สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพิธียกนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง พระราชทานไฟหลวงในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพแก่นายกรัฐมนตรี อัญเชิญไปประกอบพิธีรับที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนมอบให้ผู้ว่าฯ 76 จังหวัด เพื่ออัญเชิญไปในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศจำลองของแต่ละจังหวัด
เมื่อเวลา 17.09 น. วานนี้ (18ต.ค.) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธียกนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ฤกษ์ระหว่างเวลา 17.19-21.30 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง การนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยเสด็จด้วย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศฯ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เฝ้าฯรับเสด็จ
ในการนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงาน และเบิกกรรมการสร้างพระเมรุมาศ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปยังที่ประดิษฐานนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม นายอนันต์ ชูโชติ ถวายสายสูตรยกนพปฎลมหาเศวตฉัตร
ต่อมาเวลา 17.17 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดึงสายสูตรยกนพปฎลมหาเศวตรฉัตรขึ้นสู่ยอดพระเมรุมาศ และนพปฎลมหาเศวตฉัตรขึ้นสู่ยอด พระเมรุมาศในเวลา 17.19 น. จากนั้นพระราชทานสายสูตรคืนอธิบดีกรมศิลปากรรับไปผูกไว้ที่เสาบัว แล้วเสด็จฯไปทอดพระเนตรพระที่นั่งทรงธรรม และพระเมรุมาศ ตามพระราชอัธยาศัย
สำหรับนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ มีขนาดความกว้าง 1.20 เมตร ความสูง 5.10 เมตร ลักษณะเป็นฉัตรขาว 9 ชั้น แต่ละชั้นของฉัตรมีระบายขลิบทองแผ่ลวด 3 ชั้น ชั้นล่างสุดห้อยอุบะจำปาทอง 14 ช่อ ปลียอดฉัตรเป็นทรงองค์ระฆังต่อด้วยบัวกลุ่ม ปลียอดฉัตรทำด้วยทองเหลืองกลึงปิดทอง นพปฎลมหาเศวตฉัตรนี้ เป็นฉัตรสำหรับพระมหากษัตริย์ที่ทรงรับพระบรมราชาภิเษกตามโบราณขัตติยราชประเพณีแล้ว
ทั้งนี้ ฉัตรเป็นเครื่องสูง มีรูปร่างคล้ายร่มที่ซ้อนกันขึ้นไปเป็นชั้นๆ โดยชั้นบนมีขนาดเล็กกว่าชั้นล่าง เป็นเครื่องสูงที่ใช้ทั้งสำหรับแขวน ปัก ตั้ง หรือเชิญเข้ากระบวนแห่เป็นเกียรติยศ มีหลักฐานว่าไทยใช้ฉัตรเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศสำหรับพระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง
ส่วนพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีขนาดความกว้าง 60 เมตร ยาว 60 เมตร สูง 50.49 เมตร ประกอบด้วย อาคารทรงบุษบก จำนวน 9 องค์ ตั้งอยู่บนฐานชาลารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 3 ชั้น มีบันไดทางขึ้นทั้ง 4 ทิศ บุษบกประธานมีชั้นเชิงกลอน 7 ชั้น ยอดบนสุดประดิษฐานนพปฎลมหาเศวตฉัตร ภายในมีพระจิตกาธานเป็นที่ประดิษฐานพระบรมโกศ ทั้งสี่ด้านติดตั้งฉากบังเพลิง เขียนรูปนารายณ์อวตารและภาพโครงการพระราชดำริ มุมทั้งสี่ของฐานชั้นที่ 3 เป็นที่ตั้งของบุษบกซ่าง ชั้นเชิงกลอน 5 ชั้น ถัดลงมาบนฐานชาลาชั้นที่ 2 มีบุษบกหอเปลื้อง รูปแบบเดียวกันแต่ขนาดย่อมลงมา ตั้งอยู่ที่มุมทั้งสี่ บริเวณฐานชาลาทั้งสามชั้นประดับด้วยประติมากรรมท้าวจตุโลกบาล เทวดา ครุฑ ราชสีห์ คชสีห์ นาคราวบันได และสัตว์ประจำทิศ รอบฐานพระเมรุมาศ มีสระน้ำ และเขามอจำลองประดับรูปสัตว์หิมพานต์ชนิดต่างๆ
พระราชทานไฟหลวงในพิธีถวายพระเพลิง
ในวันเดียวกันนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชทานพระราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้แทน เฝ้าฯรับพระราชทานไฟหลวงไปในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ของประชาชน ณ พระเมรุมาศจำลอง
โอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนรับไฟหลวงพระราชทาน เพื่อเชิญไปมอบให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด และพระราชทานหีบเพลิงที่ประกอบด้วยดอกไม้จันทน์ 1 ดอก ไม้ขีด 1 กลัก เทียนชนวน 1 แท่ง ให้แก่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเชิญไปยังสถานกงสุลและประเทศต่างๆ ทั่วโลก และพระราชทานไฟหลวงให้แก่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อเชิญไปในพิธีถวายพระเพลิง ณ พระเมรุมาศ จำลองรอบ 4 ทุ่งพระเมรุมาศ ประกอบด้วย สวนนาคราภิรมย์ หน้ากองสลากเก่า ลานคนเมือง และ หน้าอนุสาวรีย์ปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพุทธ)
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน นายกรัฐมนตรีได้เชิญไฟหลวงซึ่งเป็นโคมตะเกียง จำนวน 76 โคม ไปมอบให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ที่ตั้งแถวรออยู่ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด รับพระราชทานโคมตะเกียงเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเชิญไปในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศจำลองของแต่ละจังหวัดที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนร่วมถวายพระเพลิงอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งประเทศ
พระเทพฯเสด็จบวงสรวงการจัดทำเครื่องสด
สำนักพระราชวังเผยแพร่หมายกำหนดการ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ในพิธีบวงสรวงสังเวยการจัดทำเครื่องสดประดับพระจิตกาธานในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวัง
โดยเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ต.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากวังสระปทุม ไปยังโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีเลขาธิการพระราชวัง ผอ.กองศิลปกรรม และ ผอ.โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ เฝ้าฯรับเสด็จ จากนั้นเสด็จฯไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงคม เสด็จฯ ไปทรงเจิมโองการบวงสรวงสังเวยช่างเครื่องสดราชสำนัก เสด็จฯ ไปยังโต๊ะสังเวย จากนั้นทรงจุดเทียนทอง เทียนเงิน ที่โต๊ะเครื่องสังเวย ทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องสังเวย (ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย สังข์ แตร พนักงานภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์) ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงคม จากนั้นประทับพระราชอาสน์ นายบุญชัย ทองเจริญบัวงาม นายช่างศิลปกรรม ผู้ประกอบพิธีอ่านโองการบวงสรวง และนำกล่าวบทบูชาครูช่างเครื่องสด จบแล้ว (ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย สังข์ แตร พนักงานภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์)
จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯไปทรงสุหร่ายที่เครื่องมือ เครื่องใช้ในการทำเครื่องสดพระจิตกาธาน และทรงเจิมเทวดาประดับจิตกาธาน ( ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย สังข์ แตร พนักงานภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ) เสด็จฯไปทรงคมที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา เสด็จฯไปทรงคมที่หน้าโต๊ะสังเวย ก่อนเสด็จฯกลับ
กรมศิลป์ซ้อมโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม
กรมศิลปากรจัดซ้อมการแสดงโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม มหรสพสมโภช พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยมีการซักซ้อมกระบวนท่ารำ ท่ารบ ที่อ่อนช้อยงดงาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ตอน พระรามข้ามสมุทร ยกรบ รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ แสงอาทิตย์ พรหมาสตร์ ที่จะนำมาแสดงหน้าพระที่นั่งทรงธรรม เป็นชุดการแสดงที่มีตัวละครสำคัญของเรื่องอยู่เกือบทั้งหมด ทั้งพระรามที่เป็นตัวละครฝ่ายพระ ทศกัณฐ์ที่เป็นตัวละครฝ่ายยักษ์ และหนุมานที่เป็นตัวละครฝ่ายลิง
