xs
xsm
sm
md
lg

บ้านเมืองจะเข้าสู่จุดหักเห...

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์


หลังจากงานสำคัญของชาติผ่านไป อนาคตบ้านเมืองของเราจะเป็นอย่างไร ในระยะสั้นก่อนสิ้นปี ที่ผ่านมาการกำหนดเส้นทางของแผ่นดินไทยไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายนักที่ประชาชนจะรู้ล่วงหน้า เพราะความไม่แน่นอนของปัจจัยแปรผัน คาดการณ์ได้ยาก

ความโศกเศร้าของประชาชนคนไทยผู้ยึดมั่นเคารพศรัทธาในสถาบันกษัตริย์จะต้องใช้เวลาอีกนานสักเท่าไหร่ให้บรรเทา เป็นสิ่งคาดหมายได้ยาก แต่ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองต้องทำหน้าที่ต่อไปด้วยใจซื่อมือสะอาดให้ประชาชนตรวจสอบพิสูจน์ได้

แต่ถ้าบ้านเมืองยังอยู่บนเส้นทางเดิมกำหนดไว้โดยคณะผู้ใหญ่ผู้โตบริหารบ้านเมืองชุดปัจจุบัน ต้องบอกว่าสถานการณ์น่าห่วง เมื่อต้องจำใจเปิดทางให้ประชาชนมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวต่างๆ ในบ้านเมืองตามรัฐธรรมนูญใหม่

ถึงไม่เปิดช่องในเร็ววัน ก็ต้องยอมให้สักวันหนึ่งจนได้ ดังนั้นการปิดฝาหม้ออบไร้รู้ระบาย อั้นไว้นานๆ ย่อมไม่เป็นการดีเพราะหนึ่งปีที่ผ่านมา คณะผู้ใหญ่ผู้โตมีช่วงจังหวะที่ประชาชนไม่มีโอกาสได้พูดเต็มที่ถึงปัญหาบ้านเมืองถึงผลงานที่ปรากฏ

ในบรรยากาศเปิดภายใต้รัฐธรรมนูญ กฎหมายสูงสุดของประเทศ ใครก็ไม่มีสิทธิอ้างความรักชาติ ห่วงชาติมากกว่าคนอื่น คนไทยถือหุ้นประเทศเท่ากัน แต่มีบางกลุ่มอยู่ในอำนาจมักใช้อิทธิพลกอบโกยความมั่งคั่งจากทรัพย์สินแผ่นดินเพื่อตัวเอง

ที่หนีไปใช้เงินอยู่ต่างประเทศขณะนี้ก็เป็นผลจากการโกงชาติทั้งสิ้น ที่ออกไปแล้วคงไม่ใช่รายสุดท้าย ถ้ากระบวนการยุติธรรมศักดิ์สิทธิ์ พวกพุงกางน้ำลายไหลย้อยเพราะรักชาติมากน่าจะมีโอกาสได้ตามรอยท่านเหลี่ยมและพวกพ้องอีกเยอะ

ดังนั้น ชาวบ้านย่อมมีสิทธิแสดงความห่วงใยอนาคตบ้านเมือง ความหวังว่าจะลืมตาอ้าปากในช่วงกว่า 3 ปี เป็นเพียงได้เห็นเศษเนื้อข้างเขียง ที่เหลือเป็นนโยบายห่างไกล “ศาสตร์พระราชา” “หลักเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งผู้ใหญ่ผู้โตอ้างเอาไว้ตีกิน

ที่เห็นเน้นๆ คือนโยบายเอื้อและอวยเจ้าสัว นักลงทุนในชาตินี้และข้ามชาติ!

ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ชาวบ้านรู้เห็นกันอยู่ จากโพลสำรวจซ้ำซาก ผลงานเป็นเพียงระดับปริ่มน้ำ เป็นเพราะความเกรงใจหรือตามที่เป็นจริงก็สุดแล้วแต่ คำว่า “เยี่ยวไม่สุด” “เสียของ” จากปากชาวบ้านเสียงดังตามลำดับสะท้อนถึงอารมณ์ผิดหวัง

บริหารบ้านเมืองมีคนจนกว่า 13 ล้านคนมาลงทะเบียนรับการช่วยเหลือเดือนละ 300 บาท เกือบ 1 ใน 4 คนทั้งประเทศ เป็นความล้มเหลวในการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงทำลายทรัพยากรธรรมชาติย่อยยับ เกษตรกรชาวนาสูญเสียกรรมสิทธิ์ที่นาที่ทำกิน

ระบบเศรษฐกิจตลาดเสรี ปลาใหญ่กินปลาเล็ก มือใครยาวสาวได้สาวเอา นี่ไม่ใช่หรือ ที่เปิดโอกาสให้พวกเจ้าสัวใช้เงินกว้านซื้อที่ดินสะสมไว้หลายๆ แสนไร่ รอวันวาระที่จะใช้ระบบเกษตรกรรมแบบนารวมกำหนดทิศทางพืชพันธุ์ ราคาโภคภัณฑ์

