“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
การประชุมครม.สัญจรที่โคราชบ้านเกิด “นายกฯ”ตู่” น่าสนใจนะ..
เพราะ “นายกฯ ตู่” แห่งรัฐบาล คสช. ได้แสดงความเป็นนักการเมือง “เขี้ยวลากดิน” ที่มีทั้งลูกเล่นลูกล่อลูกชน ครบเครื่องทั้งเชิงรุกเชิงรับเชิงอ้อนเชิงพลิ้ว ฯลฯ เล่นเอานักการเมืองจากเลือกตั้ง อ้าปากค้างชิดซ้ายตกถนนไปเลยล่ะ
แต่ “ผู้สื่อข่าวเก๋าเกมส์” เห็นลีลานายกฯมาหลายสไตล์ กลับขำกลิ้งอยู่ในใจว่า “นายกฯ ตู่” กำลังเล่นละครซีรีส์ เรื่อง “นายกฯรัฐประหารที่รัก-ชาตินี้ฉันไม่ทิ้งตู่” เพราะ “บิ๊กตู่” แสดงบทดารานำได้ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง เอาตุ๊กตาทองควบออสการ์ได้โดยไม่ต้องชิงกับใครเลย
นอกจากตัว “นายกฯ ตู่” จะมีลีลาเร้าใจประชาชนแล้ว รัฐบาล “บิ๊กตู่” ที่อ้างว่าไม่ต้องหาเสียง แต่กลับใช้นโยบายประชานิยม ลดแลกแจกแถมอุตลุด ภายใต้ชื่อโครงการ “ประชารัฐ” นั่นไง
จะว่าไปแล้ว..การบริหารชาติ ของนายก “ตู่” กับ “เหลี่ยม” นั้น ดันมีหลักที่เหมือนกันหลายเรื่อง เช่น ประกาศให้การปราบคอร์รัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติ.. ทั้งคู่เลย(ว่ะ)!
แต่รัฐบาล “เหลี่ยม” กลับกลายเป็น “เครือข่ายมหาโจรปล้นชาติ” จนถูกประชาชนออกมาขับไล่ และโดนกองทัพรัฐประหารโค่นลงถึง 2 ครั้ง 2 ครา
จน “นายกฯ เหลี่ยม” ต้องหนีหมายจับ-หนีคุก-หนีความผิด ไปอยู่ต่างประเทศจนทุกวันนี้!
ส่วน “นายกฯ ปู” น้องสาวของ “เหลี่ยม” ก็จบบทบาททางการเมือง โทษฐานผลาญและโกงเงินชาติ ในโครงการ “จำนำข้าว” เสียหายมากกว่า 5 แสนล้านบาท!
สรุปได้ว่า.. การทำท่าขึงขังจะปราบคอร์รัปชั่น ของรัฐบาลเครือข่าย “เหลี่ยม” โดยยกขึ้นเป็นวาระแห่งชาตินั้น เป็นแค่ “ปาหี่” หลอกลวงเพื่อปกปิดความชั่ว ของตัว “เหลี่ยม” และพวกพ้อง สร้างภาพโกหกให้ดูเป็น “นายกฯ-รัฐบาลมือสะอาด” ไปเสียฉิบ..
น่าแปลกใจไหมว่า ทำไม “นายกฯ-รัฐบาล” รั ฐประหารที่ผ่านมาและปัจจุบัน ซึ่งมีข้ออ้างในการยึดอำนาจว่า รัฐบาลจากการเลือกตั้ง “เหลี่ยม” กับเครือข่าย คอร์รัปชั่นโกงชาติอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีการกระทำที่มุ่งโค่นล้มสถาบันสูงสุด อย่างเป็นขบวนการมาโดยตลอด กลับไม่จริงจังกับการใช้สื่อรัฐ-กลไกรัฐ-เครือข่ายรัฐ ฯลฯ เปิดโปงพฤติกรรมอันเลวร้าย ของอดีต “นายกฯ เหลี่ยม” และรัฐบาลในเครือข่ายเท่าที่ควร?
