นิทานทวีปัญญาอ่อน 4.0 กรณีตำรวจ 3 นายพาแม่นางปูหนีการตัดสินคดีของศาลอาญา ไปจุดนัดพบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาตามที่เปิดเผยแบบลับๆ ล่อๆ นั้น ถือว่าเป็นเรื่องแหกตาพลิกล็อกมโหฬารบานจะโก้ โอ้โฮเฮะ นั่นเลย!
จะหาอะไรเป็น “อย่างฮา” เท่ากับเรื่องนี้คงไม่ง่าย! สรุปเบื้องต้น ตำรวจที่พาแม่นางปูหนี จะมีแค่โทษทางวินัย โทษใช้ทะเบียนรถบุโรทั่งผิดกฎหมายทั้งๆ ที่ผู้ใหญ่ผู้โต ออกอาการจะเป็นจะตายเมื่อถูกชาวบ้านมองว่า “เสียหน้าอย่างแรง”
เดือดร้อนตั้งแต่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ไล่ไปถึงคุณท่านผู้นำ แม่ทัพบก และใครก็ตามที่ชาวบ้านมองว่าต้องรับรู้ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหา จำเลยในคดีอาญาอันดับหนึ่งของประเทศ
เสียหน้าเสียหายด้านความน่าเชื่อถือ ชาวบ้านได้ฟังคำพูดแก้ตัว แก้เกี้ยวสารพัด ไล่หาหลักฐานเส้นทางหนี จนออกอาการทะแม่งๆ ดูไม่เนียนเอาเสียเลย
แล้วจะมาลงเอยง่ายๆ ให้ตำรวจระดับโรงพักเป็นหัวหน้าสอบสวนเรื่องนี้! มันอะไรกันเนี่ย? ผู้ใหญ่ผู้โตจะว่าอย่างไร ชาวบ้านก็ยิ่งเชื่ออย่างปราศจากข้อสงสัยว่า “ปล่อยให้หนี” แน่! เรื่องทั้งหมดยังถูกมองว่าเป็นปาหี่แหกตาตลกด้าน
ที่น่าสังเกตคือมีแต่คำอ้างของตำรวจ 3 คนว่าได้พาคุณน้องปูหนี แต่ไม่มีใครเห็นตัว ไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด และการหนีดูทุลักทุเล ยังเชื่อได้ยาก ข้อพิรุธคือพวกผู้ใหญ่ผู้โตไม่สนใจอย่างเฉียบพลัน เหมือนความจำเสื่อมกะทันหัน
มีแต่คนบ้องตื้นกับคนมองโลกสวยด้วยตาฟางเท่านั้นที่เชื่อโดยสนิทใจว่ามีเพียงนายตำรวจระดับไร้ชื่อเสียงเรียงนามอาสารับงานนี้ เสี่ยงกับอนาคตการรับราชการ เสี่ยงติดคุก ถ้าถูกจับได้ไล่ทันแล้วถูกดำเนินคดี ผลสุดท้ายมีโทษจิ๊บจ๊อย
มิน่าล่ะ! ผบ.ตร.ชิ่งงานนี้ รอง ผบ.ตร.คนดัง พูดได้ไม่กี่คำ แล้วเงียบสนิท!
นี่ไม่ใช่มาตรฐานคุ้นๆ “ตำรวจจะให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย” หรือ “มีหลักฐานสาวไปถึงใคร จะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น” “จะดำเนินคดีโดยไม่เห็นแก่หน้าใคร” แค่เริ่มด้วยการย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอื่น แค่นี้ก็เดาลีลาได้แล้ว
การที่สื่ออ้าง “แหล่งข่าว” เล่ามาเป็นตุเป็นตะ เล่าเป็นฉากๆ ถึงวิธีและเส้นทางการหลบหนีของแม่นางปูไปสระแก้ว ฟังดูแล้วคงเป็นตำรวจนั่นแหละที่คาบข่าวมาบอก เอามาเปิดเผยง่ายๆ เร็วเกินไป คงหวังให้สื่อ ชาวบ้านเชื่อทันที
มันน่าสงสัยหรือไม่ละพี่น้อง! จู่ๆ แม่นางปูก็ยอมให้นายตำรวจพาหนี โดยที่ชาวบ้านไม่รู้ว่าคุณเธอไปรู้จักมักจี่กับตำรวจพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มีความสนิทความสัมพันธ์น่าไว้วางใจได้แค่ไหน และใครเป็นคนติดต่อให้รับงานพาหนีครั้งนี้
เอาล่ะ! มีคำถามง่ายๆ ให้ใครก็ตามที่ดูแลรับผิดชอบคดีนี้ให้ตอบ...
