วานนี้ (13ก.ย.) ที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการปปง. ร่วมลงนามเอ็มโอยูกับน.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลรายชื่อบุคคล และรายการทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดีทางแพ่ง รวมทั้งที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย จากฐานข้อมูลของกรมบังคับคดี เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่ในการวิเคราะห์ธุรกรรม สืบสวนทางการเงิน และดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็ว
พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า เป็นความร่วมมือด้านการเชื่อมโยง และแลกเปลี่ยนข้อมูลในคดี ระหว่างปปง.กับกรมบังคับคดี ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ คือ
1. ติดตามและตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพราะในการบังคับคดีทางแพ่ง และในคดีล้มละลายนั้น จะปรากฏรายการทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกบังคับคดี หรือบุคคลล้มละลายทั้งหมดที่ตรวจสอบพบ
2. ตรวจสอบหักล้างข้อโต้แย้งเกี่ยวกับรายได้ของบุคคล กรณีที่หากบุคคลใดมีประวัติการถูกบังคับคดี หรือเป็นบุคคลล้มละลาย หากปรากฏว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ก็อาจสันนิษฐานได้ว่าทรัพย์สินเหล่านั้นได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
3. ป้องกันการยึด หรืออายัดทรัพย์สินซ้ำซ้อน หากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดนั้น ศาลมีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินไปแล้วตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือหากทรัพย์สินนั้นถูกบังคับคดีไปแล้ว โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น มีการขายทอดตลาดไปแล้วโดยชอบ บุคคลที่ซื้อทรัพย์สินย่อมได้รับความคุ้มทางกฎหมาย จึงไม่อาจดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้อีก
4. การแลกเปลี่ยนข้อมูลรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด จะทำให้กรมบังคับคดีสามารถตรวจสอบรายชื่อดังกล่าวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และหากพบว่าบุคคลที่มาทำธุรกรรม กับกรมบังคับคดี เช่น ในกรณีของการมาซื้อทอดตลาดทรัพย์สิน ย่อมต้องถูกปฏิเสธการทำธุรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
ด้าน น.ส.รื่นวดี กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ซึ่งจะส่งผลในการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้ 1. กรมบังคับคดีสามารถสืบค้นข้อมูลและตรวจสอบรายการทรัพย์สิน ในการบังคับคดีก่อนที่จะมีการยึดหรืออายัด เพื่อป้องกันและลดการยึด หรืออายัดทรัพย์สิน ที่มีความซ้ำซ้อนกับทรัพย์สินที่มีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมาย
2. กรมบังคับคดีสามารถตรวจสอบข้อมูลรายชื่อบุคคลหรือรายการทรัพย์สินที่ถูกดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รายชื่อผู้ถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน ตลอดจนรายชื่อบุคคลหรือทรัพย์ที่ถูกระงับการดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อใช้ประกอบในการบังคับคดีแพ่งและคดีล้มละลาย และ 3. เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ของทั้งสองหน่วยงานก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนยิ่งขึ้น
พล.ต.อ.ชัยยะ กล่าวว่า เป็นความร่วมมือด้านการเชื่อมโยง และแลกเปลี่ยนข้อมูลในคดี ระหว่างปปง.กับกรมบังคับคดี ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ คือ
1. ติดตามและตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพราะในการบังคับคดีทางแพ่ง และในคดีล้มละลายนั้น จะปรากฏรายการทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกบังคับคดี หรือบุคคลล้มละลายทั้งหมดที่ตรวจสอบพบ
2. ตรวจสอบหักล้างข้อโต้แย้งเกี่ยวกับรายได้ของบุคคล กรณีที่หากบุคคลใดมีประวัติการถูกบังคับคดี หรือเป็นบุคคลล้มละลาย หากปรากฏว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ก็อาจสันนิษฐานได้ว่าทรัพย์สินเหล่านั้นได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
3. ป้องกันการยึด หรืออายัดทรัพย์สินซ้ำซ้อน หากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดนั้น ศาลมีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินไปแล้วตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือหากทรัพย์สินนั้นถูกบังคับคดีไปแล้ว โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น มีการขายทอดตลาดไปแล้วโดยชอบ บุคคลที่ซื้อทรัพย์สินย่อมได้รับความคุ้มทางกฎหมาย จึงไม่อาจดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้อีก
4. การแลกเปลี่ยนข้อมูลรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด จะทำให้กรมบังคับคดีสามารถตรวจสอบรายชื่อดังกล่าวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และหากพบว่าบุคคลที่มาทำธุรกรรม กับกรมบังคับคดี เช่น ในกรณีของการมาซื้อทอดตลาดทรัพย์สิน ย่อมต้องถูกปฏิเสธการทำธุรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
ด้าน น.ส.รื่นวดี กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ซึ่งจะส่งผลในการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้ 1. กรมบังคับคดีสามารถสืบค้นข้อมูลและตรวจสอบรายการทรัพย์สิน ในการบังคับคดีก่อนที่จะมีการยึดหรืออายัด เพื่อป้องกันและลดการยึด หรืออายัดทรัพย์สิน ที่มีความซ้ำซ้อนกับทรัพย์สินที่มีคำสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินตามกฎหมาย
2. กรมบังคับคดีสามารถตรวจสอบข้อมูลรายชื่อบุคคลหรือรายการทรัพย์สินที่ถูกดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รายชื่อผู้ถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน ตลอดจนรายชื่อบุคคลหรือทรัพย์ที่ถูกระงับการดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อใช้ประกอบในการบังคับคดีแพ่งและคดีล้มละลาย และ 3. เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ของทั้งสองหน่วยงานก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนยิ่งขึ้น