การแสดงโขนชุดยกรบ เป็นการแสดงโขนที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กรมศิลปากรจัดแสดงต้อนรับพระราชอาคันตุกะอยู่เสมอ เนื่องจากท่ารำมีความสง่างาม เนื้อหากล่าวถึงพระรามนำทัพรบชนะทศกัณฐ์ เปรียบเหมือนตลอด 70 ปีที่พระองค์ทรงครองราชย์ และทรงมีพระราชกรณียกิจที่ช่วยเหลือพสกนิกรชาวไทยพ้นจากความทุกข์ยาก ส่วนการแสดงชุดรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ประกอบอยู่ในการแสดงชุดยกรบ โดยการแสดงชุดนี้เป็นเหตุการณ์ที่พระอินทร์ และเหล่าเทวดานางฟ้า ระบำสดุดีถวายพระรามที่มีชัยชนะเหนือทศกัณฐ์
ทั้งนี้ การแสดงทั้งหมดใช้นักแสดง นาฏศิลปิน สำนักสังคีต นักเรียน นักศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป์ทั่วประเทศ 12 แห่ง และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ รวมถึงผู้พากย์ ผู้บรรเลง ขับร้อง และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง รวมกว่า 360 คน เพื่อให้มหรสพสมโภชหน้าพระเมรุมาศยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติที่สุด
ใช้ ฮ.6 ลำสนับสนุนหน่วยแพทย์เคลื่อนที่
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวว่า ตำรวจมีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร รวมการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างเต็มที่ โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหลายหน่วย นอกจากนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายเทคโนโลยี เปิดแอพพลิเคชัน ZON เพื่ออัปเดตปริมาณรถในจุดจอดรถทั่วกทม. โดยจะมีการอัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์
ส่วนมาตรการดูแลด้านจราจร ตำรวจมีความพร้อมในการอำนวยความสะดวก รองรับรถในต่างจังหวัดวิ่งมาที่จุดต่างๆ และมีรถชัตเตอร์บัส คอยรับส่งไปตามสถานที่ต่างๆ ทั่วกทม. เช่นเดียวกัน ในส่วนการเตรียมความพร้อมในการดูแลด้านการแพทย์ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย จะใช้เฮลิคอปเตอร์ 6 ลำ ของกองบินตำรวจ คอยสนับสนุนการเคลื่อนย้าย และลำเลียงผู้ป่วยอีกทางหนึ่งด้วย
พล.ต.ท.นพ.วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ กล่าวว่า รพ.ตำรวจได้จัดเตรียมหน่วยแพทย์ และพยาบาล คอยอำนวยความสะดวกดูแลสุขภาพร่างกายแก่ประชาชนรอบพระบรมมหาราชวัง และพื้นที่ใกล้เคียงตลอดทั้งวัน โดยทีมแพทย์ที่ รพ.ตำรวจ ประกอบด้วย แพทย์ฉุกเฉิน แพทย์หัวใจ แพทย์สมอง และพยาบาล ซึ่งตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.59 โดยมีผู้มาใช้บริการแล้วกว่า 113,000 คน ขณะเดียวกันรพ.ตำรวจ จะเพิ่มเจ้าหน้าที่แพทย์ และพยาบาลอาสา อีกประมาณ 700 คน ให้ทีมแพทย์ และ พยาบาล ของ รพ.ตำรวจที่เข้าเวร คอยเป็นทีมสนับสนุนหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น รวมถึงยังมีเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้ป่วยของกองบินตำรวจ คอยสนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอีกทางหนึ่ง
ห้ามฉวยขึ้นราคาดอกดาวเรือง
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน ได้ออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ฉบับที่ 21 พ.ศ.2560 เรื่องห้ามฉวยโอกาสจำหน่ายดอกดาวเรือง ต้นดอกดาวเรืองและเมล็ดพันธุ์ ในราคาที่สูงเกินสมควร และให้ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า โดยหากพบว่ามีการจำหน่ายในราคาที่สูงเกินสมควร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าหรือจำหน่ายไม่ตรงกับป้ายราคาที่แสดงไว้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542
โดยการออกประกาศดังกล่าว เพื่อป้องกันมิให้ผู้ประกอบการจำหน่ายดอกดาวเรือง ต้นดอกดาวเรืองและเมล็ดพันธุ์ สูงเกินสมควร เพราะมีหมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง ในระหว่างวันที่ 25-29 ต.ค.2560 และรัฐบาลได้เชิญชวนให้ส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วประเทศปลูกต้นดอกดาวเรืองหรือประดับดอกดาวเรืองในบริเวณจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ สถานที่ราชการ ในหมู่บ้าน ชุมชน ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่อื่นๆ ที่เหมาะสม เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้
