ผู้จัดการรายวัน 360 - นายกฯ ยึดอำนาจ "ออมสิน" ดึง "พงศ์พร" กลับนั่ง ผอ.พศ. ตามเดิม พร้อมให้ "ธนะศักดิ์" คุมพศ.แทน อ้างแค่กันตัวออกจากปัญหาชั่วคราว เพื่อรอปัญหาสงบก่อน ด้าน "ออมสิน" ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ครม. สั่ง ผอ.พศ. รายงานที่ประชุม มส. วันศุกร์นี้ กรณีพระเอี่ยวเงินทอนวัด ด้าน บก.ปปป. ส่งสำนวนเงินทอนวัดลอตสองให้ ป.ป.ช.เอาผิดวัด 23 แห่ง มีเจ้าหน้าที่ "พศ.-พระ-ฆราวาส" ร่วมขบวนการ 19 ราย จ่อเล่นงานข้อหาเบียดเบียนทรัพย์สินวัดเป็นของตัวเอง เผยมีข้อมูลขยายผลเอาผิดอีก 100 วัด ตัวเลขทุจริตหลายร้อยล้านบาท
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุม ครม. วานนี้ (26 ก.ย.) ว่า ครม. เห็นชอบตามที่นายออมสิน ชีวะพฤษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอที่ประชุมให้ทบทวนมติครม.เดิมที่ให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี และอนุมัติโอน นายมนัส ทารัตน์ใจ อธิบดีกรมการศาสนา ไปดำรงตำแหน่ง ผอ.พศ.แทน โดยคำสั่งดังกล่าวอยู่ระหว่างกระบวนการนำความขึ้นกราบบังคมทูล แต่ยังไม่ได้กราบบังคมทูล ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการหน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการแก้ปัญหาข้อขัดแย้งระหว่าง พศ. กับหน่วยงานต่างๆ และการแก้ปัญหาเป็นไปในระดับที่น่าพอใจ ประกอบกับ พ.ต.ท.พงศ์พร ไม่มีความผิดแต่ประการใด ในช่วงที่มาปฏิบัติงานที่สำนักนายกฯ จึงมีการหารือปรับแผนและกำหนดแนวทางปฏิบัติงานให้มีความสอดคล้องกับภารกิจ จึงเสนอให้ พ.ต.ท.พงศ์พร กลับไปปฏิบัติหน้าที่ ผอ.พศ. เหมือนเดิม ส่วนนายมานัส ก็ให้กลับไปเป็นอธิบดีกรมการศาสนาเช่นเดิม พร้อมทั้งกำหนดให้ พศ. ขึ้นตรงการบังคับบัญชา กับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุมครม. นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลพศ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เชิญพระผู้ใหญ่ 4 รูป โดย 1 ในนั้นมีเลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีเงินทอนวัดว่า ตนได้มอบหมายให้ ผอ.พศ. ในฐานะเลขานุการมหาเถรสมาคม (มส.) แจ้งที่ประชุม มส. ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ ให้รับทราบแล้ว ส่วนเรื่องมาตรการลงโทษ หากพบว่ากระทำผิดจริงนั้น ในทางอาญาปปป. จะเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนในทางวินัยสงฆ์ทางคณะสงฆ์จะไปดำเนินการกันเอง โดยพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2560 ถ้าพระกระทำความผิดทางอาญา สามารถจับสึกได้ แม้เจ้าตัวจะไม่ยินยอม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการแจ้งข้อกล่าวหา โดยจะต้องมีการมาแก้ข้อกล่าวหาก่อน
*** ปปป.ยื่นสำนวนเงินทอนวัด เอาผิด 23 วัด
พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ธนกุล รอง ผบก.ปปป. นำสำนวนคดีทุจริตเงินอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด 23 แห่ง ตั้งแต่ปี 2555-2560 ความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท รวมเอกสารกว่า 13,000 แผ่น ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้เอาผิดกับผู้ถูกกล่าวหา 19 ราย โดย พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวว่า ปปป.ยื่นสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดต่อ ป.