ผู้จัดการรายวัน 360 - ศาลแขวงพระนครใต้สั่งจำคุก คนละ 1 เดือน "2 แม่ลูก" หัวร้อนด่าทอ-ถ่มน้ำลายใส่ตำรวจจราจรทุ่งมหาเมฆ แต่ไม่เคยถูกจำคุกมาก่อน ให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี ทุก 4 เดือนรายงานตัวคุมประพฤติ
วานนี้ (19 ก.ย.) ที่ศาลแขวงพระนครใต้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 4 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพายุ แซ่โง้ว อายุ 19 ปี เป็นจำเลย ฐานความผิดขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่, ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับขี่, ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่และใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และแยกฟ้อง น.ส.สราวรรณ มารดา เป็นจำเลยอีก 1 สำนวน ในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่า นายพายุมีความผิดตามฟ้องขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 19 ปี รู้ผิดชอบแล้วจึงไม่ลดมาตราส่วนโทษให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปจำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ฐานขับรถโดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนปรับ 1,000 บาท ฐานขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตปรับ 500 บาท ฐานขับรถโดยไม่สวมหมวกนิรภัยปรับ 200 บาทฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานจำคุก 1 เดือนปรับ 5,000 บาท ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจปรับ 2,500 บาท รวมจำคุก 1 เดือน ปรับ 9,200 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือนต่อครั้งภายใน 1 ปี
ส่วน น.ส.สราวรรณ มีความผิดตามฟ้องรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน ปรับ 5 พันบาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี
นายพายุ กล่าวภายหลังรับฟังคำพิพากษา ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้แต่คนภายนอกจะไม่รู้ว่าตนกับตำรวจคนนี้มีความไม่พอใจกันมาก่อน โดยเหตุการณ์ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ 2-3เดือนก่อนเกี่ยวกับเรื่องขี่รถจักรยานยนต์เช่นกัน แต่ถึงอย่างไรจากคลิปที่ปรากฏก็ยอมรับว่าตนใช้ถ้อยคำไม่สุภาพหยาบ แต่อยากบอกว่าตนไม่ใช่คนบ้าที่จู่โจมจะไปด่าหรือทะเลาะกับตำรวจ
“ต้องขอโทษสังคมที่กระทำตัวไม่เหมาะสม จากนี้ไปก็จะมีสติมากขึ้น และขี่รถให้ถูกกฎระเบียบของกฎหมาย ขอฝากเป็นอุทาหรณ์ให้แก่วัยรุ่นและการควบคุมอารมณ์ด้วย” นายพายุ กล่าว
วานนี้ (19 ก.ย.) ที่ศาลแขวงพระนครใต้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 4 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพายุ แซ่โง้ว อายุ 19 ปี เป็นจำเลย ฐานความผิดขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่, ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับขี่, ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่และใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และแยกฟ้อง น.ส.สราวรรณ มารดา เป็นจำเลยอีก 1 สำนวน ในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่า นายพายุมีความผิดตามฟ้องขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 19 ปี รู้ผิดชอบแล้วจึงไม่ลดมาตราส่วนโทษให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปจำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ฐานขับรถโดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนปรับ 1,000 บาท ฐานขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตปรับ 500 บาท ฐานขับรถโดยไม่สวมหมวกนิรภัยปรับ 200 บาทฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานจำคุก 1 เดือนปรับ 5,000 บาท ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจปรับ 2,500 บาท รวมจำคุก 1 เดือน ปรับ 9,200 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือนต่อครั้งภายใน 1 ปี
ส่วน น.ส.สราวรรณ มีความผิดตามฟ้องรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน ปรับ 5 พันบาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี
นายพายุ กล่าวภายหลังรับฟังคำพิพากษา ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้แต่คนภายนอกจะไม่รู้ว่าตนกับตำรวจคนนี้มีความไม่พอใจกันมาก่อน โดยเหตุการณ์ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ 2-3เดือนก่อนเกี่ยวกับเรื่องขี่รถจักรยานยนต์เช่นกัน แต่ถึงอย่างไรจากคลิปที่ปรากฏก็ยอมรับว่าตนใช้ถ้อยคำไม่สุภาพหยาบ แต่อยากบอกว่าตนไม่ใช่คนบ้าที่จู่โจมจะไปด่าหรือทะเลาะกับตำรวจ
“ต้องขอโทษสังคมที่กระทำตัวไม่เหมาะสม จากนี้ไปก็จะมีสติมากขึ้น และขี่รถให้ถูกกฎระเบียบของกฎหมาย ขอฝากเป็นอุทาหรณ์ให้แก่วัยรุ่นและการควบคุมอารมณ์ด้วย” นายพายุ กล่าว