หยุดพักเหนื่อยไป 1 วัน...วันนี้คงได้เวลาเปิดเล้าไก่บินออกไปนอกประเทศกันอีกซักตั้ง เพื่อลองไปตรวจสอบดูว่า หลังการเยือนรัสเซียเป็นครั้งแรกของกษัตริย์ซาอุฯ ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ มันจะมีความเคลื่อนไหวใดๆ ที่น่าสนใจพอให้เก็บเอามาคิด มาวิเคราะห์ได้มั่ง เพราะถ้ามัวแต่ไปสนใจเรื่องผลการเดินทางไปเยือนอเมริกาของ “บิ๊กตู่”อันนั้น...คงไม่มีโอกาสได้บริหารมันสมองมากมายซักเท่าไหร่ คือเรื่องประเภทได้ยืน-ไม่ได้ยืนบนพรมแดง เรื่องซื้อ-ขายถ่านหินให้รัฐบาลหรือเอกชน เรื่องหมูเนื้อแดง-ไม่แดง ฯลฯ ว่าไปแล้ว...มันก็งั้นๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ “หมวดเจี๊ยบ”แห่งพรรคเผาไทยเขาทำหน้าที่ไปตามเรื่อง ตามราว น่าจะเหมาะกว่า...
อย่างไรก็ตาม...สำหรับข่าวคราวความเคลื่อนไหวหลังการเดินทางเยือนรัสเซียของกษัตริย์ซาอุฯ น่าจะมีความเคลื่อนไหวอยู่ 2 เรื่องหลักๆ ที่คงต้องอาศัยมันสมองแยกแยะ พิจารณามิใช่น้อย เรื่องแรก...คือข่าวคราวว่าด้วยรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย “นายมิคฮาอิล บอกดานอฟ” (Mikhail Bogdanov) ได้ออกมาเปิดเผยกับสำนักข่าวรัสเซีย ทูเดย์ เอาไว้ประมาณว่า...รัสเซียพร้อมแล้วและปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง ที่จะเป็น “ตัวกลาง” ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบีย ที่พยายามแย่งชิงความเป็น “พี่เบิ้ม” ในตะวันออกกลางจนเกิดอาการร้อนฉ่าไปทั้งภูมิภาค อีกทั้งยังกลายเป็นการเปิดช่อง เปิดโอกาสให้อภิมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกาและพันธมิตรอิสราเอล เติมเชื้อ เติมฟืนให้ร้อนๆ ยิ่งไปกว่านี้...
เดิมที...ข่าวคราวทำนองนี้ก็เคยพอมีอยู่บ้างแล้ว แต่อาจไม่ถึงกับมี “น้ำหนัก” เท่าครั้งนี้ คือเคยมีข่าวว่ามกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียเจ้าชาย “MBS” (Mohammed Bin Salman) เคยไหว้วานให้นายกรัฐมนตรีอิรักช่วยเป็นตัวกลางในเรื่องนี้ แต่ระดับแค่นายกฯ อิรัก คงไม่มีศักยภาพพอที่จะทำเรื่องยากๆ ได้แบบเต็มสูบ เต็มด้าม มาคราวนี้...เมื่อมหาอำนาจอย่างรัสเซีย ที่มีเรี่ยว มีแรง ระดับพอฟัด พอเหวี่ยงกับคุณพ่ออเมริกา พร้อมออกโรงเอง อะไรต่อมิอะไรมันเลยน่าจะเป็นเนื้อ เป็นหนัง ขึ้นมาได้มั่ง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงสายใยความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับซาอุฯ ที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ภายหลังการเยือนของกษัตริย์ซาอุฯ เที่ยวนี้ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นเรื่อง เป็นราว อยู่ตามสมควร...
คือไม่ใช่แค่การที่ซาอุฯ ตัดสินใจซื้อจรวด S-400 ของรัสเซีย อันกลายเป็นข่าวคราวฮือฮาไปก่อนหน้านี้ แต่การร่วมเดินทางของนักธุรกิจซาอุฯ ที่ตามเสด็จไปกับกษัตริย์ “ซัลมาน” อันประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับ CEO จำนวนถึง 85 ราย ตัวแทนบริษัทธุรกิจต่างๆ อีก 200 บริษัท จนทำให้เกิดข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าข้อตกลงระหว่างบริษัทวิสาหกิจพลังงาน “Aramco” ของซาอุฯ กับบริษัทปิโตรเคมี “Sibur” ของรัสเซีย ในความร่วมมือด้านโรงกลั่นน้ำมันมูลค่าระดับพันล้านดอลลาร์ การแสดงความสนใจของซาอุฯ ที่จะให้บริษัทผลิตไฟฟ้าปรมาณูรัสเซีย หรือบริษัท “Rosatom” เข้ามาสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ 16 โรงในซาอุฯ ชนิดมูลค่าอาจปาเข้าไประดับแสนๆ ล้านดอลลาร์ ฯลฯ ต้องถือเป็นความเคลื่อนไหวที่เป็นเนื้อ เป็นหนัง มิใช่น้อย...
