"วิรัตน์" จี้รัฐบาลเดินหน้าถอนพาสปอร์ต"ยิ่งลักษณ์"ทันที ไม่ต้องรอคำพิพากษา เหตุเข้าข่ายตามระเบียบกต. ชี้ไม่ทำ เอื้อหนีคดีง่ายขึ้น แนะ "บุญทรง" เปิดปากสารภาพ ใครบงการโกง"จีทูจีเก๊" ผ่อนโทษหนักเป็นเบา เชื่อกอดความจริงไว้กับตัว มีสิทธิตายคาคุก ด้านสื่อนอก เกาะติด สนง.ตร.ไทย ไล่จับ "รถตราโล่พายิ่งลักษณ์หนี"
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และอัยการ ทำเรื่องถึงกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ยกเลิกหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกหมายจับ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ฐานหลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษา คดีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ยับยั้งความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว
ทั้งนี้ เนื่องจากการออกหมายจับของศาล เข้าหลักเกณฑ์ตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 21(2) กำหนดว่า ผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ เห็นว่าไม่ควรจะออกหนังสือเดินทางให้แจ้งต่อกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อยกเลิกทั้งพาสปอร์ตการทูตเล่มแดง และบุคคลธรรมดาเล่มน้ำตาล เพื่อให้สามารถดำเนินการเอาตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาลงโทษโดยเร็ว โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาของศาลฯในวันที่ 27 ก.ย. เพื่อพิสูจน์ว่า รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาดำเนินคดี เพราะหากไม่ยกเลิกพาสปอร์ต เท่ากับเปิดโอกาสให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีระหว่างประเทศง่ายขึ้น เสมือนกับว่ารัฐบาลรู้เห็น ยินยอม ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปไหนก็ได้ รัฐบาลจึงไม่ควรดำเนินการเพียงแค่ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีไปได้อย่างไร ใครปล่อยออกไปเท่านั้น แต่ต้องทำให้กลไกราชการเดินหน้า เพิกถอนพาสปอร์ต น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทันทีด้วย
นายวิรัตน์ ยังแนะนำให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ถูกคุมขังในเรือนจำ จากคดีทุจริตจีทูจีเก๊ ว่า มีทางรอดเดียวที่จะไม่ต้องตายในเรือนจำคือ การสารภาพถึงขบวนการทุจริต ว่ามีใครสั่ง สั่งโดยวิธีใด ถ้าไม่ทำตามคำสั่งแล้วจะมีผลกระทบอย่างไร ใครได้ประโยชน์ ซึ่งหากนายบุญทรง เปิดปากพาดพิงไปถึงผู้บงการ ก็เชื่อว่าองค์คณะที่จะพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์ จะรับฟัง และเป็นเหตุให้มีการบรรเทาโทษได้ อีกทั้งป.ป.ช. จะสามารถตั้งคดีใหม่ เพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้บงการให้เกิดการทุจริต และตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อดึงเงินแผ่นดินกลับมาให้ได้มากที่สุดด้วย แต่หากนายบุญทรง ทำเหมือนที่พูดกับนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ว่าจะให้ความจริงตายไปกับตัว ก็เหลือทางเดียวคือ ตายจริงโดยต้องใช้ชีวิตทั้งหมดในเรือนจำ เนื่องจากยังมีคดีจีทูจีเก๊ ภาคสอง อีก 4 สัญญา ที่มีการกระทำผิดไม่แตกต่างไปจากคดีที่ศาลฎีกาฯ ได้ตัดสินไปแล้ว
เกาะติด "รถตราโล่พายิ่งลักษณ์หนี"
