xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลต้อนรับนักลงทุนญี่ปุ่น ยาหอมลงทุนอีอีซีไม่มีผิดหวัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กตู่"เปิดทำเนียบรัฐบาล ให้การต้อนรับคณะภาครัฐและเอกชนญี่ปุ่นเกือบ 600 ราย ยาหอมญี่ปุ่นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ยินดีที่ได้ร่วมมือกันมา 130 ปี และจะยังคงร่วมมือกันต่อไป พร้อมโชว์ศักยภาพอีอีซี ลั่นมียุทธศาสตร์ มีกฎหมายชัดเจน ถึงเปลี่ยนรัฐบาล นโยบายก็ไม่เปลี่ยน กวักมือเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนทันที ย้ำไม่มีผิดหวัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (11ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นำนายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (เมติ) และคณะนักลงทุนรายใหญ่ของญี่ปุ่นกว่า 570 คน เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายฮิโรชิเกะ เซโกะ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาเยี่ยมประเทศไทย พร้อมกับคณะนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการตอบรับจากหน่วยงานภายในประเทศญี่ปุ่นมากมาย นั่นหมายความว่านักธุรกิจญี่ปุ่นชั้นแนวหน้าแทบจะรวมอยู่ในไทยตอนนี้ ซึ่งญี่ปุ่นมองว่าไทยเป็นฮับการผลิตในอาเซียน บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งมีฐานการผลิตในไทยมานาน ถือว่าเป็นประเทศที่มีความสำคัญ และคาดหวังว่าจะมีการพัฒนาความร่วมมือในอุตสาหกรรมชั้นสูงต่อไป

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้พบปะพูดคุย หารือด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตรไมตรีต่อกัน และรู้สึกตื่นเต้น ไม่คิดว่าจะมีนักลงทุนจะมากันมากขนาดนี้ ไทยกับญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ยาวนานกันมา 130 ปี และที่ผ่านมา ได้ร่วมมือกันในทุกระดับ ซึ่งจะสานความสัมพันธ์เช่นนี้ต่อไปอีก และแน่นอนว่า จะไม่ลืมเพื่อนชาวญี่ปุ่นของเรา

"วันนี้ขอยืนยันกับท่านด้วยหัวใจ ขอให้มั่นใจว่า จะทำทุกอย่างให้ไทย-ญี่ปุ่นไว้ใจกันมากที่สุด เพื่อวันข้างหน้า เพื่อผลประโยชน์ที่เท่าเทียม ต้องเป็นไปในลักษณะ วิน วิน ในเรื่องการค้าการลงทุนระหว่างกัน ขอบคุณจริงๆ ที่ครั้งนี้ เดินทางมาไทยถึง 3 วัน แสดงว่าท่านให้เกียรติเรามาก"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในวันนี้ (12ก.ย.) มีกำหนดปาฐกถาพิเศษของรัฐมนตรีไทยและญี่ปุ่น รวมถึงการทำบันทึกความเข้าใจร่วม 7 ฉบับ และกำหนดหัวข้อทางเศรษฐกิจต่างๆ ร่วมกันว่าจะทำอะไรกันต่อไป อะไรคือกิจกรรมเร่งด่วน ก่อนที่จะมีกิจกรรมอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ย้ำกับนักธุรกิจญี่ปุ่นว่า ท่านรู้ดีว่าไทยมีศักยภาพอะไรบ้าง เราคุยกันถึงอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เทคโนโลยีดิจิทัล เกษตรสมัยใหม่ การลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต นี่คือสิ่งที่เราคิดไปข้างหน้า และเชื่อว่าคนญี่ปุ่นมีศักยภาพ ซึ่งโลกใบนี้ต้องการ เราคิดเพื่อโลกใบนี้ ไม่ใช่เพื่อเรา

ขณะเดียวกัน ได้ย้ำต่อว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยได้กำหนดเป็นกฎหมายไว้แล้ว และบรรจุเป็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ขอให้มั่นใจว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดเข้ามา ก็จะต้องสานต่อโครงการอีอีซี ดังนั้น ขอให้มั่นใจ ขอให้เริ่มลงทุนตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ กลับไปตัดสินใจลงทุนเลย ก็จะทำให้โครงการเกิดเร็วขึ้น

นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือให้ญี่ปุ่นเข้ามาช่วยเหลือและพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ของไทยที่มีเกือบ 3 ล้านราย โดยไทยต้องการองค์ความรู้ แบบอย่างจากญี่ปุ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย นักลงทุนชาวญี่ปุ่นได้ถามคำถามกับนายกรัฐมนตรีรวม 3 คำถาม โดยถามว่า ไทยคาดหวังจะให้ญี่ปุ่นช่วยในการลงทุน เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับประเทศคู่ค้ามาตลอด มีการแลกเปลี่ยน เยี่ยมเยียนตลอดกันเสมอมา สำหรับความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ตลอด 130 ปี เรามีความร่วมมือระหว่างกัน วันนี้ตัวเองคุยกับญี่ปุ่น คือ ไทยกับญี่ปุ่น ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น ขอให้เชื่อมั่น ส่วนตัวคาดหวังการลงทุนเทคโนโลยีแบบใหม่ให้มากขึ้น แลกเปลี่ยนนวัตกรรม วันนี้ถือว่า ตัวเองคุยกับเพื่อนที่ใกล้ชิด ท่านคาดหวังอะไรจากผม ผมก็คาดหวังอะไรจากท่าน ก็คาดหวังสิ่งที่เป็นอนาคต ที่ต้องเริ่มวันนี้ ไทยกำลังปฏิรูป เปลี่ยนแปลงประเทศเรา ให้มีความพร้อมในการดูแลประเทศอื่นๆ ที่กำลังพัฒนา ต้องทำให้ไทยหลุดพ้นจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางโดยเร็ว แน่นอนว่า เราทำคนเดียวไม่ได้ ก็คาดหวังจากท่านด้วยคำยืนยันนี้

นักลงทุนชาวญี่ปุ่น ถามอีกว่า รัฐบาลไทยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่อีอีซี ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ท่านมั่นใจว่าเราจะรักษาในเรื่องการลงทุนให้มีความต่อเนื่อง เรามีแผนพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ในช่วง 5 ปีแรก และในระยะต่อไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ และยังจะมี นอร์ธอีซี เซาธ์อีซี เวสต์อีซี เชื่อมโยงเศรษฐกิจตะวันออก เราได้เอาแผนทั้งหมดมาเชื่อมโยงหมดแล้ว และเราก็สร้างเป็นแผนพัฒนาประเทศของเรา เราสร้างความเชื่อมโยงให้การบริการ การลงทุนในพื้นที่ และยึดโยงกับประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย เรามีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่มีศักยภาพสนับสนุนการลงทุนในแถบภูมิภาคนี้ หากเชื่อมโยงตรงนี้ได้ ก็นำไปสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 จังหวัด และนำไปสู่คลัสเตอร์จังหวัดอื่นๆ นำไปสู่การยึดโยงประเทศรอบบ้านอีกด้วย ขอให้ทุกคนมั่นใจ

ส่วนเรื่องการลงทุน ขอบคุณญี่ปุ่น ที่ได้ศึกษารถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-เชียงใหม่ และทราบว่า ท่านสนใจสร้างรถไฟทางคู่ และท่าเรือ ท่าอากาศยาน ท่านก็จะมีส่วนร่วมในโครงการเหล่านี้ ใน 5 ปีแรก จะมีแต่โครงการเหล่านี้ แผนทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพราะตัวเองดูตัวอย่างพัฒนาจากญี่ปุ่น ดูว่าสามารถเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมได้อย่างไร ไทยก็พยายามคิดบ้าง เพื่อพัฒนาประเทศ ก็ขอให้มั่นใจ เชื่อมั่นตัวเอง เชื่อมั่นประเทศไทย และทุกอย่างเป็นกฎหมาย เปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่แล้ว

นักลงทุนชาวญี่ปุ่น ถามต่อไปว่า ไทยคาดหวังให้ญี่ปุ่นช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนเอสเอ็มอี ที่มีบทบาทสำคัญต่อประเทศอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราให้ความสำคัญมาก เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการผลิต การส่งออก และพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจของไทย สิ่งที่ต้องการ คือ เราจะพัฒนาเอสเอ็มอีเราอย่างไร วันนี้ได้มีการแยกประเภทเป็นหลายกลุ่ม คือ กลุ่มที่มีศักยภาพเข้มแข็ง กลุ่มที่พร้อมขยายในประเทศ กลุ่มที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งหมดเพื่อให้เขาเรียนรู้ระบบการค้าสากล ก็หวังว่าจะทำให้ทั้งสามกลุ่มเชื่อมโยงกันได้ หากเอสเอ็มอีเราพร้อมลงทุนในต่างประเทศ ก็หวังว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการเชื่อมโยงกันทั้งสองประเทศ แลกเปลี่ยนมูลค่าการส่งออกระหว่างกัน หากเราทำให้เอสเอ็มอีเข้มแข็ง นั่นคือการเข้มแข้งจากภายใน ก็จะเสริมให้ความเข้มแข็งของประเทศมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวชอบอาหารญี่ปุ่น เมื่อไรก็ตามที่เบื่ออาหารต่างๆ ทานอะไรไม่ได้ ก็จะทานอาหารญี่ปุ่น เพราะทานง่าย ร้านอาหารในเมืองเต็มไปหมด ศูนย์การค้าก็เยอะแยะไปหมด ก็ห่วงว่าญี่ปุ่นจะไม่มีเนื้อรับประทานอีกต่อไป หลายประเทศทานเนื้อ มัตสึซากะ หรือโกเบ ญี่ปุ่นก็ต้องรีบผลิต เดี๋ยวจะไม่มี และในวันข้างหน้า ไทยฝากผลไม้ เนื้อหมูแช่แข็ง ไปญี่ปุ่นด้วย ก็เหมือนกับที่ได้หารือกันไปก่อนหน้านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น