

ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของสิ่งที่เรียกว่า “ธรรมะ” นั้น...จึงได้รับการพิสูจน์ ยืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่า ย่อมมีคุณค่า ราคา เหนือไปกว่าทรัพย์สมบัติ วัตถุสิ่งของ หรืออำนาจใดๆ อย่างชนิดมิอาจนำมาเปรียบเทียบกันได้เลย เพราะแม้ว่าผู้ยึดมั่นในธรรม-ผู้ประพฤติธรรม-ผู้แสดงให้เห็นถึงแบบอย่าง แนวทางแห่งธรรมะมาโดยตลอด จะลาละสละไปจากโลกนี้แล้วก็ตาม แต่ “บารมีแห่งธรรม” ก็ยังคงแผ่ไพศาล ยังสามารถสร้างแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจให้กับใครต่อใคร ให้เกิดการดำรงความเชื่อมั่น-ศรัทธาสืบสานกันต่อไป ตามพุทธวจนสุภาษิตที่ว่าไว้ว่า “ธัมโม หเว รักขติ ธัมมจารี” หรือ “ธรรมะ...ย่อมคุ้มครองรักษาผู้ประพฤติธรรมทั้งหลาย” นั่นแล...
กำลังโหลดความคิดเห็น