จนทำให้ทุกวันนี้ ประชาชนบางกลุ่มยังคงหลงเชื่อว่า อดีต “นายกฯ เหลี่ยม” เป็นคนดี หลงผิดคิดว่ารัฐบาลเครือข่าย “เหลี่ยม-ดีเลิศประเสริฐศรี” ทั้งๆที่พวกเขาได้โกงชาติอย่างมโหฬาร
การคอร์รัปชั่นมีจริงในทุกรัฐบาล เพียงแต่จะโกงกันมากหรือน้อย และโกงแบบโฉ่งฉ่างหรือเนียนๆเท่านั้น..จริงไหม? ทั้งนี้ไม่อาจยกเว้นรัฐบาล “บิ๊กตู่” ที่มาจากการรัฐประหาร..จริงไหม?
แม้วันนี้ จะมีข่าวคราวการคอร์รัปชั่นในรัฐบาล “บิ๊กตู่” ผุดขึ้นมามิใช่น้อย แต่เรื่องราวและหลักฐานยังไม่โผล่ให้เห็นอย่างเจ๋งเป้ง
แถมการคอร์รัปชั่นบางเรื่องในยุครัฐบาล “บิ๊กตู่” ที่โดนเปิดโปงและถูกจับได้ไล่ทัน เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องก็ถูกโยกย้าย-ปลด-ลงโทษ ฯลฯ จาก “นายกฯตู่” ทั้งช้าและเร็วตามสภาพการณ์ เป็นการสยบกระ
แสต่อต้านรัฐบาล “บิ๊กตู่” ไม่ให้ขยายกว้างและรุนแรงมากขึ้นนั่นเอง
แถมเรื่องโกงชาติของตัว “นายกฯ ตู่” เอง-ก็ไม่ปรากฏ! ส่วนการคอร์รัปชั่นของคนใน “รัฐบาลบิ๊กตู่” ก็ยังไม่โผล่ออกมาให้จับได้แบบคาหนังคาเขา มีเพียง “เขาว่า” กับ “ข่าวลือ” มากมายเท่านั้นว่า “บิ๊กคนนั้น-บิ๊กคนนี้-บิ๊กคนโน้น” คอร์รัปชั่น
แน่นอน..ไม่มีผู้สื่อข่าวและใครหน้าไหน จะหลับหูหลับตาเชื่อเต็มร้อยว่า รัฐบาล “บิ๊กตู่” บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีการคอร์รัปชั่น..จริงไหม?
เพราะอำนาจรัฐกับการโกงชาติ เป็นของ “คู่กัน” ส่วนรัฐบาลใดจะโกงมากโกงน้อย โกงโฉ่งฉ่างจนถูกจับได้คาหนังคาเขา หรือโกงเนียนจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่ในทางธรรมมีคำว่า..การทำชั่วบางครั้งไม่มีใครรู้เห็น..แต่ตนเองย่อมรู้อยู่แก่ใจ..!
บางรัฐบาลทำผิดทำชั่วต่อชาติบ้านเมือง แต่ใช้อำนาจรัฐเข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ผ่านตำรวจ-อัยการ-ผู้พิพากษา ฯลฯ เพื่อเปลี่ยนผิดให้กลายเป็นถูก จนทำให้นิติธรรมและนิติรัฐเสื่อมเสีย ดังหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา
หลักการที่ว่า “หัวไม่ส่าย-หางไม่กระดิก”-ก็มิใช่เรื่องจริงเสมอไป! เพราะการโกงชาติหลายครั้ง แม้ “หัวไม่ส่าย” แต่ “ตัว” และ “หาง” กลับดุ๊กดิ๊กไม่หยุด ก็เคยเกิดขึ้นแล้ว-จริงไหม?
เรื่องปราบคอร์รัปชั่นจึงขึ้นกับ “นายกฯ ตู่” จะปราบจริง หรือปากว่าตาขยิบ? ถ้าปราบจริง หลายคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตซื้อขายในไทย ซึ่งต่างชาติได้ลงโทษผู้ค้าที่โกงชาติไทยไปแล้ว แต่ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ยังทำเฉย ไม่คืบหน้ากับการลงโทษคนโกงชาติไทยแต่ประการใดเลย..
