สื่อดังของพม่า Eleven Media เผย"หมอดูอีที" หมอดูพิการชาวพม่า ที่คนดัง-นักการเมืองไทย ชอบไปดูดวงด้วยความเลื่องลือในเรื่องความแม่นยำ เสียชีวิตแล้วช่วงเช้าตรู่วานนี้ ที่บ้านในกรุงย่างกุ้ง ในวัย 58 ปี
วานนี้ (10 ก.ย.) เมื่อช่วงเที่ยงตามเวลาประเทศไทย Eleven Media Group สื่อพม่าชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเพจ Eleven Media Group ระบุว่า ส่วยส่วย วิน หรือที่รู้จักกันดีในนาม“หมอดูอีที”วัย 58 ปี หมอดูชื่อดังชาวพม่า เสียชีวิตแล้ว เมื่อเช้าวันนี้ (10 ก.ย.) เมื่อเวลา 04.20 น. ที่บ้านพักในเขต Thingangyun ทางตะวันออกของเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
“หมอดูอีที”นั้น มีชื่อเสียงอย่างมาก แม้เจ้าตัวจะพิการ มือเท้าหงิก พูดไม่ได้ แต่สามารถดูดวงได้แม่นราวกับตาเห็น โดยสื่อสารผ่านการอ่านปากของ “มะตีตี้”ผู้เป็นน้องสาว ทำให้นักธุรกิจ นักการเมือง และคนดังจากทั่วทุกสารทิศ โดยเฉพาะนักธุรกิจและนักการเมืองคนไทย ต่อคิวกันขอดูดวง
เรื่องราวของ“หมอดูอีที”นั้น ทีมงาน MGR Online เคยบุกไปเจาะเรื่องราวแบบละเอียดยิบถึงพม่า ตั้งแต่ปี 2555
หมอดูอีที เกิดในครอบครัวคนธรรมดา ไม่ได้พิการแต่กำเนิด "พ่อเป็นผู้จัดการธนาคาร เป็นคนธรรมดาสามัญชน ไม่ได้พิการแต่กำเนิด พออายุ 15 เขาไปไหว้พระแล้วไม่สบายมากๆ อยู่ๆ หูก็หนวกไม่ได้ยิน พูดก็ไม่ได้ ทั้งที่ตอนแรกพูดได้ มะตีตี้ ผู้เป็นน้องสาว ห่างกับหมอดูอีที 2 ปี หมอดูอีที จะพูดช้ากว่าคนอื่น สมมติคนอื่นพูดได้ตอน 2 ขวบครึ่ง เขาก็จะพูดตอน 3 ขวบ หมอดุอีที จะอยู่กับมะตีตี้ตลอด เวลาจะทำอะไร หมอดูอีที ก็จะทำตามน้องตลอด
แต่ตอนที่หูไม่ได้ยิน เธอกลับยิ่งได้พลังเยอะมาก เริ่มแสดงความมหัศจรรย์ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พูดอะไรก็แม่นมาก สามารถบอกได้ว่า ใครคือโจร ใครคือขโมย ตอนที่แสดงให้รู้ว่าหมอดูอีที ดูดวงได้ก็คือ ตอนที่เธออายุ 9 ขวบ แล้วลุงของเขามาที่บ้าน บอกว่าแหวนหาย ก็จะจับคนแถวบ้านไปให้ตำรวจ เพราะเข้าใจว่าเป็นคนขโมย หมอดูอีที บอกว่าคนนี้ไม่ใช่ขโมยนะ แหวนมันอยู่ในลิ้นชักในตู้ ให้ไปดูดีๆ ลุงก็เลยกลับไปค้นดู แล้วก็หาเจอจริงๆ เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนรู้ว่า หมอดูอีที มีฌานพิเศษ
"หมอดูอีทีสามารถเห็นผีได้ มีคนรวยที่อินโดนีเซียจะซื้อบ้าน ก็เชิญหมอดูอีทีไปดูให้ พอหมอดูอีทีไปเขาก็ถอย ไม่ยอมเข้าบ้าน เพราะเขาเห็นผู้หญิงคนนึงท้องและตายอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่เขาก็กลัวมาก ตอนนี้ก็ยังกลัว อย่างเวลาไปไหว้พระ เขาก็เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์"
แต่ก็มีเหมือนกัน ที่เขากลัวกับการที่เห็นสิ่งเหล่านี้ เขาเคยอยากเป็นคนธรรมดา เพราะอย่างเวลาที่เขาต้องช่วยคน อย่างคนที่โดนไสยศาสตร์มา แล้วหมอดูอีทีต้องช่วยเอาออก เธอก็ต้องโดนด้วย เธอก็เหนื่อยล้าเหมือนกัน ก็เลยทำให้บางทีก็ไม่อยากดูหมอแล้ว แต่พอได้ช่วยคน ก็คิดว่าชาติหน้าจะได้ไม่พิการ ก็เลยยินดีจะทำต่อไป
"ตอน 2 ขวบหมอดูอีที พูดได้ เธอบอกว่า อดีตชาติเขาเคยหักมือแม่ พอแม่ตายไป แล้วเธอโตขึ้นมา ก็ไปเป็นมัคทายกของวัด แล้วถูกโจรที่มาปล้นวัด เอาน้ำร้อนมาลวกตนทั้งตัว พอเกิดมาชาตินี้ก็เลยเกิดมาร่างกายไม่สมบูรณ์"
ส่วนที่หลายคนสงสัยว่าเจ้าตัวมีพลังอะไรหรือเปล่า ถึงได้แม่นราวกับมีพรายกระซิบนั้น“มะตีตี้”น้องสาว ได้เฉลยว่า...
