xs
xsm
sm
md
lg

ตั้งข้อหาฟอกเงิน"โอ๊ค" ขยี้หัวใจ"แม้ว"เสี่ยงสติแตก !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**อาจจะเรียกว่านับถอยหลังกันเลยก็ว่าได้ สำหรับ "ลูกโอ๊ค"พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายคนเดียวของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีสอบสวน 3 ในฐานอัยการผู้ร่วมในการสอบสวนคดีกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ในคดีฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้บริษัท อาร์เคโปรเฟสชั่นแนล จำกัด (เครือบริษัทกฤษดามหานคร) ได้เปิดเผยว่า ทางดีเอสไอ ได้ส่งหมายเรียกไปที่บ้านของ พานทองแท้ กับพวกรวม 4 คนตามที่อยู่ในทะเบียนราษฎร์ เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ โดยนอกจาก พานทองแท้ แล้วยังมี นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร มารดาของพานทองแท้ นายวันชัย หงษ์เหิน สามีของ นากาญจนาภา และ นางเกศินี จิปิภพ มารดาของ นางกาญจนาภา
แม้ว่าตามขั้นตอนกฎหมายผู้ถูกกล่าวหาอาจใช้วิธีขอเลื่อนการมารับทราบข้อกล่าวหาได้อีกสัก 1-2 ครั้งไม่เกิน 3 ครั้ง แต่ก็ต้องมีเหตุผลที่รับฟังได้ เพราะหากฟังไม่ขึ้น ก็เข้าข่ายเจตนาบ่ายเบี่ยงบิดพลิ้ว หรือหากไม่มารับทราบข้อหา ก็อาจจะเจอหมายจับต่อไปก็ได้
อย่างไรก็ดี ตามขั้นตอนทางกฎหมายหลังจากนั้นก็ยังขึ้นอยู่กับว่า ในที่สุดแล้วอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ อาจไม่ฟ้อง หรือสอบเพิ่มเติมหรือสั่งฟ้อง ซึ่งหากสั่งฟ้อง พานทองแท้ ชินวัตร ก็ยังสามารถต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่ศาลชั้นต้นไปจนถึงศาลฎีกา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อัยการรายนี้จึงเรียกร้องให้ เขาสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ว่ามีความผิดหรือไม่
อย่างไรก็ดี เมื่อมีการส่งหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 24 ตุลาคม และต้องใช้เวลาอีกนาน อาจจะนับปีแต่มันก็ถือว่า "เริ่มเดิน" แล้ว และสำหรับ พานทองแท้ ชินวัตร ก็ต้องบอกว่านับถอยหลัง "เสี่ยงคุกตะราง" ไปอีกคน
แน่นอนว่า ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อถูกดำเนินคดีเป็นต้องเครียด ไม่เว้นแม้แต่ พานทองแท้ ชินวัตร แต่ก็ยังโชคดีกว่าอีกหลายคน เพราะยังมีเงินจ้างทนายความมาช่วยเหลือแก้ต่างได้มากมาย โดยก่อนหน้านี้ก็มอบหมายให้ทนายความไปยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมจากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ก็มอบหมายไปยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอระงับการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวกับ พานทองแท้ โดยอ้างว่าที่ผ่านมา คดีฟอกเงินตกไปแล้ว เหลือเพียงข้อหารับของโจรเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ยังเรียกร้องให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวน โดยให้เปลี่ยนไปเป็นการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแทน เนื่องจากเห็นว่าการทำงานของดีเอสไอ ไม่เป็นธรรม
เอาเป็นว่า นี่คือการเคลื่อนไหวของ พานทองแท้ ชินวัตร ที่ใช้เทคนิกทางกฎหมายต่อสู้คดี ซึ่งทำได้อยู่แล้ว ขณะเดียวกันอาจเป็นข้อสังเกตให้เห็นด้วยเช่นกันว่า นี่คือความได้เปรียบของคนมีเงิน หรือ"ลูกคนมีเงิน" ที่สามารถจ้างทนาย ให้ดำเนินการแทน เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้อย่างดี และยังสามารถ "ยื้อเวลา"ไปได้อีกพักหนึ่ง อย่างไรก็ดีทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน และสุดท้ายหากไปถึงศาล ก็อยู่ที่ว่าจะตัดสินออกมาอย่างไร
สำหรับที่มาของการดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินในครั้งนี้ เพราะเป็นผลต่อเนื่องมาจากคำพิพากษาความผิดกับอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย และศาลสั่งจำคุกไปแล้ว โดยมีการระบุถึงเส้นทางการเงิน มีการจ่ายเช็คให้กับ พานทองแท้ ชินวัตร และคนใกล้ชิดดังกล่าว ซึ่งมีการแกะรอยเส้นทางการเงินปรากฏเป็นหลักฐานเอาไว้
แต่สิ่งที่น่าจับตากันก็คือ คดีนี้จะหมดอายุความภายในกลางปีหน้า จนทำให้หลายฝ่ายมองว่า อาจมีการสร้างเงื่อนไขต่อรองทางการเมืองกันได้เหมือนกัน ระหว่างกลุ่มอำนาจในปัจจุบัน คือกลุ่มคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับ ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวที่โฟกัสไปยัง "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าจะเป็น"เกม"บางอย่างหรือไม่ เพราะรับรู้กันว่า นอกเหนือจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นน้องสาวแล้ว พานทองแท้ ชินวัตร ก็ถือว่าเป็น "หัวใจ"ของ ทักษิณ ชินวัตร ดังนั้น เมื่อถูกดำเนินคดี มันก็เหมือนกับการ "ขยี้หัวใจ" ซึ่งยอมไม่ได้ แล้วจะมีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาแบบ "สติแตก" หรือไม่ อย่างไร
**ทำให้เป็นที่จับตาว่า จะมีบทสรุปอย่างไร คดีจะสามารถไปถึงศาลก่อนหมดอายุความในกลางปีหน้าหรือไม่ แต่ขณะเดียวกัน ในเมื่อเป็นเป็นความผิดที่เกิดขึ้นจากคำพิพากษา ก็ต้องบังคับให้เดิน หากไม่ดำเนินการมันก็เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีความผิดตามกฎหมายอีก แต่อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับ"เข้าทาง" เมื่อลูกเข้าเท้า ก็ต้องเตะไปต่อ ส่วนจะเด้งไปทางไหน หรือจะเตะออกนอกสนามไปเลย ก็น่าจับตา แต่เมื่อคนดูจับจ้องไม่วางตารอบวง มันก็ไม่ง่ายแน่นอน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น