● รูปแบบของการพาหนี ถ้าเกิดขึ้นจริงตามอ้าง ต้องใช้เวลาวางแผน จัดกำลังแต่ละช่วง นัดแนะ หาวันเวลาเหมาะสม ฝ่ายหน่วยข่าวติดตามเฝ้าระวังแม่นางปูไม่พบพฤติกรรมน่าสงสัยมาก่อนเลยหรือ
● ตำรวจทั้ง 3 นาย มีความแตกต่างกันทั้งที่มา หน้าที่ ตำแหน่ง มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร และแต่ละคนเคยรู้จักแม่นางปู หรือคนสำคัญในเครือข่ายแม่นางปูอย่างไร ความเสี่ยงมีผลตอบแทนคุ้มค่าอย่างไร
● จะให้ชาวบ้านเชื่อหรือว่าไม่มีนายตำรวจใหญ่ที่อยู่ในราชการและเกษียณอายุช่วยวางแผนการหลบหนี หรือตัดตอนเฉพาะตำรวจ 3 นาย
● แม่นางปูจะรู้ได้อย่างไรว่าตำรวจระดับนี้จะพาหนีไปได้ตลอดรอดฝั่ง ถ้าไม่มีผู้ใหญ่ผู้โตในอำนาจเปิดไฟเขียว ปล่อยให้หลบหนีได้? ต้องมีคำรับรองให้เห็นชัด ถึงขั้นเหลี่ยมเร่ร่อนต้องไว้วางใจเต็มที่ ตกลงกันแล้ว
● ความไม่น่าเชื่อถือต่อเรื่อง “อย่างฮา” นี้ ก็ตอนที่นายตำรวจใหญ่เป้งผู้รับผิดชอบคดีนี้บอกชาวบ้านหน้าตาเฉยว่าไม่รู้จะเอาผิดทางอาญากับพวกตำรวจที่พาหนีได้อย่างไรเพราะช่วงพาหนียังไม่มีหมายจับของศาล
● ตำรวจไม่รู้หรือว่าตัวเองพาผู้ต้องหาและจำเลยหลบหนีคำพิพากษาของศาลในคดีอาญาโด่งดังอันดับหนึ่งของประเทศ ชาวบ้านอยากรู้ผลคดี และได้มีการเตรียมพร้อมรับด้านความปลอดภัยแบบเว่อร์สุดๆ
● “ไม่ใช่การพาหนี” ได้อย่างไรเพราะทำแบบเร้นลับ พยายามกลบรอย เปลี่ยนรถ ใช้รถผิดกฎหมาย? นี่เป็น “เจตนาพาหนี” ชัดเจน ถ้าไม่ใช่เจตนา ก็ต้องเป็นสุดยอดของ “เจตนาพิเศษ” แน่ๆ!
● จะมีการสืบสวนหาตัวผู้บงการ วางแผน ให้นายตำรวจพาแม่นางปูหนี โดยทิ้งเงินประกัน 30 ล้านบาทหรือไม่? ถ้าไม่ทำ ต้องตอบว่าทำไม! ที่ผ่านมาไม่เอาเรื่องนายพันตำรวจเอก ผู้อารักขาพิเศษ ก็น่าสงสัยแล้ว!
ถ้าจะให้เรื่องจบง่ายๆ ตื้นๆ เพียงแค่นี้ ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลซึ่งแทบไม่เหลือในขณะนี้ คงลามเป็นวิกฤตศรัทธา ยิ่งมีเรื่องฉาวในการทุจริต คอร์รัปชัน เส้นทางต่อไปคือ “ขาลง” และ “ขาออก” แบบไม่สง่างามมีเสียงโห่ไล่ตามหลัง
แม่นางปูยังกบดานแบบไร้ร่องรอย รอดูว่าศาลจะอ่านคำพิพากษาในวันพุธนี้หรือไม่ และผลเป็นอย่างไร จากนั้นคงเคลื่อนไหว แต่ศาลความคิดเห็นของประชาชนได้พิพากษารัฐบาลในคดีนี้แล้ว คณะจำเลยก็หนีข้อครหาไม่ได้ด้วย