ผู้จัดการรายวัน360-"วีระ"ยื่น ปปง. ตรวจสอบและดำเนินดคีตามกฎหมายฟอกเงิน "มีชัย ฤชุพันธุ์" คดีทุจริตกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานคร ในฐานะเคยเป็นประธานกรรมการช่วงปี 35-55 จะปฎิเสธไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ ส่วน "พานทองแท้" รอดีเอสไอตรวจสอบฟอกเงินก่อนสอย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 ก.ย.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายวีระ สมความคิด อดีตเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เข้ายื่นหนังสือต่อพล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการ ปปง. เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายฟอกเงินกับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ในคดีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ปล่อยกู้สินเชื่อให้กับเครือบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาคดีดังกล่าวไปแล้วเมื่อปี 2558 โดยมีร.ต.อ.ไพรรัตน์ เทศพานิช เลขานุการกรมสำนักงาน ปปง. เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ
นายวีระกล่าวว่า นอกจากจำเลยในคดีที่ถูกตัดสินโทษปรับและจำคุกไปแล้ว ยังพบว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 100 กว่าคนที่คาดว่าจะมีความผิดและถูกตรวจสอบเพิ่มเติม โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่งพบว่าตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปี 2555 ได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท กฤษดามหานคร ซึ่งเป็นจำเลยที่ 20 ในคดี ซึ่งศาลได้ตัดสินให้บริษัทดังกล่าวร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายคืนให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น นายมีชัย จึงอยู่เข้าข่ายหนึ่งในรายชื่อที่ต้องถูกตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนการที่นายมีชัย ออกมาปฏิเสธว่า แม้จะดำรงตำแหน่งอยู่ในบริษัทกฤษดามหานคร แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้ที่นำเงินมาซื้อหุ้นในบริษัท เป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิด และไม่มีหน้าที่ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน จะทำให้คนทั้งประเทศเข้าใจว่า ผู้บริหารและบริษัทกฤษดามหานคร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว ทั้งที่ความจริงศาลได้มีคำพิพากษาให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายไปแล้ว ซึ่งนายมีชัย ในฐานะผู้บริหารสูงสุด ก็ควรที่จะถูกตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติม
สำหรับคดีที่ธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้สินเชื่อโดยมิชอบที่ศาลได้ตัดสินคดีไปแล้วตั้งแต่ปี 2558 มีจำเลยในคดีรวม 27 คน โดยศาลตัดสินพิพากษาคดีทั้งหมด 25 คน ยกฟ้อง 2 คน หนึ่งในนั้นมีชื่อของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่มาฟังคำพิพากษา เนื่องจากหลบหนีคดี ซึ่งศาลได้ออกหมายจับ และให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของนายทักษิณไว้เป็นการชั่วคราวก่อนจนกว่าจะได้ตัวมา
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ปปง. ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้พิจารณากล่าวโทษนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ และพวก เพื่อเอาผิดคดีฟอกเงินเพิ่มเติมจากคดีปล่อยกู้สินเชื่อโดยมิชอบของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยได้ส่งข้อมูลหลักฐานเส้นทางการเงินให้ดีเอสไอตรวจสอบอยู่ในขณะนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 ก.ย.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายวีระ สมความคิด อดีตเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เข้ายื่นหนังสือต่อพล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการ ปปง. เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายฟอกเงินกับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ในคดีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ปล่อยกู้สินเชื่อให้กับเครือบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาคดีดังกล่าวไปแล้วเมื่อปี 2558 โดยมีร.ต.อ.ไพรรัตน์ เทศพานิช เลขานุการกรมสำนักงาน ปปง. เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ
นายวีระกล่าวว่า นอกจากจำเลยในคดีที่ถูกตัดสินโทษปรับและจำคุกไปแล้ว ยังพบว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 100 กว่าคนที่คาดว่าจะมีความผิดและถูกตรวจสอบเพิ่มเติม โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่งพบว่าตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปี 2555 ได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท กฤษดามหานคร ซึ่งเป็นจำเลยที่ 20 ในคดี ซึ่งศาลได้ตัดสินให้บริษัทดังกล่าวร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายคืนให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น นายมีชัย จึงอยู่เข้าข่ายหนึ่งในรายชื่อที่ต้องถูกตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนการที่นายมีชัย ออกมาปฏิเสธว่า แม้จะดำรงตำแหน่งอยู่ในบริษัทกฤษดามหานคร แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้ที่นำเงินมาซื้อหุ้นในบริษัท เป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิด และไม่มีหน้าที่ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน จะทำให้คนทั้งประเทศเข้าใจว่า ผู้บริหารและบริษัทกฤษดามหานคร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว ทั้งที่ความจริงศาลได้มีคำพิพากษาให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายไปแล้ว ซึ่งนายมีชัย ในฐานะผู้บริหารสูงสุด ก็ควรที่จะถูกตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติม
สำหรับคดีที่ธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้สินเชื่อโดยมิชอบที่ศาลได้ตัดสินคดีไปแล้วตั้งแต่ปี 2558 มีจำเลยในคดีรวม 27 คน โดยศาลตัดสินพิพากษาคดีทั้งหมด 25 คน ยกฟ้อง 2 คน หนึ่งในนั้นมีชื่อของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่มาฟังคำพิพากษา เนื่องจากหลบหนีคดี ซึ่งศาลได้ออกหมายจับ และให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของนายทักษิณไว้เป็นการชั่วคราวก่อนจนกว่าจะได้ตัวมา
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ปปง. ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้พิจารณากล่าวโทษนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ และพวก เพื่อเอาผิดคดีฟอกเงินเพิ่มเติมจากคดีปล่อยกู้สินเชื่อโดยมิชอบของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยได้ส่งข้อมูลหลักฐานเส้นทางการเงินให้ดีเอสไอตรวจสอบอยู่ในขณะนี้