ในขณะที่สเตรทไทม์ส์ สื่อสิงคโปร์ ได้รายงาน ถึงความเคลื่อนไหว การสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อการหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยสื่อสิงคโปร์ชี้ ว่า ในขณะที่โลกโซเชียลฯของไทย พยายามแกะรอยความเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย ก็กำลังตามหารถตำรวจตราโล่ ที่ปรากฏหน้าบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เชื่อว่าช่วยให้น้องสาวทักษิณ หลบหนี
โดยในการแถลงข่าวของโฆษก ตร. ระบุว่า เวลานี้ทางตำรวจ กำลังสอบสวนถึงรถปิกอัพตำรวจ ที่มีรายงานว่าถูกพบว่าขับออกมาจากบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 23 ส.ค หรือ 2 วัน ก่อนที่จะมีการตัดสินคดี ในวันที่ 25 ส.ค
ซึ่งการสอบสวนพบว่า เป็นรถที่มาจาก สน.ลาดพร้าว ซึ่งเป็นพื้นที่ดูแลครอบคลุมเขตบ้านพัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยในแถลงการณ์ชี้ว่า เป็นการลาดตระเวนตามปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ทางสตช. ได้ออกคำสั่ง ให้ทำการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ รถปิกอัพคันดังกล่าว เพื่อตรวจหาร่องรอยดีเอ็นเอ ที่อาจหลงเหลืออยู่ด้านใน ที่อาจพบ นอกเหนือไปจากของเจ้าหน้าที่ และชี้ว่า ประเด็นการสอบสวน ชี้ไปในแนวทางว่า รถปิกอัพตราโล่ต้องสงสัยคันดังกล่าว อาจเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน.ส.ยิ่งลักษณ์
ล่าสุดสื่อของไทย รายงานถึงภาพวงจรปิดว่า พบว่า ช่วงวันที่ 23-24 ส.ค. มีรถขับเข้าออกละแวกบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตลอดเวลา และมีรถขับเข้าออกละแวกบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยบางคัน ขับผ่านจุดที่กล้องสามารถบันทึกภาพได้เพียง 3-5 นาที และได้ขับวนออกจากพื้นที่
เป็นต้นว่า รถเบนซ์สีดำ ขับเข้าไปบริเวณบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เวลา 17.40 น. ของวันที่ 23 ส.ค. จากนั้น 17.43 นาที ขับกลับออกมาในเส้นทางเดิม หรือ รถโตโยต้า แคมรี่ สีขาว ที่ขับเข้าไป เวลา 22.14 น. จากนั้นขับกลับออกมา เวลา 22.16 น.
โดยในรายงานของสื่อไทย ความสนใจพุ่งเป้าไปที่รถคันหนึ่ง ที่ขับเข้ามาที่บ้านยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 24 ส.ค เวลา 9.30 น. โดยพบว่า รถคันนี้ น่าจะเป็นของเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
สื่อสิงคโปร์รายงานว่า ตำรวจไทยต้องหันมาสอบสวนรถตำรวจต้องสงสัยคันดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักข่าวอิศรา สื่อของไทย ได้เผยแพร่ภาพวิดีโอคลิป แสดงหลักฐานว่า รถปิกอัพตำรวจ วิ่งออกจากบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันพุธ (23 ส.ค) จริง และพบว่าสำนักงานสอบสวนกลางตำรวจ ยังออกคำสั่งให้ตรวจสอบ “เฟซบุ๊ก ของยิ่งลักษณ์”ในไม่กี่วัน ก่อนหลบหนีเพื่อดูว่านายกฯหญิง ได้โพสต์ข้อความอะไรบ้าง
ขณะที่ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจไทย ยืนยันว่า ได้รับการตอบกลับจากหน่วยตำรวจสากลใน กัมพูชา สิงโปร์ และ ดูไบ แล้ว โดยชี้ว่าทางอินเตอร์โพลจากชาติเหล่านี้ ตอบกลับมาว่า ไม่พบหลักฐานการเดินทางเข้าประเทศของน.ส.ยิ่งลักษณ์
