ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กป้อม"ถกเตรียมความพร้อมการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพรัชกาลที่ 9 สั่งเพิ่มกำลังป้องกันและเฝ้าระวัง หลังการข่าวพบ 4 กลุ่มจ้องป่วน ลั่นใครที่คิดไม่ดี ก็ขอให้หยุด ผบ.ทบ.รับมีกลุ่มจ้องป่วนจริง เป็นพวกกลุ่มเดิมๆ ปลุกระดมอยู่ต่างประเทศมานานแล้ว พร้อมขอประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา ด้าน "จักรทิพย์"กำชับตำรวจทุกนายคุมเข้มความปลอดภัย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ รัชกาลที่ ๙ ตลอดเดือนต.ค.2560 ว่า ตนได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้ดูแลในทุกๆ เรื่อง ซึ่งมีความสำคัญทั้งหมด เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระราชพิธีที่เราจะต้องเตรียมการรองรับคนจำนวน 250,000 คน โดยประชาชนที่จะเข้ามาร่วมพิธีนั้น จะต้องเข้ามาตามเส้นทางที่ได้กำหนดไว้ และจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นระยะ ผ่านโทรทัศน์วิทยุรวมการเฉพาะกิจ รวมถึงเส้นทางของรถยนต์ VIP
นอกจากนี้ จะต้องระมัดระวังเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะคนมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ต้องระมัดระวังในทุกๆเรื่องไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้น
"ผมเป็นห่วงทุกเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการก่อกวน การต่อต้าน ผมสั่งเพิ่มกำลังเต็มที่ เพื่อทำให้ทุกอย่างเกิดความเรียบร้อยและปลอดภัย ซึ่งยอมรับว่าเรามีข้อมูลว่ามีกลุ่มคนเตรียมที่จะเคลื่อนไหวก่อเหตุในช่วงพระราชพิธี ทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งเราต้องดูแล ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น เพราะคนที่ต่อต้านและไม่หวังดีต่อสถาบัน มีการกำหนดชัดเจน งานนี้ถือเป็นงานหนึ่งในโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ต้องทำเต็มที่เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และอยากขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคน เพื่อให้พระราชพิธีสมพระเกียรติของพระองค์ท่าน ที่ได้ทรงงานมา 70 ปี ใครที่คิดไม่ดี ก็ขอให้หยุด" พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ทุกๆ หน่วยงาน จะต้องร่วมมือกันดูแลการจัดงานพระราชพิธีให้ลุล่วงไปด้วยดี และต้องทำให้ได้ ให้เกิดความปลอดภัย ไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้น
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า จากการทำงานด้านข่าว พบว่ามีการปลุกระดมในโซเชียลมีเดียมานานแล้วว่าจะก่อกวนในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งได้แจ้งเตือนทุกฝ่ายให้ติดตามข้อมูลข่าวสารและสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนแล้ว แต่โดยส่วนตัวมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนที่เกิดมาเป็นคนไทยทุกคนที่เกิดในรัชกาลที่ 9 ที่เห็นคุณงามความดีที่พระองค์ท่านที่ได้สร้างให้กับแผ่นดินมาโดยตลอด และพิธีในครั้งนี้เป็นพิธีสำคัญ เชื่อว่าทุกคนจะเข้ามาร่วมในพิธี และช่วยกันสอดส่องดูแลกลุ่ม ขบวนการ ที่จะมาก่อกวน หรือสร้างความเสียหายให้พระราชพิธี
เมื่อถามว่าเป็นกลุ่มที่หนีคดีอาญาตามความผิดมาตรา 112 ไปต่างประเทศใช่หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า เป็นกลุ่มเดิมๆ ที่ไปอยู่ต่างประเทศแล้วปลุกระดมผ่านโซเชียลมีเดีย ตัวเขาเองไม่กล้าเข้ามา ผมไม่ได้ท้าทาย แต่ว่าเราก็ระมัดระวังเต็มที่ แต่ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่าสิ่งที่เราทำอยู่คืออะไร แต่คิดว่าไม่มีอะไรน่าห่วงใย ผมไม่อยากให้ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สังคมตื่นตระหนก อาจจะมีการขู่อย่างนี้มานานแล้ว และพูดอย่างนี้ ขู่อย่างนี้มานานแล้ว แต่ในทางปฏิบัติก็ไม่มีอะไร ยังอยู่ในกรอบจำกัด ยิ่งถ้าประชาชนให้ความร่วมมือในการดูแลในเรื่องความปลอดภัย เรื่องข่าวสารต่างๆ ผู้ก่อเหตุรุนแรง หรือ กลุ่มก่อกวนก็ไม่น่าจะทำได้ ส่วนจะเป็นแค่การก่อกวน หรือมีต้องการจะก่อเหตุจริงนั้น ผมขอประเมินสถานการณ์ก่อนแล้วกัน แต่เรื่องการปลุกระดมมีมานานแล้ว ก็ส่งทุกหน่วยลงไปทำงานเรื่องนี้อยู่
ด้านพล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ รัชกาลที่ ๙ ว่า ที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 1 ได้รับมอบให้เป็นคณะทำงานด้านการปฏิบัติการ และการจัดรูปขบวนพระราชอิสริยยศให้พระบรมศพฯ โดยได้มีการซักซ้อมเต็มการของแต่ละริ้วขบวน ตลอดจนถึงการรักษาความปลอดภัยในบริเวณพระราชพิธี การจราจร โดยร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและสมพระเกียรติอย่างสูงสุด
