xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหาเกาหลีเหนือ...แก้ไม่ยากแต่ไม่อยากแก้??? (1)

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

คิม จองอึน
พายุเหยี่ยวอินทรี หรือแร้งหิมาลัย...ที่เรียกๆ กันในภาษาเกาหลีว่า “ทกซุรี” (Doksuri) แม้จะอ่อนกำลังลงเหลือสภาพเป็นแค่พายุโซนร้อน ขณะอยู่แถวๆ แขวงคำม่วนประเทศลาวเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ช่วงวัน-สองวันนี้ ก็ดันเคลื่อนเข้าสู่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย แปรสภาพเป็นดีเปรสชัน เคลื่อนผ่านบึงกาฬ ผ่านน่าน นครพนม ฯลฯ เล่นเอาน้ำเจิ่ง น้ำนอง และอะไรต่อมิอะไรพังพินาศกันไปเป็นแถบๆ แถมช่วงเวลาเดียวกันมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ที่แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งอันดามัน ทำเอาภาคใต้ทั้งภาคตกน้ำป๋อมแป๋มกันไปมิใช่น้อย...

เรียกว่า...เจอกับ “สองเด้ง” ซ้อนๆ ทั้งด้านบน ด้านใต้ ทั้งหัวขวาน ด้ามขวาน หนีไม่พ้นต้องเจอกับแรงอัด แรงบีบของภัยพิบัติแห่งธรรมชาติ ขณะที่รัฐบาลทั้งรัฐบาล หนีไม่พ้นต้องเจอกับภัยพิบัติแห่งมนุษย์ หรือเจอเข้ากับ “สากกะเบือบิน” ด้ามแล้ว ด้ามเล่า ชนิดอดห่วง อดสงสาร อดเห็นอก เห็นใจขึ้นมาไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้...ด้วยการถือเอาความเมตตากรุณาเป็นที่ตั้ง คงต้องขออนุญาตแฉลบออกข้าง ไปดูเรื่องเกาหลีเหนือกันต่อ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา “คิมน้อย” เขาก็เอาอีกแว้วว์ว์ว์!!! ส่งบ้องข้าวหลามยักษ์ ร่อนผ่านเกาะฮอกไกโดด้านเหนือของประเทศญี่ปุ่น ไปหล่นอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิกห่างจากแหลม “Erimo” ไปประมาณ 2,000 กิโลเมตร ระดับพิกัดความสูงเหนือพื้นโลกอยู่ที่ประมาณ 770 กิโลเมตร ถือเป็นขีปนาวุธระดับ ICBM อย่างมิพึงต้องสงสัยต่อไปอีกเลย...

ส่วนจะสามารถข้ามน้ำ ข้ามฟ้า ไปตกแถวๆ ภาคเหนือของอเมริกา หรือหล่นไปใส่ฐานทัพอเมริกันบนเกาะกวมได้จริงๆ จังๆ หรือไม่ อย่างไร โดยสุ้มเสียงของผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในอเมริกา ก็ดูจะออกไปทาง “ปากกล้า-ขาสั่น” อยู่เช่นเดิม คือถือเป็นแค่ “การยั่วยุ” ไม่ได้มีน้ำอิ๊ว น้ำยา อะไรมากมายเกินไปกว่านั้น แม้จะเจอคำขู่ของ “คิมน้อย” ระดับที่กะจะให้อเมริกาต้องจมอยู่ใน “กองขี้เถ้าและความมืดมิด” มาก่อนหน้านั้น แต่นอกจากขู่กันไป-ขู่กันมา หลังการส่งบ้องข้าวหลามยักษ์เที่ยวล่าสุด สิ่งที่ “คิมน้อย” ได้ออกมาพูดจา ว่ากล่าวเปิดใจกับสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ หรือ “KNCA” ก็มีอะไรที่น่าคิด น่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคำพูดที่สรุปไว้ว่า... “เป้าหมายสุดท้ายของเราก็คือ การสร้างดุลยภาพทางกำลังที่เป็นจริง เพื่อที่จะทำให้ผู้ปกครองชาวอเมริกันไม่อาจกล้าท้าทายได้อีกว่าจะอาศัยทางเลือกทางทหารมาจัดการกับเกาหลีเหนือได้อีกต่อไป...”