แต่นอกเหนือไปจากข่าวคราวที่ว่า...ยังมีข่าวอยู่อีกข่าว ที่แทรกซ้อนเข้ามาในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย-ซาอุฯ และอิหร่านที่แม้ว่ายังไม่รู้ว่าจะออกหัว-ออกก้อยในรูปไหนกันแน่ นั่นก็คือข่าวคราวว่าด้วยกรณีคุณพี่จีน...กำลังพยายามเกลี้ยกล่อมโน้มน้าว หรือแม้แต่ “กดดัน” ให้ซาอุฯ กำหนดราคาการซื้อ-ขายน้ำมัน ด้วย “เงินหยวน” แทน “เงินดอลลาร์” ข่าวที่ว่านี้แม้จะไม่มีที่มา-ที่ไปชัดเจนมากมายนัก คือเป็นแค่ความคิด ความเห็น หรือข้อวิเคราะห์จากบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย แต่โดยตัวของผู้เชี่ยวชาญแต่ละราย รวมทั้งการให้เหตุผล ให้คำอธิบาย ต้องถือว่าพอมี “น้ำหนัก” อยู่บ้างตามสมควร...
นั่นคือข่าวที่หัวหน้าคณะผู้อำนวยการเศรษฐกิจและการบริหารแห่งสถาบันการลงทุนระดับโลก “High Frequency Economics” “นายคาร์ล เวนเบิร์ก” (Carl Weinberg) ได้ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ CNBC เอาไว้ประมาณว่า... “แนวโน้มที่จะเกิดกำหนดราคาน้ำมันด้วยเงินหยวน...กำลังจะมาถึงในอีกไม่นานไม่ช้า” โดยอาศัยเหตุผล ข้ออ้าง ที่อาจไม่ถึงกับแปลกประหลาดมากมายในแง่ธุรกิจ-เศรษฐกิจ คือด้วยเหตุเพราะจีนนั้น...ได้กลายเป็น “ผู้เล่นหลัก” ในตลาดน้ำมันโลกไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว หลังจากที่ได้กลายเป็นประเทศที่สั่งเข้าน้ำมัน หรือบริโภคน้ำมันสูงสุดในโลกแทนคุณพ่ออเมริกามานานพอสมควร โดยเฉพาะในอีกปี-สองปีข้างหน้า ความต้องการน้ำมันของจีน แทบทำให้ความต้องการน้ำมันในอเมริกาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม่ได้เป็นลูกค้าหลัก หรือเป็นผู้ที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันอย่างซาอุฯ จะ “ขาดเธอเสียมิได้” อีกต่อไป...
เช่นเดียวกับอดีตนักลงทุนระดับเกล็ดแตกลายงาอย่าง “จิม โรเจอร์ส” (Jim Rogers) ที่ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรัสเซีย ทูเดย์ เอาไว้ประมาณว่า...การกำหนดราคาน้ำมันด้วยเงินดอลลาร์ของซาอุฯ ได้สร้างความยุ่งยากลำบากใจให้กับหลายต่อหลายประเทศ รวมทั้งตัวซาอุฯ เองมาโดยตลอด “เพราะถ้าหากอเมริกาไม่พอใจคุณขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาก็สามารถมีกรรมวิธีมากมายที่จะกดดันคุณหรือแม้แต่ธุรกิจของคุณ จีนและรัสเซียและหลายต่อหลายประเทศเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้ดี และต่างพยายามที่จะผลักดันการค้าของโลก รวมทั้งระบบการเงินของโลกออกไปจากวงจรเช่นนี้มานานแล้ว” พร้อมได้ยกตัวอย่างถึงความพยายามของทั้งจีนและรัสเซีย ที่เพิ่งแสดงให้เห็นเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยการเลิกใช้เงินดอลลาร์ซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันและกัน เป็นมูลค่าถึง 68 พันล้านหยวน...
ดังนั้น...ภายใต้สัมพันธภาพระหว่างจีน-รัสเซีย ที่กำลังเชื่อมโยงไปถึงซาอุฯ และอิหร่านในแนวนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทั้งหลาย จึงพร้อมใจที่จะ “ฟันธง” ลงไปทันทีว่า ณ ขณะนี้...ลูกค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีน พร้อมแล้วที่จะเริ่มทำสัญญาสั่งซื้อน้ำมันล็อตใหม่กับซาอุฯ โดยกำหนดราคาเป็นเงินหยวน ที่สามารถนำไปเปลี่ยนเป็นทองคำได้ทุกเมื่อ ไม่ใช่เงินดอลลาร์ที่มีแค่ “อุปสงค์-อุปทาน” เป็นตัวรองรับเท่านั้น แน่ล่ะว่า...ถ้าหากข่าวคราวที่ว่ามันเกิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา งานนี้...ต้องเรียกว่า แทบไม่ต้องสนใจว่า “บิ๊กตู่จะเสร็จทรัมป์” หรือ “ทรัมป์จะเสร็จบิ๊กตู่” หรือไม่ อย่างไร เพราะอเมริกาทั้งอเมริกานั่นแหละ อาจ “เสร็จ” เอาง่ายๆ...ซึ่งจะเป็นเพราะอะไรนั้น วันจันทร์นี้ลองค่อยมาตามกันต่อ...