"เธอบอกว่า มีแม่ที่เป็นเทวดาที่ดูแลเธออยู่ เป็นคนบอกให้เธอบอกคน ดูดวงให้คน เวลาจะทำนายดวง ก็จะมีเทวดา ซึ่งก็คือแม่เธอเป็นคนบอก ตอนเด็กๆ ไม่ต้องอ่านหนังสือเลย แต่เวลาสอบได้ที่หนึ่งตลอด เพราะแม่เธอบอก"
**หมดูอีทีฟันเงินค่าดูดวง เดือนละ350 ล้าน
ส่วนวิธีการดูดวงของหมอดูอีที ไม่ต้องใช้ตัวช่วยใดๆ ทั้งสิ้น แค่เห็นหน้าไม่ต้องบอกวันเดือนปีเกิด หมอดูอีที ก็สามารถบอกได้เลยว่าคนนี้ ชื่ออะไร เกิดวันที่เท่าไหร่ เกิดที่ไหน ซึ่งเป็นที่สังเกตุว่า เวลาดูดวงหมอ ดูอีที จะต้องมองเพ่งไปที่หิ้งพระทุกครั้ง พอมองเสร็จ ก็จะเขียนหรือพูดกับมะตีตี้ ให้ถ่ายทอดออกมา ราวกับว่ามีใครที่อยู่บนหิ้งพระคอยบอก ใครที่ได้ดูดวงกับหมอดูอีที ต่างก็อึ้งไปตามๆกัน
อีกอย่างหนึ่งที่ทึ่งไม่แพ้กัน นั่นก็คือ การทายตัวเลขธนบัตร โดยหมอดูอีที จะให้เราวางกระเป๋าเงินไว้ จากนั้นก็จะแตะที่กระเป๋า แล้วก็จะเขียนเลขบนกระดาษเป็นเลข 7 ตัว ซึ่งเป็นเลขในแบงก์ของเรา พอเปิดออกมาก็ตรงเป๊ะทุกตัวเลข อย่างเหลือเชื่อ โดยหมอดูอีที จะให้เราเก็บแบงก์นั้นไว้เป็นแบงก์โชคดีติดตัวไปตลอดชีวิต เรื่องนี้ “ต๊ะ นิรัตติศัย กัลย์จาฤก”ผู้กำกับชื่อดังของไทย เคยลองดีมาแล้ว ผลปรากฏว่า ตรงเผง จนเจ้าตัวซูฮก เกิดความศรัทธามาเป็น 10 ปีแล้ว
นักข่าวเองก็เห็นมากับตา เพราะแค่เอารูปแฟนให้หมอดูอีทีดู เจ้าตัวจะสามารถบอกชื่อ และนามสกุลได้ถูกต้องยังกับอ่านมาจากทะเบียนบ้าน แม่นจนทุกสาขาอาชีพ แห่แหนมาใช้บริการ ทั้ง นักธุรกิจ นักการเมือง คนใหญ่คนโตจากทั่วโลก แม้แต่นักโทษชาย“ทักษิณ ชินวัตร" และ อดีตภรรยา อย่าง“พจมาน ณ ป้อมเพชร” ก็เป็นหนึ่งในลูกค้า ยอมเสียเงิน เสียเวลา ไปให้ตรวจดวง ส่วนราค่าดูดวงก็สมราคาคุย 30,000 บาท ในเวลา 15 นาที ซึ่งแต่ละเดือนหมอดูอีที ฟันเงินได้กว่า 350 ล้าน สูงที่สุดในบรรดาหมอดูด้วยกัน เรียกว่าดูดวงอย่างเดียว ก็สบายไปทั้งชาติ
วานนี้ (10 ก.ย.) เมื่อช่วงเที่ยงตามเวลาประเทศไทย Eleven Media Group สื่อพม่าชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเพจ Eleven Media Group ระบุว่า ส่วยส่วย วิน หรือที่รู้จักกันดีในนาม“หมอดูอีที”วัย 58 ปี หมอดูชื่อดังชาวพม่า เสียชีวิตแล้ว เมื่อเช้าวันนี้ (10 ก.ย.) เมื่อเวลา 04.20 น. ที่บ้านพักในเขต Thingangyun ทางตะวันออกของเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
