xs
xsm
sm
md
lg

บรรยากาศในเวทีโลกที่กำลังเปลี่ยนไป

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

นางนิกกี้ ฮาเลย์ ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ
ช่วงระหว่างนี้...คงต้องเตร่ไป เตร่มา ร่อนไป ร่อนมา แถวๆ นอกบ้าน นอกประเทศ น่าจะเหมาะกว่า เพราะถ้าหวนกลับไปในเล้าไก่ คงหนีไม่พ้นต้องหันไปจิกตี ไปด่าว่า ด่าทอ ใครต่อใครอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ เพราะบ้านเราช่วงนี้ ชักมีอะไรให้ต้องด่า ต้องว่า มากมายและชุลมุนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยเหตุเพราะตัวเองก็แก่แล้ว!!! เรี่ยวแรง กำลังวังชา ทั้งแรงปาก แรงขา มันชักเสื่อมๆ สภาพไปตามวัน เวลา ตามวัยและสังขาร จะให้ “ช่วยหามลุง...ไปตีกับมันที” คงไม่น่าจะเข้าท่าซักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นคงต้องขออนุญาตประคองปาก ประคองปีก มาว่ากันในเรื่องต่างประเทศไปพลางๆ...

และสำหรับต่างประเทศระยะนี้...โดย “ไฮไลต์” คงหนีไม่พ้นไปจากเรื่อง “ทรัมป์บ้า” กับ “คิมน้อย” อีกนั่นแหละ ซึ่งต่างฝ่ายต่างยังคง “ด่ากันไม่เสร็จ” ชนิดไม่ต้องเสียเวลายืมปากใครต่อใครเอาเลยแม้แต่น้อย แถมนานวัน...ยิ่งด่าเจ็บ ด่าแสบ หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ขนาดถึงขั้นหยิบเอาคำว่า “กะหรี่ทางการเมือง” มาสาดใส่กันไปแว้วว์ว์ว์ คือหลังจาก “สาวเปรี้ยว” ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ “นางนิกกี้ ฮาเลย์” ออกมาป่าวประกาศว่าเกาหลีเหนือนั้น กำลัง “วอนทั้งโลกโขกหัวเธอ” หรือกำลังวอนขอสงคราม (Begging for War) สำนักข่าวทางการของเกาหลีเหนือ KCNA วานนี้ เลยต้องออกมาตอบโต้นางฮาเลย์ถึงขั้นใช้คำเรียกขานตัวเธอว่า “กะหรี่การเมือง “ (Political Prostitute) เอาเลยถึงปานนั้น แถมยังชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้ด้วยว่า...“แม้ว่าเธออาจโง่ฉิบหายเพียงใดก็ตามที แต่นิกกี้ควรระวังลิ้นของเธอเอาไว้มั่ง ไม่งั้นรัฐบาลสหรัฐฯ นั่นแหละจะต้องเป็นผู้จ่ายตอบแทนราคาแพงสำหรับการตวัดลิ้นของเธอ” นี่...หนักซะยิ่งกว่าการด่า การทอ ของคอลัมนิสต์ระดับมือวางในบ้านเราไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...

แต่นอกเหนือไปจากบรรยากาศการด่า การทอ ซึ่งอาจหยิบเอามาเป็นสาระไม่ค่อยจะได้แล้ว...สิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือความเคลื่อนไหวของประเทศที่คงต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาคาบสมุทรเกาหลี ไม่ว่าในทางหนึ่ง ทางใด อย่างเช่น รัสเซีย เป็นต้น ที่คอลัมนิสต์ประเภทที่จัดเป็นนักคิด นักสังเกตการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ ระดับ “มือวาง” รายหนึ่งคือ “เอ็ม เค ภัทรกุมาร” เขาได้เขียนเป็นบทความไว้ในเอเชียไทมส์ ออนไลน์ และเว็บไซต์ผู้จัดการของเราเอามาถ่ายทอดต่อเมื่อวันวานในชื่อเรื่องว่า... “ปูติน(กำลัง)ขโมยก้าวสำคัญ-มุ่งแก้ปัญหาเกาหลีเหนือ-ขณะทรัมป์ยังมัวทวิตด่าทอตอบโต้โสมแดง” นั่นแล ใครที่สนใจเรื่องนี้คงต้องลองหันไปอ่านทบทวนกันอีกซักสองรอบ สามรอบ...

