จำเลยคดีทุจริตการระบายข้าวหรือจีทูจีเก๊ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุกไปแล้ว 15 คน นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 14 แม้จะเป็นผู้สนับสนุนการทำผิด ไม่ใช่ตัวการ แต่ก็โดนลงโทษหนักที่สุด จำคุก 48 ปี
หนักกว่าตัวการ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ คือ นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว ที่โดนจำคุกตั้งแต่ 24 ปีถึง 42 ปี
เสี่ยเปี๋ยงโดนจำคุกมากกว่าเพื่อน แม้จะเป็นเพียงผู้สนับสนุนรับโทษแค่ 2 ใน 3 ของตัวการ เพราะโดนหมด 4 กระทง 4 สัญญาจีทูจีเก๊ ที่เป็นมูลเหตุแห่งคดีกระทงละ 12 ปี ในขณะที่นายภูมิ และนายบุญทรง โดนคนละ 2 กระทง เพราะอนุมัติการระบายข้าวคนละ 2 สัญญา นายมนัส นายฑิฆัมพร และนายอัครพงศ์โดน 4 กระทงเหมือนเสี่ยเปี๋ยง แต่โดนจำคุกแต่ละกระทงน้อยกว่ากระทงละ 6-10 ปี
นอกจากตัวเสี่ยเปี๋ยงเองแล้ว ลูกสาว เลขานุการส่วนตัว ฝ่ายบัญชี คนส่งเอกสาร พนักงานบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด รวม 9 คน ถูกจำคุกต่ำสุด 4 ปี สูงสุด 32 ปี เพราะมีส่วนร่วมในขั้นตอนต่างๆ ของกระบวนการจีทูจีเก๊ ตั้งแต่เป็นหุ่นเชิดรับมอบอำนาจจากบริษัท กวางตุ้งฯ และบริษัท ไห่หนานฯ เป็นผู้ถือหุ้นกรรมการบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ทำนิติกรรมแทนเสี่ยเปี๋ยง เป็นคนติดต่อประสานงานโรงสี ผู้ส่งออกในประเทศมาซื้อข้าว เป็นคนโอนเงิน ทำแคชเชียร์เช็คร้อยกว่าฉบับ จ่ายค่าข้าวให้กรมการค้าต่างประเทศ
จำเลยที่ยังไม่โดนลงโทษอีก 3 คน คนหนึ่งคือน้องสาวแท้ๆ ของเสี่ยเปี๋ยง นางสาวสุนีย์ จันทร์สกุลพร ไม่มาฟังคำพิพากษาวันที่ 25 สิงหาคม อ้างว่า ป่วยจากอาหารเป็นพิษ ศาลออกหมายจับ ให้ตำรวจจับตัวมาฟังคำพิพากษาในวันที่ 27 กันยายน
คนที่สองนายสุธี เชื่อมไธสง เป็นพนักงานบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เป็นคนรับมอบอำนาจจากบริษัท กวางตุ้งฯ ทำสัญญากับกรมการค้าต่างประเทศ หลบหนีไปตั้งแต่ยังไม่เริ่มพิจารณาคดี
คนที่สามที่หลบหนีไปไม่เคยมาขึ้นศาลเลยคือ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ หรือหมอโด่ง เป็นคนสำคัญในขบวนการจีทูจีเก๊ครั้งนี้ โครงการจำนำข้าวคือ การที่รัฐบาลผูกขาดกว้านซื้อข้าวทุกเมล็ดไปเก็บไว้ในโกดัง ด้วยการตั้งราคาที่สูงกว่าราคาตลาด พ่อค้าข้าวคนใดอยากได้ข้าวไปขาย ต้องซื้อกับหมอโด่ง
หมอโด่ง คือคนสนิทของเสี่ยเปี๋ยง ที่ถูกส่งไปนั่งเป็นเลขานุการของนายภูมิ ซึ่งเป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าว เมื่อนายภูมิพ้นจากตำแหน่ง รมช.กระทรวงพาณิชย์ นายบุญทรง ย้ายจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง มาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ และเป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าวแทนนายภูมิ หมอโด่งก็ยังถูกวางตัวประกบนายบุญทรง ในฐานะเลขานุการ รมต.พาณิชย์ด้วย
หมอโด่งยังเป็นอนุกรรมการทั้ง 4 ชุด ในคณะกรรมการนโยบายข้าว ที่แต่งตั้งโดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมทั้งอนุกรรมการระบายข้าวด้วย
ในทางกฎหมายคดีจีทูจีเก๊เป็นการเอาผิดกับเจ้าพนักงานรัฐ เสี่ยเปี๋ยง และเครือญาติ บริวารไม่ใช่เจ้าพนักงานรัฐ เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าพนักงานรัฐ