เมื่อเวลา 17.09 น. วานนี้ (18ต.ค.) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธียกนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ฤกษ์ระหว่างเวลา 17.19-21.30 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง การนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยเสด็จด้วย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศฯ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เฝ้าฯรับเสด็จ
ในการนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงาน และเบิกกรรมการสร้างพระเมรุมาศ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปยังที่ประดิษฐานนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม นายอนันต์ ชูโชติ ถวายสายสูตรยกนพปฎลมหาเศวตฉัตร
ต่อมาเวลา 17.17 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดึงสายสูตรยกนพปฎลมหาเศวตรฉัตรขึ้นสู่ยอดพระเมรุมาศ และนพปฎลมหาเศวตฉัตรขึ้นสู่ยอด พระเมรุมาศในเวลา 17.19 น. จากนั้นพระราชทานสายสูตรคืนอธิบดีกรมศิลปากรรับไปผูกไว้ที่เสาบัว แล้วเสด็จฯไปทอดพระเนตรพระที่นั่งทรงธรรม และพระเมรุมาศ ตามพระราชอัธยาศัย
สำหรับนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ มีขนาดความกว้าง 1.20 เมตร ความสูง 5.10 เมตร ลักษณะเป็นฉัตรขาว 9 ชั้น แต่ละชั้นของฉัตรมีระบายขลิบทองแผ่ลวด 3 ชั้น ชั้นล่างสุดห้อยอุบะจำปาทอง 14 ช่อ ปลียอดฉัตรเป็นทรงองค์ระฆังต่อด้วยบัวกลุ่ม ปลียอดฉัตรทำด้วยทองเหลืองกลึงปิดทอง นพปฎลมหาเศวตฉัตรนี้ เป็นฉัตรสำหรับพระมหากษัตริย์ที่ทรงรับพระบรมราชาภิเษกตามโบราณขัตติยราชประเพณีแล้ว
ทั้งนี้ ฉัตรเป็นเครื่องสูง มีรูปร่างคล้ายร่มที่ซ้อนกันขึ้นไปเป็นชั้นๆ โดยชั้นบนมีขนาดเล็กกว่าชั้นล่าง เป็นเครื่องสูงที่ใช้ทั้งสำหรับแขวน ปัก ตั้ง หรือเชิญเข้ากระบวนแห่เป็นเกียรติยศ มีหลักฐานว่าไทยใช้ฉัตรเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศสำหรับพระมหากษัตริย์ตั้งแต่สมัยอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง
ส่วนพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีขนาดความกว้าง 60 เมตร ยาว 60 เมตร สูง 50.49 เมตร ประกอบด้วย อาคารทรงบุษบก จำนวน 9 องค์ ตั้งอยู่บนฐานชาลารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 3 ชั้น มีบันไดทางขึ้นทั้ง 4 ทิศ บุษบกประธานมีชั้นเชิงกลอน 7 ชั้น ยอดบนสุดประดิษฐานนพปฎลมหาเศวตฉัตร ภายในมีพระจิตกาธานเป็นที่ประดิษฐานพระบรมโกศ ทั้งสี่ด้านติดตั้งฉากบังเพลิง เขียนรูปนารายณ์อวตารและภาพโครงการพระราชดำริ มุมทั้งสี่ของฐานชั้นที่ 3 เป็นที่ตั้งของบุษบกซ่าง ชั้นเชิงกลอน 5 ชั้น ถัดลงมาบนฐานชาลาชั้นที่ 2 มีบุษบกหอเปลื้อง รูปแบบเดียวกันแต่ขนาดย่อมลงมา ตั้งอยู่ที่มุมทั้งสี่ บริเวณฐานชาลาทั้งสามชั้นประดับด้วยประติมากรรมท้าวจตุโลกบาล เทวดา ครุฑ ราชสีห์ คชสีห์ นาคราวบันได และสัตว์ประจำทิศ รอบฐานพระเมรุมาศ มีสระน้ำ และเขามอจำลองประดับรูปสัตว์หิมพานต์ชนิดต่างๆ
พระราชทานไฟหลวงในพิธีถวายพระเพลิง
ในวันเดียวกันนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชทานพระราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้แทน เฝ้าฯรับพระราชทานไฟหลวงไปในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ของประชาชน ณ พระเมรุมาศจำลอง
โอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนรับไฟหลวงพระราชทาน เพื่อเชิญไปมอบให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด และพระราชทานหีบเพลิงที่ประกอบด้วยดอกไม้จันทน์ 1 ดอก ไม้ขีด 1 กลัก เทียนชนวน 1 แท่ง ให้แก่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเชิญไปยังสถานกงสุลและประเทศต่างๆ ทั่วโลก และพระราชทานไฟหลวงให้แก่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อเชิญไปในพิธีถวายพระเพลิง ณ พระเมรุมาศ จำลองรอบ 4 ทุ่งพระเมรุมาศ ประกอบด้วย สวนนาคราภิรมย์ หน้ากองสลากเก่า ลานคนเมือง และ หน้าอนุสาวรีย์ปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพุทธ)
