นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป กล่าวว่า มีประชาชนผู้ค้ารายเล็กที่มีแผงค้าอยู่ตลาดนัดจตุจักร ได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย กรณีถูกจนท.ระดับสูง ของการรถไฟ กลั่นแกล้ง สร้างความเดือดร้อน โดยมีกระบวนการหาประโยชน์ในทางมิชอบ เรียกเก็บค่าเช่าที่ดินการรถไฟแพงขึ้น 10 เท่า ของราคาที่เคยจ่ายค่าเช่าให้กทม. ทำให้ขณะนี้ประชาชนฯผู้ค้า กว่า 5,000 ราย ได้รับความเดือดร้อน ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ตกตํ่า ขายของไม่ค่อยได้ และขณะนี้ยังถูกการรถไฟ ฟ้องร้องดำเนินคดีอีกหลายร้อยราย และจะถูกฟ้องคดีอีกเป็น1,000 ราย จึงมาขอความช่วยเหลือกับตน
ทั้งนี้ เมื่อตนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าการรถไฟได้อ้างในศาลปกครองว่า อัตราเรียกเก็บค่าเช่า ที่เรียกเก็บเพิ่มจากประชาชนผู้ค้า เกิดจากการนำค่าบริหารตลาดนัดที่มีค่าใช้จ่ายจำนวนสูงมาก มาคิดเฉลี่ยเป็นค่าเช่า จึงตรวจสอบค่าใช้จ่ายของการรถไฟ พบว่ามีสัญญาว่าจ้างทำความสะอาดตลาดนัดจตุจักร ที่มีผู้ประมูลรายเดียว สัญญาเดียวมีมูลค่าสูงถึง 369 ล้านบาท ส่อว่าจะมีทุจริตหาประโยชน์ในทางมิชอบ และสัญญาจ้างใช้วิธีพิเศษ ค่ารักษาความปลอดภัย นับตั้งแต่ปี 2555 การรถไฟจ่าย ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไป กว่า 350 ล้านบาท ทั้งค่ารักษาความปลอดภัย ที่สูงเป็น 5 เท่า และค่าทำความสะอาด สูงเป็น 11 เท่า ของค่าใช้จ่ายที่ กทม. บริหารตลาดนัดจตุจักรใน ปี 2554 จึงเท่ากับ การดำเนินจัดซื้อจัดจ้างของการรถไฟ ที่ส่อว่ามีทุจริต ทำให้ราคาค่าจ้างที่สูงผิดปกติ นำมาคิดค่าเช่าแผงค้ากับประชาชน ทำให้ประชาชนเป็นผู้เสียหายจากการกระทำดังกล่าว
"ประชาชนจึงร้องขอไปยัง พ.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศเจตนารมณ์ จะช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อนทุกคน ทุกหนทุกแห่ง และจะมุ่งปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ขอให้ท่านให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ค้าขายรายเล็กๆ จำนวน 5,000 ครอบครัวใน กทม. ด้วย และช่วยปราบเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตใน กรณี ตลาดนัดจตุจักร และยังปรากฏว่า กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจการรถไฟ มาดำเนินกิจการบริหารตลาดนัดจตุจักร จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ ส่วนผมจะดำเนินการให้การช่วยเหลือทางกฎหมาย แก่ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน เพื่อต่อสู้คดีกับการรถไฟแห่งประเทศไทยต่อไป" นายไพบูลย์ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อตนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าการรถไฟได้อ้างในศาลปกครองว่า อัตราเรียกเก็บค่าเช่า ที่เรียกเก็บเพิ่มจากประชาชนผู้ค้า เกิดจากการนำค่าบริหารตลาดนัดที่มีค่าใช้จ่ายจำนวนสูงมาก มาคิดเฉลี่ยเป็นค่าเช่า จึงตรวจสอบค่าใช้จ่ายของการรถไฟ พบว่ามีสัญญาว่าจ้างทำความสะอาดตลาดนัดจตุจักร ที่มีผู้ประมูลรายเดียว สัญญาเดียวมีมูลค่าสูงถึง 369 ล้านบาท ส่อว่าจะมีทุจริตหาประโยชน์ในทางมิชอบ และสัญญาจ้างใช้วิธีพิเศษ ค่ารักษาความปลอดภัย นับตั้งแต่ปี 2555 การรถไฟจ่าย ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไป กว่า 350 ล้านบาท ทั้งค่ารักษาความปลอดภัย ที่สูงเป็น 5 เท่า และค่าทำความสะอาด สูงเป็น 11 เท่า ของค่าใช้จ่ายที่ กทม. บริหารตลาดนัดจตุจักรใน ปี 2554 จึงเท่ากับ การดำเนินจัดซื้อจัดจ้างของการรถไฟ ที่ส่อว่ามีทุจริต ทำให้ราคาค่าจ้างที่สูงผิดปกติ นำมาคิดค่าเช่าแผงค้ากับประชาชน ทำให้ประชาชนเป็นผู้เสียหายจากการกระทำดังกล่าว
"ประชาชนจึงร้องขอไปยัง พ.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศเจตนารมณ์ จะช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อนทุกคน ทุกหนทุกแห่ง และจะมุ่งปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ขอให้ท่านให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ค้าขายรายเล็กๆ จำนวน 5,000 ครอบครัวใน กทม. ด้วย และช่วยปราบเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตใน กรณี ตลาดนัดจตุจักร และยังปรากฏว่า กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจการรถไฟ มาดำเนินกิจการบริหารตลาดนัดจตุจักร จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการ ส่วนผมจะดำเนินการให้การช่วยเหลือทางกฎหมาย แก่ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน เพื่อต่อสู้คดีกับการรถไฟแห่งประเทศไทยต่อไป" นายไพบูลย์ กล่าว