ในทางปฏิบัติ พฤติการณ์ของเสี่ยเปี๋ยงกับพวกตามคำพิพากษาฉบับเต็มที่เผยแพร่เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน เสี่ยเปี๋ยงคือตัวการที่วางแผน สั่งการ ลงมือทุกขั้นตอนในกระบวนการจีทูจีเก๊
เรื่องที่ “กูพูดไม่ได้” ที่นายบุญทรง เคยพูดกับนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ คงจะมีเรื่องบทบาทของเสี่ยเปี๋ยงรวมอยู่ด้วย
เสี่ยเปี๋ยงติดคุกอยู่ที่เรือนจำสมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ในคดียักยอกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ ที่ว่าจ้างให้บริษัท เพรสซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง ปรับปรุงข้าวเพื่อส่งออกไปอิหร่าน 2 ครั้ง ครั้งแรก 20,000 ตัน ครั้งที่สอง 44,000 ตัน แต่เสี่ยเปี๋ยงยักยอกข้าวไปขายต่างประเทศ โดยส่งคืนข้าวที่รับไปครั้งแรกแค่ 2,600 ตัน ครั้งที่สองส่งคืน 30,000 กว่าตัน ยักยอกเอาไว้ 4,700 ตัน
เสี่ยเปี๋ยงถูกฟ้องสองคดี ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกคดีละ 3 ปีรวม 6 ปี และให้ชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 200 ล้านบาท เสี่ยเปี๋ยงยื่นขอประกันตัวระหว่างฎีกา แต่ศาลไม่อนุญาต
คดีจีทูจีเก๊ที่เสี่ยเปี๋ยงถูกจำคุก 48 ปี ต้องนับโทษต่อจากคดียักยอกข้าวสองคดี รวมเวลาที่เสี่ยเปี๋ยงต้องติดคุก 54 ปี
ยังมีคดีจีทูจีข้าวเก๊รอบสอง และคดีจีทูจีเก๊มันสำปะหลังที่เสี่ยเปี๋ยง เป็นจำเลย ซึ่งคดียังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาสั่งฟ้องของอัยการ
นอกจากนี้ เสี่ยเปี๋ยงยังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดร่วมกับนายวัฒนา เมืองสุข ในคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร โดยมีพฤติการณ์แบบเดียวกับคดีระบายข้าว คือ เรียกผลประโยชน์ จากผู้รับเหมาที่ต้องการรับงานก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร
บทบาทและอิทธิพลของเสี่ยเปี๋ยง ที่ทำให้เขากลายเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ในยุคของทักษิณ และยิ่งลักษณ์ และยังโกงข้ามกระทรวงไปถึงกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ในยุคที่นายวัฒนา เป็นรัฐมนตรี เป็นเพราะเขาคือคนสนิทของทักษิณ ชินวัตร
เสี่ยเปี๋ยง เคยให้สัมภาษณ์สื่อสำนักหนึ่งเมื่อ พ.ศ. 2547 ว่า เขารู้จักทักษิณตอนทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยร่วมคณะผู้ส่งออกข้าวไปพบทักษิณที่ทำเนียบรัฐบาล เขาขอให้ทักษิณช่วยหาข้าวเพื่อส่งออกไปยังอินโดนีเซีย ตอนนั้นเสี่ยเปี๋ยงซึ่งทำโรงสีอยู่ที่บางมูลนาก จังหวัดพิจิตร เพิ่งจะเข้าสู่วงการค้าข้าว ส่งออกข้าว มีออร์เดอร์จากต่างประเทศ แต่ไม่มีข้าวที่จะส่งออก ทักษิณช่วยให้เสี่ยเปี๋ยงส่งออกได้สำเร็จ และเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ “เสี่ยเปี๋ยงคนสนิทของทักษิณ”
ไอเดียการกว้านซื้อข้าวมาเก็บไว้เพียงคนเดียว ซึ่งเป็นที่มาของโครงการจำนำข้าว อาจจะมีที่มาจากตรงนี้ก็ได้ เพราะคนฉลาดปราดเปรื่องทันโลกอย่างทักษิณ คงไม่คิดโง่ๆ ว่า ถ้าประเทศไทย ไม่ขายข้าวให้ตลาดโลก ข้าวจะขาดแคลน เมื่อข้าวขาดแคลน ประเทศไทยจะตั้งราคาขายเท่าไรก็ได้ เพราะทุกประเทศต้องมาซื้อข้าวจากประเทศไทยเพียงประเทศเดียว
โครงการจำนำข้าวที่เป็นการทุจริตครั้งมโหฬาร น่าจะมีที่มาจาก “เสี่ยเปี๋ยงคิด ทักษิณสั่ง ยิ่งลักษณ์ทำ”