การคอร์รัปชั่นหลายเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับผู้คนในรัฐบาลและคนใกล้ตัว “นายกฯ ตู่” ก็ไม่เกิดการสืบสวน-สอบสวน-ตรวจสอบอย่างจริงจัง นั่นทำให้ “รัฐบาลบิ๊กตู่” กับการปราบคนโกงชาติ ถูกมองเป็นเพียงแค่ “นายกฯ ตู่” มุ่งสร้างภาพเท่านั้น ซึ่งไม่ต่างจากรัฐบาลโกงเลือกตั้งและโกงชาติ “เหลี่ยม” เลย!
การคอร์รัปชั่นโกงชาติยุครัฐบาล“บิ๊กตู่” จึงเสมือนเรารู้ว่า “สายลม” มีจริง เพราะ“สายลมพัดมากระทบกายเรา” แต่เราไม่อาจ “เห็นสายลม” เท่านั้นเอง!
อีกเรื่องที่รัฐบาล “บิ๊กตู่” กับรัฐบาล “เหลี่ยม” เหมือนกันเด๊ะ คือ ทั้งสองรัฐบาลไร้ความสามารถ ในการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม ระหว่างคนรวยกับผู้มีรายได้น้อยและคนจน!
เพราะไม่เคยมีรัฐบาลใด ทำการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ให้มีการกระจายรายได้ ให้กับผู้คนที่ด้อยโอกาส ได้อย่างยุติธรรมเท่าที่ควร โดยใช้ทั้งนโยบายเศรษฐกิจ-นโยบายการเงินและการคลัง กำกับให้เกิดความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับผู้มีรายได้น้อยและคนจน ดังเช่นรัฐบาลโกงเลือกตั้งกับโกงชาติ “เหลี่ยม” กับเครือข่าย ได้ทำการบริหารชาติ เอื้อให้คนรวยที่เป็นคนส่วนน้อยได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ทำให้คนส่วนน้อยรวยยิ่งขึ้น รวยไม่รู้จักพออย่างชัดเจน ในขณะที่ผู้มีรายได้น้อยและคนจน ที่เป็นคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยยากจนยิ่งขึ้น
โดยรัฐบาล “เหลี่ยม” กับเครือข่าย ใช้นโยบายประชานิยมลดแลกแจกแถม เพื่อปกปิดและลดความไม่พอใจของคนส่วนใหญ่ รวมทั้งสร้างภาพโกหกหลอกลวงว่า “เหลี่ยม” เป็นรัฐบาลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและคนจนอย่างจริงจัง
เมื่อหันมาสำรวจรัฐบาลรัฐประหาร “บิ๊กตู่” ก็ยังมิได้ดำเนินการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ในการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจให้ยุติธรรม ต่อผู้มีรายได้น้อยและคนจนได้เท่าที่ควร รัฐบาลนี้ยังคงมีนโยบายทางเศรษฐกิจและในด้านอื่นๆ รวมทั้งนโยบายทางการเงินและการคลัง ที่เอื้อต่อคนรวยให้รวยยิ่งขึ้น และทำให้ผู้มีรายได้น้อยกับคนจน-จนยิ่งขึ้น
ทฤษฎีทางเศรษฐกิจที่รัฐบาล “บิ๊กตู่” เชื่อว่า หาก “รดน้ำจากข้างบน-น้ำจะต้องไหลลงข้างล่าง” นั้น-ฟังดูดีเป็นวิทยาศาสตร์! แต่ในทางปฏิบัตินั้นไม่จริงไปเสียทั้งหมด เพราะ “น้ำปริมาณน้อย” ถูกรดจากข้างบน จะเหลือน้ำเพียงน้อยนิดที่ไหลลง “ข้างล่าง” ยิ่งในบางจุดไม่เหลือน้ำไหลถึงเบื้องล่างสักหยด!