คืออันนี้...คงไม่ใช่การคิดจะ “แข่งขันทางอาวุธ” กับคุณพ่ออเมริกาแต่อย่างใด เพราะแข่งยังไงก็แข่งไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ เนื่องจากคุณพ่ออเมริกาท่านไปไกล ระดับไม่ว่าประเทศไหน มหาอำนาจระดับไหน ก็ไม่มีสิทธิหายใจรดต้นคอท่านได้โดยเด็ดขาด แต่คงเป็นไปเพียงเพื่อหวังให้อเมริกาเลิกคิดใช้กำลังทหารเล่นงานเกาหลีเหนือแบบที่เคยเล่นงานประเทศอย่าง อิรัก อัฟกานิสถาน ฯลฯ มาโดยตลอดนั่นเอง คือถ้าหากคิดเล่นงานเกาหลีเหนือขึ้นมาเมื่อไหร่ อาจต้องฉิบหายวายวอดไปด้วยกันทั้งคู่อะไรประมาณนั้น...

การออกมาเปิดใจของ “คิมน้อย” ในลักษณะเช่นนี้...จึงพอช่วยให้เกิดภาพสะท้อนถึง “ปมปัญหาในคาบสมุทรเกาหลี” ได้ชัดเจนพอสมควร คือสุดท้าย...ก็อยู่ที่ตัวของสหรัฐอเมริกาเองนั่นแหละ ไม่ได้อยู่ที่ใครอื่น ที่ก่อให้เกิดความฝังอกฝังใจของชาวเกาหลีเหนือต่อความประสงค์ร้ายของสหรัฐฯ มาโดยตลอด นับตั้งแต่ครั้งสงครามเกาหลี ซึ่งต้องเซ่นสังเวยชีวิตผู้คนนับเป็นล้านๆ การคงกำลังทหารสหรัฐฯ เอาไว้ในญี่ปุ่น ในเกาหลีใต้ ไปจนถึงการออกแบบปฏิบัติซ้อมรบสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ตลอดช่วงร่วม 40 ปีที่ผ่านมา ฯลฯ แถมล่าสุดยังมีการทำโพลสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันซะอีกต่างหาก ว่าอเมริกันชนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ เห็นควรด้วย...กับการใช้อำนาจทางทหารของสหรัฐฯ จัดการกับเกาหลีเหนือ...
นายจิมมี คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีอเมริกัน
แต่ถ้าผู้ปกครองชาวอเมริกันหรือบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย...สามารถปรับเปลี่ยนมุมมอง หันมามองอย่างที่อดีตประธานาธิบดีอเมริกัน “นายจิมมี คาร์เตอร์” ได้ออกมาแสดงความคิด ความเห็น ไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้ ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันน่าจะ “แฮปปี้เอนดิ้ง” ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ คือระหว่างที่อดีตประธานาธิบดีอเมริกันผู้นี้ได้ไปพูดจาปราศรัยที่ “Carter Center” ณ เมืองแอตแลนตา เมื่อช่วงวันอังคาร (12 กันยายน) ที่ผ่านมา นอกจากเพื่อชี้ให้บรรดาชาวอเมริกันชนทั้งหลายได้เห็นว่าสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบประชาธิปไตยของอเมริกา” ทุกวันนี้ ได้เปลี่ยนสภาพไปหมดแล้ว หรือได้กลายไปเป็นระบอบ “คณาธิปไตย” (Oligarchy) ที่ผู้ปกครองที่แท้จริง คือ “คณะบุคคล” กลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาศัยอิทธิพลของเงินตรา มีอำนาจอยู่เบื้องหลังประธานาธิบดีอเมริกันแต่ละราย ในแต่ละยุค แต่ละสมัยที่ผ่านมา อดีตประธานาธิบดีผู้นี้...ซึ่งเคยมีโอกาสไปเยือนเกาหลีเหนือถึง 3 ครั้ง 3 ครา ในระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1994-2011 ยังมั่นอก มั่นใจ ที่จะเปิดเผยอย่างตรงไป-ตรงมาด้วยว่า เขานี่แหละ...คือผู้ที่รู้ดีว่า สิ่งที่ “คิมน้อย” หรือประเทศอย่างเกาหลีเหนือต้องการนั้น...คืออะไรกันแน่!!! นี่...อันนี้ เลยคงต้องขออนุญาตลากยาวไปต่อวันพรุ่งนี้อีกซักวัน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ “อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน” อะไรประมาณนั้น...
กำลังโหลดความคิดเห็น