xs
xsm
sm
md
lg

บทพิสูจน์ดีลชินสุวรรณ

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ


เอม พินทองทา ชินวัตร โพสต์รูปบนเครื่องบินกับครอบครัวลงในอินสตาแกรม เมื่อวันศุกร์ที่ 15 กันยายน แสดงว่าเธอเดินทางไปอังกฤษในวันนั้นเป็นอย่างช้า (อาจถ่ายไว้ก่อนแล้วมาโพสต์ทีหลัง) แล้วเธอก็โพสต์รูปกับพ่อคือทักษิณที่อังกฤษในวันเดียวกันคือวันที่ 15 กันยายน นั่นแสดงว่า ทักษิณอยู่อังกฤษก่อนแล้ว แต่ไปตั้งแต่วันไหนไม่มีใครทราบ

ส่วนเล็ก วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี บินไปลอนดอนตั้งแต่คืนวันที่ 11 กันยายน และเพิ่งกลับมาเมื่อเย็นวันที่ 15 กันยายน และบอกด้วยว่าพล.อ.ประวิตรบินส่วนตัวไปก่อน คณะบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่บินตามไป 11.30 น. วันอังคาร 12 กันยายน

ต่อมาเมื่อถูกนักข่าวถามเรื่องไปพบกับทักษิณ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “โอ้ย ปัดโธ่เอ้ย พวกคุณก็พูดไป โธ่ ไม่มีๆ ไปคนละเวลา ไม่เจอกัน คนหนึ่งกลับเวลาหนึ่ง คนหนึ่งไปเวลาหนึ่ง แล้วมันจะเจอกันได้อย่างไร ผมกลับกลางวัน เขามากลางคืน จะเจอกันได้อย่างไร ขนาดใช้สนามบินยังใช้คนละสนาม ไม่เห็นมีอะไรเลย”

ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าพล.อ.ประวิตรรู้ได้อย่างไรว่า ทักษิณไปอังกฤษวันเวลาไหน ขนาดรู้ว่าลงเครื่องกันคนละสนามบิน แต่ลองนึกภาพตามว่า ถ้าคนหนึ่งมากรุงเทพฯ แล้วลงดอนเมือง คนหนึ่งลงสุวรรณภูมิก็ไม่ใช่ว่าจะพบกันไม่ได้นี่

ต่อมาไพศาล พืชมงคล ผู้ช่วยรัฐมนตรีของพล.อ.ประวิตร โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องนี้ว่า ผมแอบถามหาความจริงจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งใกล้ชิดสนิททั้งกับลุงตู่และลุงป้อม ท่านยืนยันว่าไม่ได้พบกัน ลุงป้อมท่านมีเรื่องส่วนตัวจึงไปก่อนคณะหน่อยหนึ่ง

ไพศาลบอกว่า เรื่องส่วนตัวของลุงป้อมมีเรื่องเดียวคือเรื่องกิน เพราะบางทีวิญญาณอั้งชิดกงอาจมาวนอยู่ใกล้ท่าน จึงเป็นนักกินตัวยง แอบไปกินของชอบอยู่เป็นนิตย์ ที่อังกฤษมีของอร่อยของโปรดนะครับถึงขนาดว่ากันว่าใครไม่ได้กินเท่ากับไม่ได้ไปอังกฤษ ลุงป้อมไม่โง่ไปพบท่านแม้วถึงอังกฤษหรอก เพราะความลับไม่มีและถ้าไปพบกัน คนโง่ที่สุดก็คิดได้ว่าเท่ากับตกอยู่ในกำมือท่านแม้ว ใครจะโง่ขนาดนั้น หากจะพูดจากันอยู่ที่ไหนก็พูดได้

เอาความเห็นโดยย่นย่อของไพศาลมาให้ดู สรุปความเห็นของไพศาลก็คือพล.อ.ประวิตรไปอังกฤษล่วงหน้าเพื่อหาของอร่อยกินเท่านั้นเอง

เอาเป็นว่าถึงตอนนี้ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนหรอกว่าเจอกันหรือไม่ แต่ช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวแบบนี้มันทำให้คนเขาอดคิดไปไม่ได้หรอก ลองดูสิครับกว่าจะรู้ว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งเพิ่งครบรอบ 11 ปีไปไม่กี่วัน ที่ตอนนั้นคนเขาก็ลือกันนะครับว่า เกี้ยเซียะกันไปแอบพบทักษิณมาแต่ก็ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่จริงมาตลอด แต่สุดท้ายความจริงก็เปิดเผยในภายหลังว่า แอบไปพบกันจริงจากการประสานงานของนายอนุทิน ชาญวีรกูล คนก็เลยถึงบางอ้อว่า ทำไมการรัฐประหารครั้งนั้นจึงเป็นมวยล้มต้มคนดู เมื่อดูจากผลลัพธ์ที่ออกมา

การรัฐประหารของพล.อ.สนธินั้น กลุ่มมวลชนถูกกล่าวหาว่าการออกมาชุมนุมขับไล่ทักษิณเพื่อเป็นบัตรเชิญรัฐประหาร ถึงตอนนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าเขารัฐประหารเพื่อเกี้ยเซียะกัน ตอนนั้นเอาเข้าจริงๆ แล้วถ้าทหารไม่ทำรัฐประหาร ทักษิณก็อยู่ไม่ได้แล้ว เพราะประชาชนทุกภาคส่วนออกมาร่วมขับไล่ทักษิณ แถมเพราะรัฐประหารนั่นแหละทำให้หลายคนเปลี่ยนใจไปเป็นพวกทักษิณเลยก็มี