ดังนั้น ทางด้านการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจ ที่ปฏิบัติตามแนวคิดดังกล่าวของรัฐบาลนี้ ทำให้คนรวยที่เป็นคนกลุ่มน้อยได้เปรียบ ในการกอบโกยผลประโยชน์ชนิดเต็มเม็ดเต็มหน่วย ในขณะที่ผู้มีรายได้น้อยและคนจน จะได้ก็แค่เงินเดือนและค่าแรงพอยาไส้เท่านั้น ไม่อาจสร้างตัวเป็นเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ดีและมั่นคงได้เป็นจำนวนมากเท่าที่ควรโดยปริยาย
นั่นเป็นเพียงสองเรื่อง ที่ยกมาให้เห็นว่า “รัฐบาลบิ๊กตู่” กับ “รัฐบาลเหลี่ยม”ไม่แตกต่างกันในด้านหลักการ แต่แตกต่างกันเพียงแค่วิธีบริหาร วิธีประชาสัมพันธ์โฆษณาชวนเชื่อ วิธีสร้างภาพที่ใครเหนือใครเท่านั้นเอง ฯลฯ
เฮ้อ!..หลักการ “เหลี่ยม-กับ-ตู่” และ “ตู่-กับ-เหลี่ยม” ไม่ต่างกันเลย..หรือใครจะเถียง..???
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
การประชุมครม.สัญจรที่โคราชบ้านเกิด “นายกฯ”ตู่” น่าสนใจนะ..
เพราะ “นายกฯ ตู่” แห่งรัฐบาล คสช. ได้แสดงความเป็นนักการเมือง “เขี้ยวลากดิน” ที่มีทั้งลูกเล่นลูกล่อลูกชน ครบเครื่องทั้งเชิงรุกเชิงรับเชิงอ้อนเชิงพลิ้ว ฯลฯ เล่นเอานักการเมืองจากเลือกตั้ง อ้าปากค้างชิดซ้ายตกถนนไปเลยล่ะ
แต่ “ผู้สื่อข่าวเก๋าเกมส์” เห็นลีลานายกฯมาหลายสไตล์ กลับขำกลิ้งอยู่ในใจว่า “นายกฯ ตู่” กำลังเล่นละครซีรีส์ เรื่อง “นายกฯรัฐประหารที่รัก-ชาตินี้ฉันไม่ทิ้งตู่” เพราะ “บิ๊กตู่” แสดงบทดารานำได้ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง เอาตุ๊กตาทองควบออสการ์ได้โดยไม่ต้องชิงกับใครเลย
นอกจากตัว “นายกฯ ตู่” จะมีลีลาเร้าใจประชาชนแล้ว รัฐบาล “บิ๊กตู่” ที่อ้างว่าไม่ต้องหาเสียง แต่กลับใช้นโยบายประชานิยม ลดแลกแจกแถมอุตลุด ภายใต้ชื่อโครงการ “ประชารัฐ” นั่นไง
จะว่าไปแล้ว..การบริหารชาติ ของนายก “ตู่” กับ “เหลี่ยม” นั้น ดันมีหลักที่เหมือนกันหลายเรื่อง เช่น ประกาศให้การปราบคอร์รัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติ.. ทั้งคู่เลย(ว่ะ)!
แต่รัฐบาล “เหลี่ยม” กลับกลายเป็น “เครือข่ายมหาโจรปล้นชาติ” จนถูกประชาชนออกมาขับไล่ และโดนกองทัพรัฐประหารโค่นลงถึง 2 ครั้ง 2 ครา
จน “นายกฯ เหลี่ยม” ต้องหนีหมายจับ-หนีคุก-หนีความผิด ไปอยู่ต่างประเทศจนทุกวันนี้!
ส่วน “นายกฯ ปู” น้องสาวของ “เหลี่ยม” ก็จบบทบาททางการเมือง โทษฐานผลาญและโกงเงินชาติ ในโครงการ “จำนำข้าว” เสียหายมากกว่า 5 แสนล้านบาท!
สรุปได้ว่า.. การทำท่าขึงขังจะปราบคอร์รัปชั่น ของรัฐบาลเครือข่าย “เหลี่ยม” โดยยกขึ้นเป็นวาระแห่งชาตินั้น เป็นแค่ “ปาหี่” หลอกลวงเพื่อปกปิดความชั่ว ของตัว “เหลี่ยม” และพวกพ้อง สร้างภาพโกหกให้ดูเป็น “นายกฯ-รัฐบาลมือสะอาด” ไปเสียฉิบ..