“หมอดูอีที”นั้น มีชื่อเสียงอย่างมาก แม้เจ้าตัวจะพิการ มือเท้าหงิก พูดไม่ได้ แต่สามารถดูดวงได้แม่นราวกับตาเห็น โดยสื่อสารผ่านการอ่านปากของ “มะตีตี้”ผู้เป็นน้องสาว ทำให้นักธุรกิจ นักการเมือง และคนดังจากทั่วทุกสารทิศ โดยเฉพาะนักธุรกิจและนักการเมืองคนไทย ต่อคิวกันขอดูดวง
เรื่องราวของ“หมอดูอีที”นั้น ทีมงาน MGR Online เคยบุกไปเจาะเรื่องราวแบบละเอียดยิบถึงพม่า ตั้งแต่ปี 2555
หมอดูอีที เกิดในครอบครัวคนธรรมดา ไม่ได้พิการแต่กำเนิด "พ่อเป็นผู้จัดการธนาคาร เป็นคนธรรมดาสามัญชน ไม่ได้พิการแต่กำเนิด พออายุ 15 เขาไปไหว้พระแล้วไม่สบายมากๆ อยู่ๆ หูก็หนวกไม่ได้ยิน พูดก็ไม่ได้ ทั้งที่ตอนแรกพูดได้ มะตีตี้ ผู้เป็นน้องสาว ห่างกับหมอดูอีที 2 ปี หมอดูอีที จะพูดช้ากว่าคนอื่น สมมติคนอื่นพูดได้ตอน 2 ขวบครึ่ง เขาก็จะพูดตอน 3 ขวบ หมอดุอีที จะอยู่กับมะตีตี้ตลอด เวลาจะทำอะไร หมอดูอีที ก็จะทำตามน้องตลอด
แต่ตอนที่หูไม่ได้ยิน เธอกลับยิ่งได้พลังเยอะมาก เริ่มแสดงความมหัศจรรย์ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พูดอะไรก็แม่นมาก สามารถบอกได้ว่า ใครคือโจร ใครคือขโมย ตอนที่แสดงให้รู้ว่าหมอดูอีที ดูดวงได้ก็คือ ตอนที่เธออายุ 9 ขวบ แล้วลุงของเขามาที่บ้าน บอกว่าแหวนหาย ก็จะจับคนแถวบ้านไปให้ตำรวจ เพราะเข้าใจว่าเป็นคนขโมย หมอดูอีที บอกว่าคนนี้ไม่ใช่ขโมยนะ แหวนมันอยู่ในลิ้นชักในตู้ ให้ไปดูดีๆ ลุงก็เลยกลับไปค้นดู แล้วก็หาเจอจริงๆ เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนรู้ว่า หมอดูอีที มีฌานพิเศษ
"หมอดูอีทีสามารถเห็นผีได้ มีคนรวยที่อินโดนีเซียจะซื้อบ้าน ก็เชิญหมอดูอีทีไปดูให้ พอหมอดูอีทีไปเขาก็ถอย ไม่ยอมเข้าบ้าน เพราะเขาเห็นผู้หญิงคนนึงท้องและตายอยู่ในบ้านหลังนี้ แต่เขาก็กลัวมาก ตอนนี้ก็ยังกลัว อย่างเวลาไปไหว้พระ เขาก็เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์"
แต่ก็มีเหมือนกัน ที่เขากลัวกับการที่เห็นสิ่งเหล่านี้ เขาเคยอยากเป็นคนธรรมดา เพราะอย่างเวลาที่เขาต้องช่วยคน อย่างคนที่โดนไสยศาสตร์มา แล้วหมอดูอีทีต้องช่วยเอาออก เธอก็ต้องโดนด้วย เธอก็เหนื่อยล้าเหมือนกัน ก็เลยทำให้บางทีก็ไม่อยากดูหมอแล้ว แต่พอได้ช่วยคน ก็คิดว่าชาติหน้าจะได้ไม่พิการ ก็เลยยินดีจะทำต่อไป
"ตอน 2 ขวบหมอดูอีที พูดได้ เธอบอกว่า อดีตชาติเขาเคยหักมือแม่ พอแม่ตายไป แล้วเธอโตขึ้นมา ก็ไปเป็นมัคทายกของวัด แล้วถูกโจรที่มาปล้นวัด เอาน้ำร้อนมาลวกตนทั้งตัว พอเกิดมาชาตินี้ก็เลยเกิดมาร่างกายไม่สมบูรณ์"
ส่วนที่หลายคนสงสัยว่าเจ้าตัวมีพลังอะไรหรือเปล่า ถึงได้แม่นราวกับมีพรายกระซิบนั้น“มะตีตี้”น้องสาว ได้เฉลยว่า...