ตอนนี้ก็ต้องมาดูแหละครับว่า ผลลัพธ์สุดท้ายของการรัฐประหารครั้งนี้จะเป็นอย่างไร จากฐานข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้ที่พล.อ.ประวิตรยืนยันว่าไม่ได้พบกัน เอาเป็นว่าเชื่อกันไว้ก่อน เพราะถ้าพบกันจริงผลลัพธ์ก็จะโผล่มาประจานเอง

เบื้องแรกที่คนเขาตั้งคำถามมากก็คือ การปล่อยให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีไปได้ ทั้งๆ ที่ทหารเฝ้าติดตามยิ่งลักษณ์มาตลอดตั้งแต่หลังรัฐประหาร เรียกกันว่าประกบติดทุกฝีก้าว แต่พอวันใกล้พิพากษาคดีกลับหนีไปได้อย่างง่ายดาย อันนี้ก็ต้องตอบคำถามให้ชัด เห็นทหารตำรวจพยายามหาเส้นทางหลบหนีอยู่พรรคหนึ่ง ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว

ก่อนหน้านี้พล.อ.ประวิตรเองออกมาบอกว่า พบว่ามีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก และพบภาพวงจรปิดจับได้แล้ว แต่ไม่ถึงสุดด่านชายแดน สิ้นสุดเพียงด่านทหารสระแก้ว เพราะไม่ปรากฏขบวนรถที่ใช้หลบหนีบริเวณด่านเข้าออก ซึ่งจะต้องนำคนขับรถมาสอบสวนต่อไป และทราบว่าใช้รถเก๋งในการหลบหนี อย่างไรก็ตามในเส้นทางดังกล่าว ก็ยังมีเส้นทางอื่นที่ใช้หลบหนีได้ ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ

แต่กลายเป็นว่า ตอนนี้เงียบไปแล้ว ตกลงสอบกันไปถึงไหนแล้วใครต้องรับผิดชอบผ่านด่านทหารออกไปได้อย่างไร ชายแดนด้านตะวันออกเป็นพื้นที่ของเหล่าทหารเลื่องชื่อที่เรียกกันว่า บูรพาพยัคฆ์ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดอยู่ในเวลานี้นี่เอง การทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏก็คือหนึ่งในผลลัพธ์ที่จะตอบประชาชนให้หายสงสัย

ข้อสงสัยอีกอย่างคือทำไมถึงตอนนี้ยังไม่ยกเลิกพาสปอร์ตในเมื่อหลบหนีออกนอกประเทศแบบนี้ หลักการเราก็ต้องหาทางให้เขาเดินทางต่อยาก นั่นคือยกเลิกพาสปอร์ตเสีย ส่วนถ้าเขาจะมีอีกเล่มถือของประเทศอื่นก็เป็นเรื่องสุดวิสัย ทำไมต้องรอให้คดีตัดสินก่อน เมื่อการหลบหนีออกนอกประเทศก็เป็นความผิดแล้ว

เรื่องต่อไปก็คือ กรณีของนายพานทองแท้ ชินวัตร ในกรณีแบงก์กรุงไทยว่า ทางรัฐบาลจะเอาจริงแค่ไหน ถ้าสอบสวนแล้วไม่สามารถเอาผิดนายพานทองแท้ได้ก็ต้องออกมาตอบคำถามให้ชัด เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนที่ต้องใช้เวลาเนิ่นนานมีคดีที่ศาลตัดสินไปแล้วเป็นบรรทัดฐาน ประจักษ์พยานหลักฐานอยู่ในนั้นมากมาย เพื่อความเป็นธรรมไม่ได้ไปตั้งธงว่านายพานทองแท้ต้องผิดนะครับ แต่ผิดไม่ผิดก็บอกมา ไม่ใช่ยื้อเวลาประชุมกันไปไม่รู้กี่รอบแล้วก็ไม่มีข้อสรุป จนเขาสงสัยกันว่าจะเอากันจริงหรือไม่

นอกจากนั้นสุดท้ายแล้วมันจะตอบคำถามตอนตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งซึ่งตามสมการนั้น ถ้าพรรคการเมืองไม่สามารถรวมกันได้เกิน 375 เสียง ก็ไม่สามารถตั้งรัฐบาลที่มาจากรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอได้ เพราะมีเสียง ส.ว. 250 เสียงเป็นด่านสำคัญ ถึงตอนนั้นแล้วพรรคเพื่อไทยของทักษิณซึ่งใครเชื่อว่าจะได้ ส.ส.มากที่สุดจะมาร่วมตั้งรัฐบาลตามโควตาคนนอกหากเลือกจากรายชื่อที่พรรคเสนอไม่ได้หรือไม่ ถ้าสุดท้ายเพื่อไทยมาร่วมรัฐบาลด้วยตรงนั้นก็จะเป็นผลลัพธ์ที่พิสูจน์ข้อสงสัยในเวลานี้เหมือนกัน

เพราะเมื่อดูตัวเลขที่ต้องใช้ในการตั้งรัฐบาล แม้ฝ่ายหนึ่งจะมีเสียง ส.ว. 250 เสียงอยู่ในมือ แต่จะตั้งรัฐบาลได้ก็ต้องมีเสียง ส.ส.เกิน 250 เสียงด้วย คือบวกกันแล้วต้อง 500 เสียงขึ้นไปจึงจะตั้งรัฐบาลได้ ถึงตอนนี้ใครที่เชียร์รัฐบาลชนิดที่ทำอะไรก็ถูกหมดก็ให้เตรียมใจกันไว้บ้าง

ข้อสงสัยที่ประชาชนและสื่อตั้งคำถามอยู่ตอนนี้เป็นอย่างไร มันจะพิสูจน์กันหลังการเลือกตั้งโน่นแหละว่าดีลชินสุวรรณที่เขาพูดกันนั้นมีอยู่จริงไหม

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan
กำลังโหลดความคิดเห็น