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน นายกรัฐมนตรีได้เชิญไฟหลวงซึ่งเป็นโคมตะเกียง จำนวน 76 โคม ไปมอบให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ที่ตั้งแถวรออยู่ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด รับพระราชทานโคมตะเกียงเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเชิญไปในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศจำลองของแต่ละจังหวัดที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนร่วมถวายพระเพลิงอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งประเทศ
พระเทพฯเสด็จบวงสรวงการจัดทำเครื่องสด
สำนักพระราชวังเผยแพร่หมายกำหนดการ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ในพิธีบวงสรวงสังเวยการจัดทำเครื่องสดประดับพระจิตกาธานในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวัง
โดยเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ต.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากวังสระปทุม ไปยังโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีเลขาธิการพระราชวัง ผอ.กองศิลปกรรม และ ผอ.โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ เฝ้าฯรับเสด็จ จากนั้นเสด็จฯไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงคม เสด็จฯ ไปทรงเจิมโองการบวงสรวงสังเวยช่างเครื่องสดราชสำนัก เสด็จฯ ไปยังโต๊ะสังเวย จากนั้นทรงจุดเทียนทอง เทียนเงิน ที่โต๊ะเครื่องสังเวย ทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องสังเวย (ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย สังข์ แตร พนักงานภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์) ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงคม จากนั้นประทับพระราชอาสน์ นายบุญชัย ทองเจริญบัวงาม นายช่างศิลปกรรม ผู้ประกอบพิธีอ่านโองการบวงสรวง และนำกล่าวบทบูชาครูช่างเครื่องสด จบแล้ว (ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย สังข์ แตร พนักงานภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์)
จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯไปทรงสุหร่ายที่เครื่องมือ เครื่องใช้ในการทำเครื่องสดพระจิตกาธาน และทรงเจิมเทวดาประดับจิตกาธาน ( ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย สังข์ แตร พนักงานภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ) เสด็จฯไปทรงคมที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา เสด็จฯไปทรงคมที่หน้าโต๊ะสังเวย ก่อนเสด็จฯกลับ
กรมศิลป์ซ้อมโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม
กรมศิลปากรจัดซ้อมการแสดงโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม มหรสพสมโภช พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยมีการซักซ้อมกระบวนท่ารำ ท่ารบ ที่อ่อนช้อยงดงาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ตอน พระรามข้ามสมุทร ยกรบ รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ แสงอาทิตย์ พรหมาสตร์ ที่จะนำมาแสดงหน้าพระที่นั่งทรงธรรม เป็นชุดการแสดงที่มีตัวละครสำคัญของเรื่องอยู่เกือบทั้งหมด ทั้งพระรามที่เป็นตัวละครฝ่ายพระ ทศกัณฐ์ที่เป็นตัวละครฝ่ายยักษ์ และหนุมานที่เป็นตัวละครฝ่ายลิง