ถึงกระนั้น นโยบายรัฐบาลยังทุ่มทรัพยากรของประชาชนสร้างเครือข่ายระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ส่งเสริมการลงทุนภาคอุตสาหกรรมโดยทุนใหญ่ข้ามชาติ และทุนเจ้าสัว บ้านเมืองไม่ได้รายได้จากภาษีอะไรตอบแทน ผลกำไรถูกส่งไปต่างประเทศ

เสียงทักท้วงของประชาชนเหมือนเสียงนกเสียงกา ขณะที่ผู้ใหญ่ผู้โตภูมิใจตัวพองกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่ใช่เป็นการพัฒนาแบบยั่งยืน เศรษฐกิจพอเพียงคงเป็นเพียงวาทะรื่นหูสุนทรพจน์ในต่างประเทศเพื่อให้ต่างชาติฟังแล้วเคลิ้มชั่วครู่ชั่วยาม

น่าเสียดายในโอกาสของประเทศไทยที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้บริหารประเทศใจซื่อมือสะอาดรักชาติห่วงใหญ่อนาคตบ้านเมืองอย่างแท้จริง มีแต่โกงมาก โกงน้อย เจ้าเล่ห์เพทุบายลีลาต่างระดับกันไป ยางอายไม่อยู่ในสำนึก

ถ้าผลงานน่าพอใจ ใครจะบ่นให้เสียอารมณ์ ความรู้สึก ทุกวันนี้นอกจากคารมหรู มาดแอคอาร์ตเสียงคำราม ขึงขังโวยวาย อารมณ์ขุ่นมัวลีลาลูกเล่นต่างๆ สลับคำพูดเชิงทวงบุญคุณ คำอ้างทำงานหนักเหนื่อยเสียสละเพื่อชาติ ประชาชนแล้ว...

มีเสียงประเมินปรามาสอย่างไม่เกรงใจว่า “ท่าดีทีเหลว ของแท้ ไม่มีเจือปน” แถมยังมีเสียงซักถามซึ่งหน้าว่า ยุคนี้ไม่มีนักการเมืองมากุมอำนาจรัฐนานกว่า 3 ปีแล้ว ทำไมข้อครหาเรื่องการทุจริตโกงกินคำโตจึงมีเหมือนเดิม มันน่าแปลกหรือไม่

เมื่อมีเสียงครหาเรื่องการโกงกินคำโตในงานจัดซื้อจัดจ้าง นโยบายปราบปรามคอร์รัปชันที่ได้ประกาศลือลั่นก่อนหน้านั้นเป็นเพียงวาทะชโลมให้โลกสดสวยหรือ

จากนี้ไปจะเป็นอย่างไร? สถานการณ์น่าจะเร่งรัดให้ผู้ใหญ่ผู้โตอ้างเหตุต้องมีเลือกตั้ง ไม่มีเวลาปฏิรูปทั้งๆ ที่ควรต้องทำ วางรากฐานโครงสร้างใหม่ให้บ้านเมืองทันทีหลังจากการรัฐประหารต้นทุนต่ำกำไรสูง มีแต่อวยเพื่อนพ้องน้องพี่ให้ได้ดีมีกิน

“ถ้าพวกคุณไม่ปรองดอง บ้านเมืองกลับไปสู่ความวุ่นวาย อย่ามาโทษพวกผมนะ” นี่คือเสียงเตือนแกมขู่ การยัดเยียดให้คนดีต้องอยู่ร่วมสังคมกับพวกผิดกฎหมาย และแท้ที่จริงเป็นคำพูดซึ่งปัดความรับผิดชอบต่างหาก สะท้อนให้เห็นความล้มเหลว!

เอ่อ...จะว่าล้มเหลวก็ไม่ถูกนัก ในเมื่อไม่ได้ทำอะไร ก็ต้องไม่ใช่ความล้มเหลว!

ที่เห็นเค้าลางของความวุ่นวายในบ้านเมืองก็คือความไม่คืบหน้าในการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งเป็นไปตามที่ชาวบ้านคาดไว้ นั่นคือการจะแย่งเนื้อจากปากเสือนั้นไม่ง่าย การจะให้ตำรวจเสียอำนาจการสอบสวน แบ่งให้อัยการมีส่วนร่วม จึงมีแรงต้านหนัก

จับกุมเอง สอบสวนเอง หาหลักฐานทำสำนวน สั่งฟ้องเอง ผู้ต้องหาเสี่ยงแน่ ถ้าปฏิรูปตำรวจล้มเหลว วิกฤตการเมืองจะมีปัญหาตำรวจแตงโม มะเขือเทศเหมือนเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น