"เธอบอกว่า มีแม่ที่เป็นเทวดาที่ดูแลเธออยู่ เป็นคนบอกให้เธอบอกคน ดูดวงให้คน เวลาจะทำนายดวง ก็จะมีเทวดา ซึ่งก็คือแม่เธอเป็นคนบอก ตอนเด็กๆ ไม่ต้องอ่านหนังสือเลย แต่เวลาสอบได้ที่หนึ่งตลอด เพราะแม่เธอบอก"
**หมดูอีทีฟันเงินค่าดูดวง เดือนละ350 ล้าน
ส่วนวิธีการดูดวงของหมอดูอีที ไม่ต้องใช้ตัวช่วยใดๆ ทั้งสิ้น แค่เห็นหน้าไม่ต้องบอกวันเดือนปีเกิด หมอดูอีที ก็สามารถบอกได้เลยว่าคนนี้ ชื่ออะไร เกิดวันที่เท่าไหร่ เกิดที่ไหน ซึ่งเป็นที่สังเกตุว่า เวลาดูดวงหมอ ดูอีที จะต้องมองเพ่งไปที่หิ้งพระทุกครั้ง พอมองเสร็จ ก็จะเขียนหรือพูดกับมะตีตี้ ให้ถ่ายทอดออกมา ราวกับว่ามีใครที่อยู่บนหิ้งพระคอยบอก ใครที่ได้ดูดวงกับหมอดูอีที ต่างก็อึ้งไปตามๆกัน
อีกอย่างหนึ่งที่ทึ่งไม่แพ้กัน นั่นก็คือ การทายตัวเลขธนบัตร โดยหมอดูอีที จะให้เราวางกระเป๋าเงินไว้ จากนั้นก็จะแตะที่กระเป๋า แล้วก็จะเขียนเลขบนกระดาษเป็นเลข 7 ตัว ซึ่งเป็นเลขในแบงก์ของเรา พอเปิดออกมาก็ตรงเป๊ะทุกตัวเลข อย่างเหลือเชื่อ โดยหมอดูอีที จะให้เราเก็บแบงก์นั้นไว้เป็นแบงก์โชคดีติดตัวไปตลอดชีวิต เรื่องนี้ “ต๊ะ นิรัตติศัย กัลย์จาฤก”ผู้กำกับชื่อดังของไทย เคยลองดีมาแล้ว ผลปรากฏว่า ตรงเผง จนเจ้าตัวซูฮก เกิดความศรัทธามาเป็น 10 ปีแล้ว
นักข่าวเองก็เห็นมากับตา เพราะแค่เอารูปแฟนให้หมอดูอีทีดู เจ้าตัวจะสามารถบอกชื่อ และนามสกุลได้ถูกต้องยังกับอ่านมาจากทะเบียนบ้าน แม่นจนทุกสาขาอาชีพ แห่แหนมาใช้บริการ ทั้ง นักธุรกิจ นักการเมือง คนใหญ่คนโตจากทั่วโลก แม้แต่นักโทษชาย“ทักษิณ ชินวัตร" และ อดีตภรรยา อย่าง“พจมาน ณ ป้อมเพชร” ก็เป็นหนึ่งในลูกค้า ยอมเสียเงิน เสียเวลา ไปให้ตรวจดวง ส่วนราค่าดูดวงก็สมราคาคุย 30,000 บาท ในเวลา 15 นาที ซึ่งแต่ละเดือนหมอดูอีที ฟันเงินได้กว่า 350 ล้าน สูงที่สุดในบรรดาหมอดูด้วยกัน เรียกว่าดูดวงอย่างเดียว ก็สบายไปทั้งชาติ