การแสดงโขนชุดยกรบ เป็นการแสดงโขนที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กรมศิลปากรจัดแสดงต้อนรับพระราชอาคันตุกะอยู่เสมอ เนื่องจากท่ารำมีความสง่างาม เนื้อหากล่าวถึงพระรามนำทัพรบชนะทศกัณฐ์ เปรียบเหมือนตลอด 70 ปีที่พระองค์ทรงครองราชย์ และทรงมีพระราชกรณียกิจที่ช่วยเหลือพสกนิกรชาวไทยพ้นจากความทุกข์ยาก ส่วนการแสดงชุดรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ประกอบอยู่ในการแสดงชุดยกรบ โดยการแสดงชุดนี้เป็นเหตุการณ์ที่พระอินทร์ และเหล่าเทวดานางฟ้า ระบำสดุดีถวายพระรามที่มีชัยชนะเหนือทศกัณฐ์
ทั้งนี้ การแสดงทั้งหมดใช้นักแสดง นาฏศิลปิน สำนักสังคีต นักเรียน นักศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป์ทั่วประเทศ 12 แห่ง และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ รวมถึงผู้พากย์ ผู้บรรเลง ขับร้อง และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง รวมกว่า 360 คน เพื่อให้มหรสพสมโภชหน้าพระเมรุมาศยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติที่สุด
ใช้ ฮ.6 ลำสนับสนุนหน่วยแพทย์เคลื่อนที่
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวว่า ตำรวจมีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร รวมการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างเต็มที่ โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหลายหน่วย นอกจากนี้ได้สั่งการให้ฝ่ายเทคโนโลยี เปิดแอพพลิเคชัน ZON เพื่ออัปเดตปริมาณรถในจุดจอดรถทั่วกทม. โดยจะมีการอัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์
ส่วนมาตรการดูแลด้านจราจร ตำรวจมีความพร้อมในการอำนวยความสะดวก รองรับรถในต่างจังหวัดวิ่งมาที่จุดต่างๆ และมีรถชัตเตอร์บัส คอยรับส่งไปตามสถานที่ต่างๆ ทั่วกทม. เช่นเดียวกัน ในส่วนการเตรียมความพร้อมในการดูแลด้านการแพทย์ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย จะใช้เฮลิคอปเตอร์ 6 ลำ ของกองบินตำรวจ คอยสนับสนุนการเคลื่อนย้าย และลำเลียงผู้ป่วยอีกทางหนึ่งด้วย
พล.ต.ท.นพ.วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ กล่าวว่า รพ.ตำรวจได้จัดเตรียมหน่วยแพทย์ และพยาบาล คอยอำนวยความสะดวกดูแลสุขภาพร่างกายแก่ประชาชนรอบพระบรมมหาราชวัง และพื้นที่ใกล้เคียงตลอดทั้งวัน โดยทีมแพทย์ที่ รพ.ตำรวจ ประกอบด้วย แพทย์ฉุกเฉิน แพทย์หัวใจ แพทย์สมอง และพยาบาล ซึ่งตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.59 โดยมีผู้มาใช้บริการแล้วกว่า 113,000 คน ขณะเดียวกันรพ.ตำรวจ จะเพิ่มเจ้าหน้าที่แพทย์ และพยาบาลอาสา อีกประมาณ 700 คน ให้ทีมแพทย์ และ พยาบาล ของ รพ.ตำรวจที่เข้าเวร คอยเป็นทีมสนับสนุนหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น รวมถึงยังมีเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้ป่วยของกองบินตำรวจ คอยสนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอีกทางหนึ่ง
ห้ามฉวยขึ้นราคาดอกดาวเรือง
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน ได้ออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ฉบับที่ 21 พ.ศ.2560 เรื่องห้ามฉวยโอกาสจำหน่ายดอกดาวเรือง ต้นดอกดาวเรืองและเมล็ดพันธุ์ ในราคาที่สูงเกินสมควร และให้ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า โดยหากพบว่ามีการจำหน่ายในราคาที่สูงเกินสมควร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าหรือจำหน่ายไม่ตรงกับป้ายราคาที่แสดงไว้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542
โดยการออกประกาศดังกล่าว เพื่อป้องกันมิให้ผู้ประกอบการจำหน่ายดอกดาวเรือง ต้นดอกดาวเรืองและเมล็ดพันธุ์ สูงเกินสมควร เพราะมีหมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง ในระหว่างวันที่ 25-29 ต.ค.2560 และรัฐบาลได้เชิญชวนให้ส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วประเทศปลูกต้นดอกดาวเรืองหรือประดับดอกดาวเรืองในบริเวณจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ สถานที่ราชการ ในหมู่บ้าน ชุมชน ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่อื่นๆ ที่เหมาะสม เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้