วานนี้ (19 ต.ค.) นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่าตามบริษัท PTTEP Canada Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ได้เข้าลงทุนในโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ประเทศแคนาดา โดยถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 100 และเป็นผู้ดำเนินการนั้น ล่าสุดปตท.สผ.ชะลอการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision) ของโครงการออกไป เพื่อให้สอดคล้องกับผลการศึกษาการพัฒนาโครงการที่ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าเชิงพาณิชย์ภายใต้สภาวะอุตสาหกรรมปัจจุบัน
โดยการชะลอ FID โครงการมาเรียนา ออยล์แซนด์นี้ ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของบริษัทฯที่จะเกิดจากการรับรู้รายได้โครงการดังกล่าวที่จะผลิตปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์ในอนาคต ทำให้ในไตรมาส 3 /2560 ปตท.สผ. จึงบันทึกรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ จากโครงการนี้เป็นจำนวน 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาหรือราว 1.82 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานบัญชี โดยต่างจากการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ 2ครั้งที่ผ่านมา เป็นเงินรวม 2,382ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการบันทึกด้อยค่าฯมาจากสาเหตุราคาน้ำมันตกต่ำ
“การด้อยค่าของสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ปตท.สผ.ได้ปรับแผนพัฒนาธุรกิจ ทำให้คาดว่าไตรมาส3/2560 บริษัทจะมีผลดำเนินงานขาดทุนสุทธิ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อเงินสดในมือและกระแสเงินสดของ ปตท.สผ. แต่อย่างใด” นายสมพร
ระบุ
นายสมพร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามบริษัทจะติดตามสภาวะอุตสาหกรรมและสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด รวมถึง การหาแนวทางบริหารจัดการโครงการที่เหมาะสมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทต่อไป ก่อนหน้านี้บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท Statoil ASA ทำโครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี ที่ประเทศแคนานา โดยปตท.สผ.ถือหุ้น 40 %ต่อมาในปี 2557 บริษัทได้ปรับแผนกลยุทธ์การลงทุนในแหล่งออย แซนด์ ประเทศแคนาดา โดยได้ตัดสินใจ Swap Asset เมื่อตอนกลางปี 2557 โดยปตท.สผ.เป็นผู้ดำเนินการในแหล่ง Thornbury, Hangingstone และ South Leismer ซึ่งยังไม่มีการสำรวจและพัฒนาโครงการแต่อย่างไร ซึ่งช่วยบริษัทให้สามารถลดผลกระทบจากการขาดทุนของโครงการดังกล่าว อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำได้ ส่วน Statoil ASA ได้แหล่ง Leismer และ Corner ที่มีการพัฒนาโครงการไปแล้ว.
โดยการชะลอ FID โครงการมาเรียนา ออยล์แซนด์นี้ ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของบริษัทฯที่จะเกิดจากการรับรู้รายได้โครงการดังกล่าวที่จะผลิตปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์ในอนาคต ทำให้ในไตรมาส 3 /2560 ปตท.สผ. จึงบันทึกรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ จากโครงการนี้เป็นจำนวน 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาหรือราว 1.82 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานบัญชี โดยต่างจากการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ 2ครั้งที่ผ่านมา เป็นเงินรวม 2,382ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการบันทึกด้อยค่าฯมาจากสาเหตุราคาน้ำมันตกต่ำ
“การด้อยค่าของสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ปตท.สผ.ได้ปรับแผนพัฒนาธุรกิจ ทำให้คาดว่าไตรมาส3/2560 บริษัทจะมีผลดำเนินงานขาดทุนสุทธิ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อเงินสดในมือและกระแสเงินสดของ ปตท.สผ. แต่อย่างใด” นายสมพร
ระบุ
นายสมพร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามบริษัทจะติดตามสภาวะอุตสาหกรรมและสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด รวมถึง การหาแนวทางบริหารจัดการโครงการที่เหมาะสมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทต่อไป ก่อนหน้านี้บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท Statoil ASA ทำโครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี ที่ประเทศแคนานา โดยปตท.สผ.ถือหุ้น 40 %ต่อมาในปี 2557 บริษัทได้ปรับแผนกลยุทธ์การลงทุนในแหล่งออย แซนด์ ประเทศแคนาดา โดยได้ตัดสินใจ Swap Asset เมื่อตอนกลางปี 2557 โดยปตท.สผ.เป็นผู้ดำเนินการในแหล่ง Thornbury, Hangingstone และ South Leismer ซึ่งยังไม่มีการสำรวจและพัฒนาโครงการแต่อย่างไร ซึ่งช่วยบริษัทให้สามารถลดผลกระทบจากการขาดทุนของโครงการดังกล่าว อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำได้ ส่วน Statoil ASA ได้แหล่ง Leismer และ Corner ที่มีการพัฒนาโครงการไปแล้ว.