เช่นเดียวกับผู้นำกองทัพไทย ยอมรับว่า คดียิ่งลักษณ์ ไม่มีความก้าวหน้า แต่ยืนยันว่า คสช. ยังคงตั้งความหวังว่าจะสามารถติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนพบ ซึ่งสื่อสิงคโปร์ ชี้ว่า นายกรัฐมนตรีไทยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวเชิงยอมรับว่า ไม่ได้รับรายงานความก้าวหน้าของคดี เช่นเดียวกัน
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และอัยการ ทำเรื่องถึงกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ยกเลิกหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกหมายจับ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ฐานหลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษา คดีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ยับยั้งความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว
ทั้งนี้ เนื่องจากการออกหมายจับของศาล เข้าหลักเกณฑ์ตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 21(2) กำหนดว่า ผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ เห็นว่าไม่ควรจะออกหนังสือเดินทางให้แจ้งต่อกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อยกเลิกทั้งพาสปอร์ตการทูตเล่มแดง และบุคคลธรรมดาเล่มน้ำตาล เพื่อให้สามารถดำเนินการเอาตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาลงโทษโดยเร็ว โดยไม่ต้องรอคำพิพากษาของศาลฯในวันที่ 27 ก.ย. เพื่อพิสูจน์ว่า รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมาดำเนินคดี เพราะหากไม่ยกเลิกพาสปอร์ต เท่ากับเปิดโอกาสให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีระหว่างประเทศง่ายขึ้น เสมือนกับว่ารัฐบาลรู้เห็น ยินยอม ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปไหนก็ได้ รัฐบาลจึงไม่ควรดำเนินการเพียงแค่ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีไปได้อย่างไร ใครปล่อยออกไปเท่านั้น แต่ต้องทำให้กลไกราชการเดินหน้า เพิกถอนพาสปอร์ต น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทันทีด้วย
นายวิรัตน์ ยังแนะนำให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ถูกคุมขังในเรือนจำ จากคดีทุจริตจีทูจีเก๊ ว่า มีทางรอดเดียวที่จะไม่ต้องตายในเรือนจำคือ การสารภาพถึงขบวนการทุจริต ว่ามีใครสั่ง สั่งโดยวิธีใด ถ้าไม่ทำตามคำสั่งแล้วจะมีผลกระทบอย่างไร ใครได้ประโยชน์ ซึ่งหากนายบุญทรง เปิดปากพาดพิงไปถึงผู้บงการ ก็เชื่อว่าองค์คณะที่จะพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์ จะรับฟัง และเป็นเหตุให้มีการบรรเทาโทษได้ อีกทั้งป.ป.ช. จะสามารถตั้งคดีใหม่ เพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้บงการให้เกิดการทุจริต และตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อดึงเงินแผ่นดินกลับมาให้ได้มากที่สุดด้วย แต่หากนายบุญทรง ทำเหมือนที่พูดกับนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ว่าจะให้ความจริงตายไปกับตัว ก็เหลือทางเดียวคือ ตายจริงโดยต้องใช้ชีวิตทั้งหมดในเรือนจำ เนื่องจากยังมีคดีจีทูจีเก๊ ภาคสอง อีก 4 สัญญา ที่มีการกระทำผิดไม่แตกต่างไปจากคดีที่ศาลฎีกาฯ ได้ตัดสินไปแล้ว
เกาะติด "รถตราโล่พายิ่งลักษณ์หนี"
ในขณะที่สเตรทไทม์ส์ สื่อสิงคโปร์ ได้รายงาน ถึงความเคลื่อนไหว การสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อการหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยสื่อสิงคโปร์ชี้ ว่า ในขณะที่โลกโซเชียลฯของไทย พยายามแกะรอยความเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย ก็กำลังตามหารถตำรวจตราโล่ ที่ปรากฏหน้าบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เชื่อว่าช่วยให้น้องสาวทักษิณ หลบหนี