"ผมยังมั่นใจ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ในการดูแลรักษาความสงบของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ใช้หน่วยของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งผมก็ได้รับนโยบายจาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผบ.กกล.รส. เพื่อเข้มงวด ตรวจตราการวางกำลังในห้วงระยะเวลาในเดือนนี้ ให้เกิดความสงบเรียบร้อยให้มากที่สุด ขอให้ทุกท่านได้ความมั่นใจว่าเราจะปฏิบัติหน้าที่ของทหารอย่างดีที่สุด" แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการให้ พล.อ.ประวิตร บูรณาการงานของหน่วยงานความมั่นคง โดยเฉพาะงานด้านการข่าว ทั้งในส่วนกองทัพทุกเหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้ดูแลรักษาความปลอดภัยช่วงงานพระราชพิธี หลังจากที่ได้รับข้อมูลมาว่า จะมีคนบางกลุ่มออกมาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในช่วงเดือนต.ค. โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มก่อเหตุจากนอกประเทศ 2.กลุ่มใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3.กลุ่มต่อต้านสถาบันฯ 4.กลุ่มก่อกวนทั่วไป ซึ่งขณะนี้หน่วยงานความมั่นคงกำลังดูแลอย่างเข้มงวด ทั้งการป้องกัน และงานด้านการข่าว แต่ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจ อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาด้วย
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวถึงการอำนวยความสะดวก และการดูแลรักษาความปลอดภัยงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ว่า เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยดำเนินการอย่างเต็มที่ หลัง พล.อ.ประวิตร ออกมาแสดงความห่วงใย โดยที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานความมั่นคงทุกภาคส่วน มีการบูรณาการร่วมกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะการติดตั้งกล้องวงจรปิด บริเวณรอบพระบรมมหาราชวัง ท้องสนามหลวง และบริเวณโดยรอบงานพระราชพิธี มีการเข้มงวดจุดคัดกรองทุกจุด ทั้งวงใน และรอบนอก ยืนยันการข่าวยังปกติ ไม่พบเหตุบ่งชี้อะไรเป็นพิเศษ
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็มีมาตรการในการคัดกรองอย่างเข้มงวด เนื่องจากพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำการปฏิบัติเจ้าหน้าที่ของตำรวจทุกนายให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัย เพราะเป็นงานพระราชพิธี ที่สำคัญสูงสุด
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ รัชกาลที่ ๙ ตลอดเดือนต.ค.2560 ว่า ตนได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้ดูแลในทุกๆ เรื่อง ซึ่งมีความสำคัญทั้งหมด เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระราชพิธีที่เราจะต้องเตรียมการรองรับคนจำนวน 250,000 คน โดยประชาชนที่จะเข้ามาร่วมพิธีนั้น จะต้องเข้ามาตามเส้นทางที่ได้กำหนดไว้ และจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นระยะ ผ่านโทรทัศน์วิทยุรวมการเฉพาะกิจ รวมถึงเส้นทางของรถยนต์ VIP
นอกจากนี้ จะต้องระมัดระวังเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะคนมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ต้องระมัดระวังในทุกๆเรื่องไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้น
"ผมเป็นห่วงทุกเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการก่อกวน การต่อต้าน ผมสั่งเพิ่มกำลังเต็มที่ เพื่อทำให้ทุกอย่างเกิดความเรียบร้อยและปลอดภัย ซึ่งยอมรับว่าเรามีข้อมูลว่ามีกลุ่มคนเตรียมที่จะเคลื่อนไหวก่อเหตุในช่วงพระราชพิธี ทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งเราต้องดูแล ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น เพราะคนที่ต่อต้านและไม่หวังดีต่อสถาบัน มีการกำหนดชัดเจน งานนี้ถือเป็นงานหนึ่งในโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ต้องทำเต็มที่เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และอยากขอความร่วมมือกับประชาชนทุกคน เพื่อให้พระราชพิธีสมพระเกียรติของพระองค์ท่าน ที่ได้ทรงงานมา 70 ปี ใครที่คิดไม่ดี ก็ขอให้หยุด" พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ทุกๆ หน่วยงาน จะต้องร่วมมือกันดูแลการจัดงานพระราชพิธีให้ลุล่วงไปด้วยดี และต้องทำให้ได้ ให้เกิดความปลอดภัย ไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้น
