ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กตู่"พบ "ทรัมป์" เตรียมเป็นสักขีพยานลงนามซื้อถ่านหิน 5-6 หมื่นตัน อ้างแม้ขนส่งไกล แต่ประเมินแล้วคุ้มค่า ส่วนปัญหาเกาหลีเหนือ ยันไทยพร้อมช่วยคลี่คลาย "ดอน"มั่นใจการเยือนครั้งนี้ ประสบความสำเร็จแน่
นายดอน ปรมัติวินัย รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมเต็มที่ในการพบปะหารือกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 2 ต.ค.2560 ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง และต้องถือว่าการเยือนในครั้งนี้เป็นนัดพิเศษ เพราะหลังการหารือแบบสองต่อสองและเต็มคณะแล้ว ยังมีการเลี้ยงอาหารกลางวัน และมีการพูดคุยกันต่อ ซึ่งแตกต่างจากการเยือนของผู้นำประเทศอื่นโดยทั่วไป
ทั้งนี้ ในการเดินทางครั้งนี้ นายกฯ ได้นำภาคธุรกิจไทยมาพบกับนักลงทุนสหรัฐฯ เพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนด้วย ซึ่งถือว่าครอบคลุมใน 3 เรื่องหลัก คือ ความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และความร่วมมือในภูมิภาค
นายดอนกล่าวว่า ไม่กังวล หากผู้นำสหรัฐฯ จะสอบถามถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย เพราะสหรัฐฯ รับทราบถึงสถานการณ์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศว่าเป็นอย่างไร และเดินมาถึงขั้นตอนที่จะใกล้เลือกตั้ง ถือเป็นพัฒนาการที่ดี ที่ประชาชนมีความพึงพอใจ และนานาประเทศให้การยอมรับ จนรัฐมนตรีต่างประเทศของหลายประเทศต่างเดินทางมาพบกับนายกรัฐมนตรี ถือเป็นการแสดงออกถึงความเป็นมิตร จึงเป็นที่มาของการเชิญมาเยือนครั้งนี้
"ถ้าเราไม่ดีจริง เขาคงไม่เชิญเรา ที่ผ่านมา ถ้าไม่มีพัฒนาการที่ดี คงไม่มีการพยายามยื่นมือมาคบค้า เป็นมิตรด้วย ตรงนี้ถือว่าชัดเจน ถือว่าเป็นการเยือนที่คาดว่าจะประสบความสำเร็จที่ดี และช่วงที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาเยือนไทย ได้มีการพุดคุยกันล่วงหน้าไว้แล้ว และไม่เห็นมีอะไรที่จะเป็นปัญหา เรื่องอะไรที่ค้างคา ก็พยายามหาทางแก้ไข"นายดอนกล่าว
นายดอนกล่าวว่า ในการเยือนครั้งนี้ จะมีการลงนามความร่วมมือในการซื้อถ่านหินจากสหรัฐฯ ในวันที่ 3 ต.ค. ซึ่งนับเป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมา ไทยซื้อจากเพื่อนบ้าน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพกับการขนส่งแล้ว ถือว่าคุ้มค่า และถือเป็นการสนับสนุนนโยบายหลักของผู้นำสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มการจ้างงานภายในประเทศ โดยในครั้งนี้จะมีการลงนามซื้อขายประมาณ 5-6 หมื่นตัน
ส่วนท่าทีของไทยต่อสถานการณ์ในเกาหลีเหนือ ไม่น่ากังวล เพราะทราบว่าสหรัฐฯ พยายามที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือ และในส่วนของไทยยืนยันบทบาทของไทยและอาเซียน ในการพร้อมที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ชี้แจงต่อประชาคมโลกมาโดยตลอด และสหรัฐฯ ก็รับรู้