โดยในการแถลงข่าวของโฆษก ตร. ระบุว่า เวลานี้ทางตำรวจ กำลังสอบสวนถึงรถปิกอัพตำรวจ ที่มีรายงานว่าถูกพบว่าขับออกมาจากบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 23 ส.ค หรือ 2 วัน ก่อนที่จะมีการตัดสินคดี ในวันที่ 25 ส.ค
ซึ่งการสอบสวนพบว่า เป็นรถที่มาจาก สน.ลาดพร้าว ซึ่งเป็นพื้นที่ดูแลครอบคลุมเขตบ้านพัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยในแถลงการณ์ชี้ว่า เป็นการลาดตระเวนตามปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ทางสตช. ได้ออกคำสั่ง ให้ทำการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ รถปิกอัพคันดังกล่าว เพื่อตรวจหาร่องรอยดีเอ็นเอ ที่อาจหลงเหลืออยู่ด้านใน ที่อาจพบ นอกเหนือไปจากของเจ้าหน้าที่ และชี้ว่า ประเด็นการสอบสวน ชี้ไปในแนวทางว่า รถปิกอัพตราโล่ต้องสงสัยคันดังกล่าว อาจเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน.ส.ยิ่งลักษณ์
ล่าสุดสื่อของไทย รายงานถึงภาพวงจรปิดว่า พบว่า ช่วงวันที่ 23-24 ส.ค. มีรถขับเข้าออกละแวกบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตลอดเวลา และมีรถขับเข้าออกละแวกบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยบางคัน ขับผ่านจุดที่กล้องสามารถบันทึกภาพได้เพียง 3-5 นาที และได้ขับวนออกจากพื้นที่
เป็นต้นว่า รถเบนซ์สีดำ ขับเข้าไปบริเวณบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เวลา 17.40 น. ของวันที่ 23 ส.ค. จากนั้น 17.43 นาที ขับกลับออกมาในเส้นทางเดิม หรือ รถโตโยต้า แคมรี่ สีขาว ที่ขับเข้าไป เวลา 22.14 น. จากนั้นขับกลับออกมา เวลา 22.16 น.
โดยในรายงานของสื่อไทย ความสนใจพุ่งเป้าไปที่รถคันหนึ่ง ที่ขับเข้ามาที่บ้านยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 24 ส.ค เวลา 9.30 น. โดยพบว่า รถคันนี้ น่าจะเป็นของเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
สื่อสิงคโปร์รายงานว่า ตำรวจไทยต้องหันมาสอบสวนรถตำรวจต้องสงสัยคันดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักข่าวอิศรา สื่อของไทย ได้เผยแพร่ภาพวิดีโอคลิป แสดงหลักฐานว่า รถปิกอัพตำรวจ วิ่งออกจากบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันพุธ (23 ส.ค) จริง และพบว่าสำนักงานสอบสวนกลางตำรวจ ยังออกคำสั่งให้ตรวจสอบ “เฟซบุ๊ก ของยิ่งลักษณ์”ในไม่กี่วัน ก่อนหลบหนีเพื่อดูว่านายกฯหญิง ได้โพสต์ข้อความอะไรบ้าง
ขณะที่ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจไทย ยืนยันว่า ได้รับการตอบกลับจากหน่วยตำรวจสากลใน กัมพูชา สิงโปร์ และ ดูไบ แล้ว โดยชี้ว่าทางอินเตอร์โพลจากชาติเหล่านี้ ตอบกลับมาว่า ไม่พบหลักฐานการเดินทางเข้าประเทศของน.ส.ยิ่งลักษณ์
เช่นเดียวกับผู้นำกองทัพไทย ยอมรับว่า คดียิ่งลักษณ์ ไม่มีความก้าวหน้า แต่ยืนยันว่า คสช. ยังคงตั้งความหวังว่าจะสามารถติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนพบ ซึ่งสื่อสิงคโปร์ ชี้ว่า นายกรัฐมนตรีไทยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวเชิงยอมรับว่า ไม่ได้รับรายงานความก้าวหน้าของคดี เช่นเดียวกัน