พบรถตำรวจออกจากบ้าน “ยิ่งลักษณ์” คืนวันที่ 23 ส.ค. ที่คาดว่าอดีตนายกฯหลบหนี ผบ.ตร.โยน “ศรีวราห์” จัดการ "ดอน" เผย กต.ถามหา “ปู” หลายประเทศ แต่ยังไร้วี่แวว ยกระเบียบยังยึดพาสปอร์ตไม่ได้ "บุญทรง" นอนคุกต่อศาลไม่ให้ประกันตัวรอบ 2 “อธิบดีบังคับคดี” เผยยังไม่ ยึดอายัดทรัพย์ บุญทรง - ยิ่งลักษณ์ เพิ่มรอโจทก์ส่งข้อมูล
วานนี้ (31 ส.ค.) แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนเปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดของกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาที่ศาลฎีกาแผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าบ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ภายใน ซ.โยธินพัฒนา 3 พบว่า ระหว่างคืนวันที่ 23 ส.ค.ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 24 ส.ค.ได้มีความเคลื่อนไหวรถยนต์เข้าออกจากบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์หลายสิบคัน โดยมีรถยนต์ที่เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ เวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 23 ส.ค.มีรถกระบะตำรวจขับออกมา และเวลา 09.44 น.ของวันที่ 24 ส.ค. รถยี่ห้อโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และรถของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขับออกจากบ้านไปในทิศทางเดียวกัน จากนั้นเวลา 09.58 น. รถของ พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย หรือสารวัตรหนุ่ย ผกก.ฝ่ายวิจัยและพัฒนา ศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) นายตำรวจติดตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขับออกมาจากบ้านไปในทิศทางเดียวกัน โคยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังแกะรอยเส้นทางของรถทั้ง 3 คัน โดยเฉพาะรถยี่ห้อโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นอกจากนี้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คล่าสุดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อเวลา 11.10 น.ของวันที่ 24 ส.ค.ว่าทำการโพสต์จากสถานที่ใด
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตอบคำถามถึงภาพจากวงจรปิดที่มีรถกพะบะของตำรวจวิ่งเข้าออกบ้านพัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในช่วงคืนวันที่ 23 ส.ค.ที่คาดว่าเป็นคืนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีออกนอกประเทศว่า “ไม่ทราบ” เมื่อถามว่าได้สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวสั้นๆ ว่า “ท่านศรีวราห์” เมื่อถามย้ำว่าหากพบมีรถตำรวจเข้าออกบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถตรวจสอบได้หรือไม่ว่าใครเป็นคนขับ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า “มอบให้ท่านศรีวราห์หมดแล้ว”
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เรียกผู้บัญชาการเหล่าทัพพร้อมด้วย ผบ.ทบ. เข้าไปหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้าเป็นเวลากว่า 30 นาที ท่ามกลางกระแสข่าวเป็นการหารือเกี่ยวกับการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งกรณีมีข่าวว่าอาจมีเจ้าหน้าที่มีส่วนในการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนี
ด้าน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ปฎิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดการพูดคุย โดยกล่าวเพียงว่า บอกไม่ได้ เป็นความลับ เพราะความลับก็คือ ความลับ ส่วน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.ทหารสูงสุด ต่างยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีพูดเรื่องทั่วไป ไม่มีเรื่อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และไม่ได้สั่งการอะไรในเรื่องใดเป็นพิเศษ
ทางด้าน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการประสานกับต่างประเทศ เพื่อติดตามตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีไปประเทศใดก็สามารถประสานติดตามตัวได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน แต่ได้มีการประสานในทุกประเทศที่ปรากฏเป็นข่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลตอบกลับมาแต่อย่างใด และไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาได้ว่าประเทศปลายทางจะตอบกลับมาเมื่อไร เพราะเบื้องต้นสามารถโทรศัพท์สอบถามได้โดยตรงได้