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวว่า จากการทำงานด้านข่าว พบว่ามีการปลุกระดมในโซเชียลมีเดียมานานแล้วว่าจะก่อกวนในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งได้แจ้งเตือนทุกฝ่ายให้ติดตามข้อมูลข่าวสารและสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนแล้ว แต่โดยส่วนตัวมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนที่เกิดมาเป็นคนไทยทุกคนที่เกิดในรัชกาลที่ 9 ที่เห็นคุณงามความดีที่พระองค์ท่านที่ได้สร้างให้กับแผ่นดินมาโดยตลอด และพิธีในครั้งนี้เป็นพิธีสำคัญ เชื่อว่าทุกคนจะเข้ามาร่วมในพิธี และช่วยกันสอดส่องดูแลกลุ่ม ขบวนการ ที่จะมาก่อกวน หรือสร้างความเสียหายให้พระราชพิธี
เมื่อถามว่าเป็นกลุ่มที่หนีคดีอาญาตามความผิดมาตรา 112 ไปต่างประเทศใช่หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า เป็นกลุ่มเดิมๆ ที่ไปอยู่ต่างประเทศแล้วปลุกระดมผ่านโซเชียลมีเดีย ตัวเขาเองไม่กล้าเข้ามา ผมไม่ได้ท้าทาย แต่ว่าเราก็ระมัดระวังเต็มที่ แต่ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่าสิ่งที่เราทำอยู่คืออะไร แต่คิดว่าไม่มีอะไรน่าห่วงใย ผมไม่อยากให้ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สังคมตื่นตระหนก อาจจะมีการขู่อย่างนี้มานานแล้ว และพูดอย่างนี้ ขู่อย่างนี้มานานแล้ว แต่ในทางปฏิบัติก็ไม่มีอะไร ยังอยู่ในกรอบจำกัด ยิ่งถ้าประชาชนให้ความร่วมมือในการดูแลในเรื่องความปลอดภัย เรื่องข่าวสารต่างๆ ผู้ก่อเหตุรุนแรง หรือ กลุ่มก่อกวนก็ไม่น่าจะทำได้ ส่วนจะเป็นแค่การก่อกวน หรือมีต้องการจะก่อเหตุจริงนั้น ผมขอประเมินสถานการณ์ก่อนแล้วกัน แต่เรื่องการปลุกระดมมีมานานแล้ว ก็ส่งทุกหน่วยลงไปทำงานเรื่องนี้อยู่
ด้านพล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ รัชกาลที่ ๙ ว่า ที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 1 ได้รับมอบให้เป็นคณะทำงานด้านการปฏิบัติการ และการจัดรูปขบวนพระราชอิสริยยศให้พระบรมศพฯ โดยได้มีการซักซ้อมเต็มการของแต่ละริ้วขบวน ตลอดจนถึงการรักษาความปลอดภัยในบริเวณพระราชพิธี การจราจร โดยร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและสมพระเกียรติอย่างสูงสุด
"ผมยังมั่นใจ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ในการดูแลรักษาความสงบของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ใช้หน่วยของกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งผมก็ได้รับนโยบายจาก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผบ.กกล.รส. เพื่อเข้มงวด ตรวจตราการวางกำลังในห้วงระยะเวลาในเดือนนี้ ให้เกิดความสงบเรียบร้อยให้มากที่สุด ขอให้ทุกท่านได้ความมั่นใจว่าเราจะปฏิบัติหน้าที่ของทหารอย่างดีที่สุด" แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการให้ พล.อ.ประวิตร บูรณาการงานของหน่วยงานความมั่นคง โดยเฉพาะงานด้านการข่าว ทั้งในส่วนกองทัพทุกเหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้ดูแลรักษาความปลอดภัยช่วงงานพระราชพิธี หลังจากที่ได้รับข้อมูลมาว่า จะมีคนบางกลุ่มออกมาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในช่วงเดือนต.ค. โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มก่อเหตุจากนอกประเทศ 2.กลุ่มใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3.กลุ่มต่อต้านสถาบันฯ 4.กลุ่มก่อกวนทั่วไป ซึ่งขณะนี้หน่วยงานความมั่นคงกำลังดูแลอย่างเข้มงวด ทั้งการป้องกัน และงานด้านการข่าว แต่ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจ อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาด้วย
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวถึงการอำนวยความสะดวก และการดูแลรักษาความปลอดภัยงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ว่า เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยดำเนินการอย่างเต็มที่ หลัง พล.อ.ประวิตร ออกมาแสดงความห่วงใย โดยที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานความมั่นคงทุกภาคส่วน มีการบูรณาการร่วมกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะการติดตั้งกล้องวงจรปิด บริเวณรอบพระบรมมหาราชวัง ท้องสนามหลวง และบริเวณโดยรอบงานพระราชพิธี มีการเข้มงวดจุดคัดกรองทุกจุด ทั้งวงใน และรอบนอก ยืนยันการข่าวยังปกติ ไม่พบเหตุบ่งชี้อะไรเป็นพิเศษ
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็มีมาตรการในการคัดกรองอย่างเข้มงวด เนื่องจากพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำการปฏิบัติเจ้าหน้าที่ของตำรวจทุกนายให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัย เพราะเป็นงานพระราชพิธี ที่สำคัญสูงสุด