ตุลาฯ...เป็นเดือนแห่งการเปลี่ยนแปลง ทั้งดี-ร้าย-น้อย-ใหญ่มากมายในชาติไทย!
ที่แน่ๆ “ตุลา” ปี 2559 เป็นเดือนที่คนไทยทั้งชาติ “น้ำตานองแผ่นดิน” ด้วย “ในหลวงรัชกาลที่ 9” พระราชาผู้ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เสด็จสู่สวรรคาลัยซึ่งในวันที่ 26 ตุลาคม ปี 2560 จะมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ “พ่อของแผ่นดิน” อย่างเป็นทางการ...
แน่นอน...ปวงชนชาวไทยไม่อยากให้ถึงวันนั้น เพราะ “เพลิงแรก” ที่ถูกจุด ณ วันนั้น จะเป็นดั่ง “ดวงไฟเผาดวงใจชาวไทย” ด้วย
แต่จากวันนี้ไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2560 เหตุการณ์ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้ ต้องเกิดขึ้นโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น ปวงชนชาวไทยพึงร่วมใจโดยพร้อมเพรียงร่วมถวายความอาลัย และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยทุกคน
แน่นอน “ในหลวงรัชกาลที่ 9” พระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐและยิ่งใหญ่ จะสถิตในดวงใจของปวงชนชาวไทยและชาวโลกชั่วนิรันดร์
ทว่า...วันนี้! รัฐบาล “บิ๊กตู่” ได้ออกข่าวมาว่า จะมีใครบางคนในกลุ่มหนีคดี “มาตรา 112” วางแผนจะปฏิบัติการป่วนชาติในเดือนตุลาคมนี้ ถ้าจริง! ต้องถือเป็นเรื่องชั่วช้าสามานย์อย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้โดยเด็ดขาด และเป็นเรื่องที่กลไกรัฐและชาวไทย ต้องช่วยกัน “จับตา” การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนชั่วนี้...มิให้คลาดสายตา...
เพื่อให้งานพระราชพิธีสำคัญอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของชาติสมพระเกียรติปราศจากอุปสรรคใดๆ ให้มัวหมอง
เดือน “ตุลาฯ” ในอดีตอีกเช่นกัน ได้เกิดเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ของประชาชนที่ต่อสู้กับเผด็จการทหารอย่างกล้าหาญ ด้วยการเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อโค่นรัฐบาล “ถนอม-ประภาส” ในวันที่14 ตุลาคม2516
ทั้งนี้ เพราะประชาชนไม่อาจทนต่อรัฐบาลเผด็จการ “ถนอม-ประภาส” ที่บริหารชาติเอื้อประโยชน์ให้ตนกับพวกพ้อง โดยปล่อยให้คนส่วนใหญ่ในชาติจมปลักอยู่ในยุค “ข้าวยากหมากแพง” ภายใต้รัฐบาล “เผด็จการเห็นแก่ตัว” มิใช่ “เผด็จการเพื่อชาติ-ประชาชน”
ทำให้นักศึกษาและประชาชนผู้รักประชาธิปไตยหลายแสนคน ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาล “ถนอม-ประภาส” ปล่อยตัวผู้นำนักศึกษาและประชาชน 13 คน ที่ทางการจับตัวไป...