น่าแปลกใจไหมว่า ทำไม “นายกฯ-รัฐบาล” รั ฐประหารที่ผ่านมาและปัจจุบัน ซึ่งมีข้ออ้างในการยึดอำนาจว่า รัฐบาลจากการเลือกตั้ง “เหลี่ยม” กับเครือข่าย คอร์รัปชั่นโกงชาติอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีการกระทำที่มุ่งโค่นล้มสถาบันสูงสุด อย่างเป็นขบวนการมาโดยตลอด กลับไม่จริงจังกับการใช้สื่อรัฐ-กลไกรัฐ-เครือข่ายรัฐ ฯลฯ เปิดโปงพฤติกรรมอันเลวร้าย ของอดีต “นายกฯ เหลี่ยม” และรัฐบาลในเครือข่ายเท่าที่ควร?
จนทำให้ทุกวันนี้ ประชาชนบางกลุ่มยังคงหลงเชื่อว่า อดีต “นายกฯ เหลี่ยม” เป็นคนดี หลงผิดคิดว่ารัฐบาลเครือข่าย “เหลี่ยม-ดีเลิศประเสริฐศรี” ทั้งๆที่พวกเขาได้โกงชาติอย่างมโหฬาร
การคอร์รัปชั่นมีจริงในทุกรัฐบาล เพียงแต่จะโกงกันมากหรือน้อย และโกงแบบโฉ่งฉ่างหรือเนียนๆเท่านั้น..จริงไหม? ทั้งนี้ไม่อาจยกเว้นรัฐบาล “บิ๊กตู่” ที่มาจากการรัฐประหาร..จริงไหม?
แม้วันนี้ จะมีข่าวคราวการคอร์รัปชั่นในรัฐบาล “บิ๊กตู่” ผุดขึ้นมามิใช่น้อย แต่เรื่องราวและหลักฐานยังไม่โผล่ให้เห็นอย่างเจ๋งเป้ง
แถมการคอร์รัปชั่นบางเรื่องในยุครัฐบาล “บิ๊กตู่” ที่โดนเปิดโปงและถูกจับได้ไล่ทัน เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องก็ถูกโยกย้าย-ปลด-ลงโทษ ฯลฯ จาก “นายกฯตู่” ทั้งช้าและเร็วตามสภาพการณ์ เป็นการสยบกระ
แสต่อต้านรัฐบาล “บิ๊กตู่” ไม่ให้ขยายกว้างและรุนแรงมากขึ้นนั่นเอง
แถมเรื่องโกงชาติของตัว “นายกฯ ตู่” เอง-ก็ไม่ปรากฏ! ส่วนการคอร์รัปชั่นของคนใน “รัฐบาลบิ๊กตู่” ก็ยังไม่โผล่ออกมาให้จับได้แบบคาหนังคาเขา มีเพียง “เขาว่า” กับ “ข่าวลือ” มากมายเท่านั้นว่า “บิ๊กคนนั้น-บิ๊กคนนี้-บิ๊กคนโน้น” คอร์รัปชั่น
แน่นอน..ไม่มีผู้สื่อข่าวและใครหน้าไหน จะหลับหูหลับตาเชื่อเต็มร้อยว่า รัฐบาล “บิ๊กตู่” บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีการคอร์รัปชั่น..จริงไหม?
เพราะอำนาจรัฐกับการโกงชาติ เป็นของ “คู่กัน” ส่วนรัฐบาลใดจะโกงมากโกงน้อย โกงโฉ่งฉ่างจนถูกจับได้คาหนังคาเขา หรือโกงเนียนจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่ในทางธรรมมีคำว่า..การทำชั่วบางครั้งไม่มีใครรู้เห็น..แต่ตนเองย่อมรู้อยู่แก่ใจ..!
บางรัฐบาลทำผิดทำชั่วต่อชาติบ้านเมือง แต่ใช้อำนาจรัฐเข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ผ่านตำรวจ-อัยการ-ผู้พิพากษา ฯลฯ เพื่อเปลี่ยนผิดให้กลายเป็นถูก จนทำให้นิติธรรมและนิติรัฐเสื่อมเสีย ดังหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา
หลักการที่ว่า “หัวไม่ส่าย-หางไม่กระดิก”-ก็มิใช่เรื่องจริงเสมอไป! เพราะการโกงชาติหลายครั้ง แม้ “หัวไม่ส่าย” แต่ “ตัว” และ “หาง” กลับดุ๊กดิ๊กไม่หยุด ก็เคยเกิดขึ้นแล้ว-จริงไหม?