น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงการเพิกถอนหนังสือเดินทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า จะยึดตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ ว่า ด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 23(2) ว่าด้วยการยกเลิกหนังสือเดินทาง และข้อ 21 (2) เมื่อได้ร้บแจ้งว่าผู้ร้อง เป็นผู้ซึ่งกำลังรับโทษในคดีอาญา หรืออยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว หรือ เป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้ มีการออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งศาล/พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ เห็นว่า ไม่ควรจะออกหนังสือเดินทางให้ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการเช่นเดียวกับกรณีอื่นๆ โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ ทั้งนี้ การเพิกถอนหนังสือเดินทางในขณะนี้ ถือว่าสถานะทางคดี ยังไม่ถือว่าสิ้นสุดตามกระบวนการกฎหมาย เพราะศาลยังไม่ได้อ่านคำพิพากษา และเมื่อมีคำพิพากษา จำเลยก็ยังมีสิทธิอุทรณ์ได้ ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ปี 2560
อีกด้าน นายนรินทร์ สมนึก ทนายความนายบุญทรง เตยาภิรมย์ จำเลยที่ 2 คดีทุจริตระบายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เปิดเผยภายหลังทราบคำสั่งศาลไม่ให้ประกันตัวนาบบุญทรง รอบสองว่า ตนได้แจ้งคำสั่งศาลให้นายบุญทรงทราบแล้ว โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง ได้มีคำสั่งระบุว่ายังไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ซึ่งหลังจากนี้ตนก็จะเตรียมทำคำอุทธรณ์คดีเพื่อยื่นให้ทันตามกฎหมายบัญญัติไว้ 30 วันส่วน เรื่องประกันตัวตอนนี้ยังจะไม่ยื่นคำร้องใหม่ แต่วางแนวทางไว้ว่าจะยื่นคำร้องขอประกันตัวครั้งใหม่พร้อมกับคำอุทธรณ์คดี
ขณะที่นายธนากร แหวกวารี ทนายความของนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศจำเลยที่ 4 และจำเลยร่วมกลุ่มอดีตข้าราชการกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าสำหรับนายมนัส และจำเลยร่วมที่ 5 และ6 นั้นขณะนี้ตนกำลังรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของนายมนัสจากครอบครัว และหลักฐานอื่น ในส่วนของจำเลยร่วมเพื่อจะประกอบในคำร้องขอประกันตัวซึ่งหากเอกสารพร้อมและยื่นทันภายในสัปดาห์นี้ก็จะดำเนินการทันที มิเช่นนั้นก็อาจจะเป็นสัปดาห์หน้า ส่วนหลักทรัพย์ก็จะยื่นหลักทรัพย์เดิมไว้ก่อน ส่วนศาลจะวินิจฉัยอย่างไรก็พร้อมจะดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษานั้นตามรัฐธรรมนูญฯปี 2560 ม.195 ให้ยื่นต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาภายใน 30 วันนับจากที่ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 25 ก.ย. ทั้งนี้สำหรับหลักทรัพย์ประกันตัวเดิมของนายบุญทรงนั้น เป็นเงินสด วงเงิน 30 ล้านบาท ส่วนนายนายมนัส 12 ล้านบาท และของ นาย ทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 5 กับนายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยงหรือทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำเลยที่ 6 หลักทรัพย์เดิมก็คนละ 8 ล้านบาท ขณะที่เหตุผลเดิมที่ศาลเคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวพวกจำเลยในคดีนี้เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี
น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยถึงการยึดทรัพย์จากการเรียกค่าเสียหายในการทุจริตการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า ขณะนี้ยังโจทก์ ซึ่งหมายถึงกระทรวงพาณิชย์ ยังไม่ได้แจ้งให้ทางกรมบังคับคดียึดหรืออายัดทรัพย์ของนายบุญทรง เพิ่มเติม จึงยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม เพราะกรมบังคับคดีปฏิบัติหน้าที่ไปตามที่โจทก์ขอให้อายัดทรัพย์ ขณะเดียวกัน การยึดอายัดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่มียึดหรืออายัดอะไรเพิ่มเติม หลังจากกระทรวงการคลังได้ส่งให้ยึดอายัดบัญชีเงินฝาก 12 บัญชี ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวมีอายุความถึง10 ปี