ผู้จัดการรายวัน360- "ป๊อก" สั่งยกเลิกบัตรประชาชน พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก ที่สวมสิทธิ์คนตายแล้ว พร้อมให้สืบตั้งแต่ต้นทาง ใครผิดต้องรับผิดชอบ ขณะที่ พระราชรัชมุนี ยังล่องหน เผยมีรถตู้รับออกจากสำนักปฏิบัติธรรม ดอยอ่างขาง หายหายลับไปในม่านหมอก
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ใช้เลขประจำตัวประชาชนเดียวกับ ด.ช.ดวงดี เวียงดินคำ ชาวบ้านหนองดินดำ ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2538 เป็นการสวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชนคนตายหรือไม่ ว่า พ่อแม่เด็กยืนยันว่า เด็กเสียชีวิตแน่ชัดแล้ว แม้จะไม่ได้แจ้งการเสียชีวิต และไม่ได้ออกใบมรณะบัตรก็ตาม ซึ่งเราก็ยกเลิกเพิกถอนบัตรประจำตัวฉบับนี้ก่อน ขณะเดียวกันนายอำเภอในพื้นที่ ต้องแจ้งความทันที กรณีที่เจ้าอาวาสวัดสวนดอกไปสวมสิทธิบัตรประชาชนของผู้ตาย เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จากนั้นจะต้องสืบสวนตั้งแต่ต้นทางว่า พ่อ แม่ รู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่ หรือไม่รู้เห็นอะไร รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ออกบัตร เมื่อปี 38 ว่า ทำไมถึงปล่อยให้มีการใช้เลขบัตรประชาชนซ้ำกัน ซึ่งถ้าพบว่าใครทำผิด ก็ต้องรับผิดชอบ เรื่องนี้ถือเป็นอีกบทเรียน แต่ก็สามารถตรวจสอบการกระทำผิดได้อย่างรวดเร็วเพราะมีเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์เข้าช่วย ว่ากระทำผิดขั้นไหน อย่างไร ส่วนความผิดพลาดเรื่องการสวมสิทธิบัตรประชาชนในปัจจุบัน คิดว่าคงจะเกิดยากขึ้น เพราะมีการยืนยันด้วยระบบคอมพิวเตอร์แล้ว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวจากจ.เชียงใหม่ว่า หลังมีการร้องเรียนเรื่องนี้ ทางพระราชรัชมุนี ยังคงเก็บตัวเงียบ และไม่สามารถติดต่อได้ โดยจากการขอเข้าพบที่วัดสวนดอก ก็ได้รับแจ้งว่า พระราชรัชมุนี ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรม ที่ดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
จากการตรวจสอบที่ สำนักปฏิบัติธรรม สมเด็จพระมหามังคลาจารย์ ที่ดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ที่อยู่ในความดูแลของพระเทพมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน และ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้รับรายงานว่า เมื่อช่วงคืนวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา มีรถตู้สีดำเข้าไปรับ และพาพระราชรัชมุนี ออกไปโดยที่ไม่ได้เดินทางกลับเข้าไปที่ สำนักปฏิบัติธรรมอีก และไม่ได้ไปที่วัดสวนดอก จึงยังไม่ทราบแน่ชัดว่าขณะนี้อยู่ที่ใด
ล่าสุด ทางกรมการปกครองมีการตรวจสอบแล้วว่า พระราชรัชมุนี น่าจะมีการสวมบัตรประจำตัวประชาชนผู้เสียชีวิต จึงได้สั่งการให้ทางฝ่ายทะเบียน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และฝ่ายทะเบียนของเทศบาลนครเชียงใหม่ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ในฐานะผู้เสียหาย ที่พระราชรัชมุนี หรือ นายนิมิต ทิพย์ปัญญาเมธี ได้เข้าไปทำบัตรประจำตัวประชาชน
ด้านนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทาง จ.เชียงใหม่ โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ และที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการประชุมหารือเพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว
เบื้องต้นมีข้อสรุปว่า จะทำการตรวจสอบประวัติของพระราชรัชมุนี อย่างละเอียด ทั้งที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิม และที่เทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาปัจจุบัน รวมทั้งมีการประสานข้อมูลอย่างละเอียด จากทางกรมการปกครองด้วย เพื่อให้ทราบชัดเจนว่า พระราชรัชมุนี มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้ได้ข้อสรุปเป็นที่ยุติโดยเร็วที่สุด พร้อมย้ำว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย
ขณะที่กระแสข่าวว่า พระราชรัชมุนีได้หลบหนีไปแล้วนั้น ส่วนตัวไม่ทราบ นอกจากนี้ระบุว่า อดีตในพื้นที่ อ.แม่อาย และบางพื้นที่ของ จ.เชียงใหม่ เคยมีปัญหากรณีสวมบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต แต่ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาไปแล้ว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ใช้เลขประจำตัวประชาชนเดียวกับ ด.ช.ดวงดี เวียงดินคำ ชาวบ้านหนองดินดำ ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2538 เป็นการสวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชนคนตายหรือไม่ ว่า พ่อแม่เด็กยืนยันว่า เด็กเสียชีวิตแน่ชัดแล้ว แม้จะไม่ได้แจ้งการเสียชีวิต และไม่ได้ออกใบมรณะบัตรก็ตาม ซึ่งเราก็ยกเลิกเพิกถอนบัตรประจำตัวฉบับนี้ก่อน ขณะเดียวกันนายอำเภอในพื้นที่ ต้องแจ้งความทันที กรณีที่เจ้าอาวาสวัดสวนดอกไปสวมสิทธิบัตรประชาชนของผู้ตาย เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จากนั้นจะต้องสืบสวนตั้งแต่ต้นทางว่า พ่อ แม่ รู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่ หรือไม่รู้เห็นอะไร รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ออกบัตร เมื่อปี 38 ว่า ทำไมถึงปล่อยให้มีการใช้เลขบัตรประชาชนซ้ำกัน ซึ่งถ้าพบว่าใครทำผิด ก็ต้องรับผิดชอบ เรื่องนี้ถือเป็นอีกบทเรียน แต่ก็สามารถตรวจสอบการกระทำผิดได้อย่างรวดเร็วเพราะมีเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์เข้าช่วย ว่ากระทำผิดขั้นไหน อย่างไร ส่วนความผิดพลาดเรื่องการสวมสิทธิบัตรประชาชนในปัจจุบัน คิดว่าคงจะเกิดยากขึ้น เพราะมีการยืนยันด้วยระบบคอมพิวเตอร์แล้ว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวจากจ.เชียงใหม่ว่า หลังมีการร้องเรียนเรื่องนี้ ทางพระราชรัชมุนี ยังคงเก็บตัวเงียบ และไม่สามารถติดต่อได้ โดยจากการขอเข้าพบที่วัดสวนดอก ก็ได้รับแจ้งว่า พระราชรัชมุนี ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรม ที่ดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
จากการตรวจสอบที่ สำนักปฏิบัติธรรม สมเด็จพระมหามังคลาจารย์ ที่ดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ที่อยู่ในความดูแลของพระเทพมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน และ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้รับรายงานว่า เมื่อช่วงคืนวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา มีรถตู้สีดำเข้าไปรับ และพาพระราชรัชมุนี ออกไปโดยที่ไม่ได้เดินทางกลับเข้าไปที่ สำนักปฏิบัติธรรมอีก และไม่ได้ไปที่วัดสวนดอก จึงยังไม่ทราบแน่ชัดว่าขณะนี้อยู่ที่ใด
ล่าสุด ทางกรมการปกครองมีการตรวจสอบแล้วว่า พระราชรัชมุนี น่าจะมีการสวมบัตรประจำตัวประชาชนผู้เสียชีวิต จึงได้สั่งการให้ทางฝ่ายทะเบียน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และฝ่ายทะเบียนของเทศบาลนครเชียงใหม่ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ในฐานะผู้เสียหาย ที่พระราชรัชมุนี หรือ นายนิมิต ทิพย์ปัญญาเมธี ได้เข้าไปทำบัตรประจำตัวประชาชน
ด้านนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทาง จ.เชียงใหม่ โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ และที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการประชุมหารือเพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว
เบื้องต้นมีข้อสรุปว่า จะทำการตรวจสอบประวัติของพระราชรัชมุนี อย่างละเอียด ทั้งที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิม และที่เทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาปัจจุบัน รวมทั้งมีการประสานข้อมูลอย่างละเอียด จากทางกรมการปกครองด้วย เพื่อให้ทราบชัดเจนว่า พระราชรัชมุนี มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้ได้ข้อสรุปเป็นที่ยุติโดยเร็วที่สุด พร้อมย้ำว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย
ขณะที่กระแสข่าวว่า พระราชรัชมุนีได้หลบหนีไปแล้วนั้น ส่วนตัวไม่ทราบ นอกจากนี้ระบุว่า อดีตในพื้นที่ อ.แม่อาย และบางพื้นที่ของ จ.เชียงใหม่ เคยมีปัญหากรณีสวมบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต แต่ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาไปแล้ว