แต่รัฐบาล “ถนอม-ประภาส” กลับใช้กำลังทหารออกมาเข่นฆ่านักศึกษาและประชาชนจนบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก
โชคดี...ที่มี “ในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ทรงธรรมยิ่ง” พระองค์เสด็จมายุติปัญหานี้ โดยนายกฯ “จอมพลถนอม” ได้ลาออกจากตำแหน่ง และเดินทางไปจากประเทศไทย
เพราะการต่อสู้อย่างกล้าหาญครั้งนั้น ทำให้ประชาธิปไตยเบ่งบานอีกครา ทว่า...ดอกไม้ประชาธิปไตยผลิบานได้ไม่นาน ก็เกิดการให้ร้ายป้ายสี และเข่นฆ่านักศึกษาและประชาชนในวันที่ 6 ตุลาคม 2519
ทำให้นักศึกษาและประชาชนจำนวนมาก เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ไทย “จับปืน” ต่อสู้กับทางการไทย ก่อนที่นายกฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จะดับไฟสงคราม “ไทยฆ่าไทย” ด้วยสันติ โดยคำสั่ง 66/2523 “ไฟเขียว” ให้ผู้คนในป่ากลับคืนสู่เมืองอีกครา
ทว่า...โชคร้าย! ชาติไทยมี “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ใช้ทั้งเงินมหาศาลและภาพลักษณ์ “นักการเมืองน้ำดีจอมปลอม” เข้ามายึดอำนาจรัฐ ผ่านช่องทางการเลือกตั้งสกปรก พร้อมด้วยนโยบายประชานิยม ที่ผลาญและโกงเงินชาติอย่างมโหฬาร รวมทั้งยังหนุนให้มีการ “ล้มเจ้า” ด้วยปฏิบัติการลับและเปิดเผยอีกด้วย
ทำให้ประชาชนในนาม “พันธมิตรฯ” ต้องออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล “ทักษิณ” จนเกิดการทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาล “ทักษิณ” โดย “นายพลบังเละ” แต่ก็กลายเป็นรัฐประหาร “เสียของ-เยี่ยวไม่สุด” เฉยเลย
หลังการเลือกตั้งสกปรกอีกครา ชาติไทยยังคงได้รัฐบาลนอมินี “ทักษิณ” โดย “สมัคร-จมูกชมพู่” กับ “สมชาย ณ ม่านรูด” ยังคงใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภา โกงชาติและ “ล้มเจ้า” มิหยุดหย่อนเช่นเดิม ทำให้ “ชาวพธม.” จำต้องชุมนุมต่อสู้ขับไล่อย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาล “สมัคร-สมชาย” ได้ใช้กลไกรัฐกับอันธพาลการเมืองลอบเข่นฆ่า “ชาวพธม.” ที่ต่อสู้อย่างสันติด้วยสองมือเปล่าอยู่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะใช้ “ตำรวจกลุ่มหนึ่ง” เข่นฆ่าประชาชน “ชาวพธม.” อย่างโหดเหี้ยม ในการชุมนุมอย่างสงบสันติ ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จนผู้คนตายและบาดเจ็บกันมากมาย ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ “สมชาย” ต้องตกจากเก้าอี้นายกฯ ก่อนที่ “มาร์ค หล่อจ้อเก่ง” แห่งปชป.จะขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯ แทนนานกว่า 2 ปี
นั่นเป็นแค่เศษเสี้ยวของเหตุการณ์จริง ทางการเมืองไทยที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นบทเรียนอันล้ำค่าทั้งดีและเลวให้เรียนรู้เพื่อแก้ไขปรับปรุงให้ชาติรุ่งเรืองสุขสงบทั้งต่อนักการเมืองเผด็จการทหาร ที่ยึดอำนาจรัฐด้วยการรัฐประหาร และนักการเมืองเผด็จการรัฐสภา ที่ยึดอำนาจรัฐด้วยเงินผ่านการเลือกตั้งสกปรก ได้รู้ว่า
การเข้ายึดและใช้อำนาจรัฐจากการ “รัฐประหาร-ด้วยปืน” หรือจากการ “เลือกตั้งสกปรก-ด้วยเงิน” หากไม่ใช้อำนาจรัฐอย่างเที่ยงธรรม โดยไม่ยึดประโยชน์ชาติและประชาชน-เป็นหลัก! อนาคต “รัฐบาลชั่ว” ดังกล่าวต้องล้มครืนลงไม่ช้าก็เร็วอย่างแน่นอน...จริงไหม?
เฮ้อ...น่าเสียดายยิ่งนัก...ถ้า “ผู้นำชาติ” ไม่ว่าจะยึดอำนาจรัฐมาด้วยวิธีใด หลงเดินทางผิด ทำลาย “โอกาสทอง” ของตนเองในการเป็น “วีรบุรุษ” ของชาติไทยกลับกลายเป็น “ทรราช” ไปเสียฉิบ....!