นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า“ลาขาดควันยาสูบ End Cigarette Smoke Thailand (ECST)” และเฟซบุ๊กเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร”เปิดเผยว่า ทางเครือข่ายฯ ได้ตั้งแคมเปญในเว็บไซต์ www.change.org เพื่อรวบรวมรายชื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการห้ามใช้ และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการควบคุมอย่างถูกกฎหมาย เพื่อสามารถป้องกันการเข้าถึงของเด็ก เยาวชน และให้ผู้สูบบุหรี่กว่า 10 ล้านคนได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป โดยระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าบุหรี่ทั่วไปถึง 95% หน่วยงานสาธารณสุขในหลายประเทศ เช่น องค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ และล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ สนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้า เป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ต้องการลดอันตรายจากการสูบบุหรี่ หรือทั่วโลกมีมากกว่า 160 ประเทศ ที่ไม่แบนบุหรี่ไฟฟ้าแบบไทย ขณะเดียวกัน ผลวิจัยใหม่ๆ จากต่างประเทศจำนวนมาก ก็บอกว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน แต่ประเทศเรากลับเดินสวนทาง ปิดกั้นสิทธิการเข้าถึงสินค้าที่อันตรายน้อยกว่า ปล่อยให้ผู้สูบบุหรี่ และผู้รับควันมือสองได้รับอันตรายจากควันบุหรี่ ตายไปปีละกว่า 5 หมื่นคน การห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้า เท่ากับบังคับให้เราต้องรับสารพิษและสารอันตรายจากการสูบบุหรี่ต่อไป
"ถ้าไม่มีการยกเลิกการแบน คนสูบบุหรี่ 10 ล้าน ก็ไม่ลดลง คนตาย 5 หมื่นต่อไปทุกปี คนรับควันมือสองอีกนับล้าน ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลไม่ลด บุหรี่ไฟฟ้ายังขายเกลื่อนใต้ดิน โดยไม่มีการห้าม เด็ก เยาวชน เก็บภาษีก็ไม่ได้ สุดท้ายรัฐและประชาชนไม่ได้อะไรเลย เราเปิดแคมเปญ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ตอนนี้มาผู้มาลงชื่อแล้วมากกว่า 6 พันคน และอยากเชิญชวนให้ผู้ที่เห็นด้วย มาร่วมลงชื่อสนับสนุนเพื่อช่วยกันเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ รวมทั้งยังตัดโอกาสในการจะมีสุขภาพที่ดีของผู้สูบและคนที่อยู่รอบข้าง เราจะได้นำรายชื่อนี้ไปเสนอ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทบทวนการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศต่อไป" นายมาริษ ระบุ
"ถ้าไม่มีการยกเลิกการแบน คนสูบบุหรี่ 10 ล้าน ก็ไม่ลดลง คนตาย 5 หมื่นต่อไปทุกปี คนรับควันมือสองอีกนับล้าน ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลไม่ลด บุหรี่ไฟฟ้ายังขายเกลื่อนใต้ดิน โดยไม่มีการห้าม เด็ก เยาวชน เก็บภาษีก็ไม่ได้ สุดท้ายรัฐและประชาชนไม่ได้อะไรเลย เราเปิดแคมเปญ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ตอนนี้มาผู้มาลงชื่อแล้วมากกว่า 6 พันคน และอยากเชิญชวนให้ผู้ที่เห็นด้วย มาร่วมลงชื่อสนับสนุนเพื่อช่วยกันเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ รวมทั้งยังตัดโอกาสในการจะมีสุขภาพที่ดีของผู้สูบและคนที่อยู่รอบข้าง เราจะได้นำรายชื่อนี้ไปเสนอ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทบทวนการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศต่อไป" นายมาริษ ระบุ