ป.ช.เป็นครั้งที่ 2 โดยพบการทุจริตใน 23 วัด แต่ยื่นสำนวนเพียง 21 วัด ยังเหลือวัดบำเพ็ญเหนือ และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร ที่ต้องรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนนำมายื่นต่อ ป.ป.ช.อีกครั้งในวันที่ 29 ก.ย.60 ทั้งนี้ใน 21 สำนวน แยกผู้กล่าวหาเป็น 3 กลุ่มคือ 1. ข้าราชการและอดีตข้าราชการ 13 ราย 2. พระเถระ 4 ราย 3. ประชาชน 2 ราย ในส่วนของข้าราชการและพระบางรูปจะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 147 ใช้อำนาจหน้าที่เบียดเบียนทรัพย์เป็นของตัวเอง และความผิดมาตรา 157 ส่วนการออกหนังสือเชิญพระผู้ใหญ่ 4 รูป มารับทราบข้อกล่าวหานั้น มีเพียงพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดวัดราชสิทธาราม ที่มารับทราบข้อกล่าวหา ยืนยันว่ากรณีที่เกิดขึ้นร้อยละ 90 เจ้าอาวาส พระและวัด ไม่มีส่วนรู้เห็น เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ระดับสูง และระดับกลางของ พศ. วัดไม่เกี่ยวข้อง มีเพียงส่วนน้อยที่พระและวัดรู้เห็น
พ.ต.อ.วราวุธ กล่าวว่า ที่ผ่านมา บก.ปปป.มีหนังสือแจ้งไปยัง พศ.ให้ทราบถึงรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นข้าราชการ และอดีตข้าราชการ เพื่อให้ลงโทษทางวินัยแล้ว รวมทั้งรายงาน ศอตช.เพื่อดำเนินการต่อไป ขณะที่ในส่วนพระเถระมีหนังสือกราบเรียนสมเด็จพระสังฆราชแล้ว ขณะนี้ บก.ปปป.มีข้อมูลทุจริตเงินทอนวัดอีกประมาณ 100 วัด เป็นข้อมูลจาก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ อดีต ผอ.พส.ที่เคยให้ไว้ โดยพบว่ามีการทุจริตชัดเจน แต่มีงบประมาณบางส่วนที่สูงมาก มูลค่าหลายร้อยล้านบาท บก.ปปป.จะรวบรวมพยานหลักฐาน ทำสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป โดยผู้ทำผิดเป็นบุคคลกลุ่มเดิมกับผู้กระทำผิดในคดี 2 ลอตแรก แต่อาจมีผู้กระทำผิดรายใหม่เพิ่มมาเล็กน้อย คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือน จะได้ข้อสรุป
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุม ครม. วานนี้ (26 ก.ย.) ว่า ครม. เห็นชอบตามที่นายออมสิน ชีวะพฤษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอที่ประชุมให้ทบทวนมติครม.เดิมที่ให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี และอนุมัติโอน นายมนัส ทารัตน์ใจ อธิบดีกรมการศาสนา ไปดำรงตำแหน่ง ผอ.พศ.แทน โดยคำสั่งดังกล่าวอยู่ระหว่างกระบวนการนำความขึ้นกราบบังคมทูล แต่ยังไม่ได้กราบบังคมทูล ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการหน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการแก้ปัญหาข้อขัดแย้งระหว่าง พศ. กับหน่วยงานต่างๆ และการแก้ปัญหาเป็นไปในระดับที่น่าพอใจ ประกอบกับ พ.ต.ท.พงศ์พร ไม่มีความผิดแต่ประการใด ในช่วงที่มาปฏิบัติงานที่สำนักนายกฯ จึงมีการหารือปรับแผนและกำหนดแนวทางปฏิบัติงานให้มีความสอดคล้องกับภารกิจ จึงเสนอให้ พ.ต.ท.พงศ์พร กลับไปปฏิบัติหน้าที่ ผอ.พศ. เหมือนเดิม ส่วนนายมานัส ก็ให้กลับไปเป็นอธิบดีกรมการศาสนาเช่นเดิม พร้อมทั้งกำหนดให้ พศ. ขึ้นตรงการบังคับบัญชา กับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุมครม. นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลพศ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เชิญพระผู้ใหญ่ 4 รูป โดย 1 ในนั้นมีเลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีเงินทอนวัดว่า ตนได้มอบหมายให้ ผอ.