หรือถ้าหากสรุปโดยคร่าวๆ ก็คงประมาณว่า...ขณะที่ “ทางออก” ของปัญหาคาบสมุทรเกาหลี มันชักหนักไปทางใกล้ๆ ต้องหันไปใช้ “ทางเลือกทางทหาร” เข้าไปทุกที แต่รัสเซียซึ่งมีจุดยืนเช่นเดียวกันกับจีน คือปฏิเสธการแก้ปัญหาด้วยกรรมวิธีทางทหาร และยืนหยัดยืนยันที่จะหาทางทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์ให้จงได้ ได้จัดเวทีหารือทางเศรษฐกิจที่เรียกกันว่า “Eastern Economic Forum” ขึ้นที่เมืองวลาดิวอสต๊อกเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยงานนี้...มีการเชิญทั้งตัวแทนเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ ให้มาร่วมจับเข่า จับหัวเหน่า พูดคุยกันในเรื่องโครงการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าโครงการขยายทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียจากรัสเซียผ่านเกาหลีเหนือเข้าไปให้ถึงเกาหลีใต้ โครงการพัฒนาท่อส่งแก๊ส ส่งน้ำมัน จากแหล่งพลังงานในภาคตะวันออกของรัสเซียผ่านเข้าไปยังสองประเทศตระกูลคิม ชนิดสามารถอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ไปด้วยกันทุกฝ่าย ไปจนถึงโครงการผ่านกระแสไฟฟ้าราคาถูกที่เป็นส่วนเกินของรัสเซีย เข้าไปสร้างความสว่างไสวทั่วทั้งคาบสมุทรเกาหลีแทนความสว่างไสวจากไฟนรกสุดขอบฟ้ากันแทนที่...ฯลฯ ฯลฯ...
นายมุน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้  - นายหวัง หยาง รองนายกฯ จีน
และในเวทีที่ว่านี้...นักการเมืองสายกลางผู้ใฝ่หาสันติภาพมาโดยตลอด อย่างประธานาธิบดี “มุน แจ-อิน” ของเกาหลีใต้ ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมพูดคุยเจรจากับตัวแทนของเกาหลีเหนือ ร่วมกับผู้หวังจะจุดประกายไฟแห่งสันติภาพแทนที่ไฟสงครามอย่างรัสเซีย จนความร่วมมือที่เรียกว่า “ไตรภาคี” ชักเริ่มปรากฏเป็นรูป เป็นร่าง ขึ้นมาบ้างแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น...ยังมีรองนายกรัฐมนตรีจีน อย่าง “นายหวัง หยาง” (Wang Yang) หนึ่งในผู้ดูแลรับผิดชอบโครงการ “One Belt, One Road” เข้าร่วมพูดคุย หารือ อย่างเป็นทางการและเป็นกระบวนการ จนทำให้สิ่งที่ทั้งจีนและรัสเซียได้ระบุไว้ในแถลงการณ์ร่วมระหว่างการประชุมกลุ่ม “BRICS” ที่เมืองเซี๊ยะเหมินเมื่อไม่นานมานี้ว่า สามารถใช้เป็นทางออก ทางเลือก ในการคลี่คลายปัญหาในคาบสมุทรเกาหลีได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า “การติดต่อที่ใกล้ชิด” และ “ความร่วมมือ” โดยไม่ต้องเสียเวลาไปด่าว่า ด่าทอ ไม่ต้องเสียเวลาไปทำ “สงครามปาก” หรือสงครามใดๆ เอาเลยก็ยังได้...

ขอเพียงแต่...อย่าให้มหาอำนาจสูงสุดแห่งโลกอย่างคุณพ่ออเมริกา ออกมาแสดงบัตรสมาชิก “สมาคมเสือก” ก็แล้วกัน โอกาสคลี่คลายความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี เหมือนอย่างที่เคยเปลี่ยนบรรยากาศสงครามให้กลายเป็น “สันติภาพชั่วคราว” ระหว่างรัฐบาลยูเครนกับฝ่ายกบฏ ภายใต้ “ข้อตกลงที่เมืองมินสก์” โดยมีชาติยุโรปอย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส เข้าร่วมด้วย หรือการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ยุติสงครามกลางเมืองในซีเรีย ที่มีอิหร่าน ตุรกี และรัสเซีย ช่วยรับประกันการันตีความมั่นใจให้กับฝ่ายกบฏและฝ่ายรัฐบาลอย่างค่อนข้างจะได้ผล บรรดาปรากฏการณ์เหล่านี้นี่แหละ...ที่อาจถือเป็นการก่อรูป ก่อร่าง “ระเบียบโลกแบบใหม่” พอให้เห็นขึ้นมาบ้างรางๆ ส่วนสมาชิกสมาคมเสือกอย่างคุณพ่ออเมริกานั้น อาจต้องปล่อยให้ “ธรรมชาติ” หรือให้พายุ “เออร์มา” และ “โฮเซ” ตามไล่ “ตบปาก” ไปเป็นช่วงๆ นั่นแล...
กำลังโหลดความคิดเห็น