พศ. ในฐานะเลขานุการมหาเถรสมาคม (มส.) แจ้งที่ประชุม มส. ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ ให้รับทราบแล้ว ส่วนเรื่องมาตรการลงโทษ หากพบว่ากระทำผิดจริงนั้น ในทางอาญาปปป. จะเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนในทางวินัยสงฆ์ทางคณะสงฆ์จะไปดำเนินการกันเอง โดยพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2560 ถ้าพระกระทำความผิดทางอาญา สามารถจับสึกได้ แม้เจ้าตัวจะไม่ยินยอม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการแจ้งข้อกล่าวหา โดยจะต้องมีการมาแก้ข้อกล่าวหาก่อน
*** ปปป.ยื่นสำนวนเงินทอนวัด เอาผิด 23 วัด
พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ธนกุล รอง ผบก.ปปป. นำสำนวนคดีทุจริตเงินอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด 23 แห่ง ตั้งแต่ปี 2555-2560 ความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท รวมเอกสารกว่า 13,000 แผ่น ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้เอาผิดกับผู้ถูกกล่าวหา 19 ราย โดย พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวว่า ปปป.ยื่นสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดต่อ ป.ป.ช.เป็นครั้งที่ 2 โดยพบการทุจริตใน 23 วัด แต่ยื่นสำนวนเพียง 21 วัด ยังเหลือวัดบำเพ็ญเหนือ และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร ที่ต้องรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนนำมายื่นต่อ ป.ป.ช.อีกครั้งในวันที่ 29 ก.ย.60 ทั้งนี้ใน 21 สำนวน แยกผู้กล่าวหาเป็น 3 กลุ่มคือ 1. ข้าราชการและอดีตข้าราชการ 13 ราย 2. พระเถระ 4 ราย 3. ประชาชน 2 ราย ในส่วนของข้าราชการและพระบางรูปจะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 147 ใช้อำนาจหน้าที่เบียดเบียนทรัพย์เป็นของตัวเอง และความผิดมาตรา 157 ส่วนการออกหนังสือเชิญพระผู้ใหญ่ 4 รูป มารับทราบข้อกล่าวหานั้น มีเพียงพระครูวิสุทธิวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดวัดราชสิทธาราม ที่มารับทราบข้อกล่าวหา ยืนยันว่ากรณีที่เกิดขึ้นร้อยละ 90 เจ้าอาวาส พระและวัด ไม่มีส่วนรู้เห็น เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ระดับสูง และระดับกลางของ พศ. วัดไม่เกี่ยวข้อง มีเพียงส่วนน้อยที่พระและวัดรู้เห็น
พ.ต.อ.วราวุธ กล่าวว่า ที่ผ่านมา บก.ปปป.มีหนังสือแจ้งไปยัง พศ.ให้ทราบถึงรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นข้าราชการ และอดีตข้าราชการ เพื่อให้ลงโทษทางวินัยแล้ว รวมทั้งรายงาน ศอตช.เพื่อดำเนินการต่อไป ขณะที่ในส่วนพระเถระมีหนังสือกราบเรียนสมเด็จพระสังฆราชแล้ว ขณะนี้ บก.ปปป.มีข้อมูลทุจริตเงินทอนวัดอีกประมาณ 100 วัด เป็นข้อมูลจาก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ อดีต ผอ.พส.ที่เคยให้ไว้ โดยพบว่ามีการทุจริตชัดเจน แต่มีงบประมาณบางส่วนที่สูงมาก มูลค่าหลายร้อยล้านบาท บก.ปปป.จะรวบรวมพยานหลักฐาน ทำสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป โดยผู้ทำผิดเป็นบุคคลกลุ่มเดิมกับผู้กระทำผิดในคดี 2 ลอตแรก แต่อาจมีผู้กระทำผิดรายใหม่เพิ่มมาเล็กน้อย คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือน จะได้ข้อสรุป