เรื่องปราบคอร์รัปชั่นจึงขึ้นกับ “นายกฯ ตู่” จะปราบจริง หรือปากว่าตาขยิบ? ถ้าปราบจริง หลายคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตซื้อขายในไทย ซึ่งต่างชาติได้ลงโทษผู้ค้าที่โกงชาติไทยไปแล้ว แต่ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ยังทำเฉย ไม่คืบหน้ากับการลงโทษคนโกงชาติไทยแต่ประการใดเลย..
การคอร์รัปชั่นหลายเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับผู้คนในรัฐบาลและคนใกล้ตัว “นายกฯ ตู่” ก็ไม่เกิดการสืบสวน-สอบสวน-ตรวจสอบอย่างจริงจัง นั่นทำให้ “รัฐบาลบิ๊กตู่” กับการปราบคนโกงชาติ ถูกมองเป็นเพียงแค่ “นายกฯ ตู่” มุ่งสร้างภาพเท่านั้น ซึ่งไม่ต่างจากรัฐบาลโกงเลือกตั้งและโกงชาติ “เหลี่ยม” เลย!
การคอร์รัปชั่นโกงชาติยุครัฐบาล“บิ๊กตู่” จึงเสมือนเรารู้ว่า “สายลม” มีจริง เพราะ“สายลมพัดมากระทบกายเรา” แต่เราไม่อาจ “เห็นสายลม” เท่านั้นเอง!
อีกเรื่องที่รัฐบาล “บิ๊กตู่” กับรัฐบาล “เหลี่ยม” เหมือนกันเด๊ะ คือ ทั้งสองรัฐบาลไร้ความสามารถ ในการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรม ระหว่างคนรวยกับผู้มีรายได้น้อยและคนจน!
เพราะไม่เคยมีรัฐบาลใด ทำการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ให้มีการกระจายรายได้ ให้กับผู้คนที่ด้อยโอกาส ได้อย่างยุติธรรมเท่าที่ควร โดยใช้ทั้งนโยบายเศรษฐกิจ-นโยบายการเงินและการคลัง กำกับให้เกิดความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับผู้มีรายได้น้อยและคนจน ดังเช่นรัฐบาลโกงเลือกตั้งกับโกงชาติ “เหลี่ยม” กับเครือข่าย ได้ทำการบริหารชาติ เอื้อให้คนรวยที่เป็นคนส่วนน้อยได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ทำให้คนส่วนน้อยรวยยิ่งขึ้น รวยไม่รู้จักพออย่างชัดเจน ในขณะที่ผู้มีรายได้น้อยและคนจน ที่เป็นคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยยากจนยิ่งขึ้น
โดยรัฐบาล “เหลี่ยม” กับเครือข่าย ใช้นโยบายประชานิยมลดแลกแจกแถม เพื่อปกปิดและลดความไม่พอใจของคนส่วนใหญ่ รวมทั้งสร้างภาพโกหกหลอกลวงว่า “เหลี่ยม” เป็นรัฐบาลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและคนจนอย่างจริงจัง
เมื่อหันมาสำรวจรัฐบาลรัฐประหาร “บิ๊กตู่” ก็ยังมิได้ดำเนินการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ในการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจให้ยุติธรรม ต่อผู้มีรายได้น้อยและคนจนได้เท่าที่ควร รัฐบาลนี้ยังคงมีนโยบายทางเศรษฐกิจและในด้านอื่นๆ รวมทั้งนโยบายทางการเงินและการคลัง ที่เอื้อต่อคนรวยให้รวยยิ่งขึ้น และทำให้ผู้มีรายได้น้อยกับคนจน-จนยิ่งขึ้น
ทฤษฎีทางเศรษฐกิจที่รัฐบาล “บิ๊กตู่” เชื่อว่า หาก “รดน้ำจากข้างบน-น้ำจะต้องไหลลงข้างล่าง” นั้น-ฟังดูดีเป็นวิทยาศาสตร์! แต่ในทางปฏิบัตินั้นไม่จริงไปเสียทั้งหมด เพราะ “น้ำปริมาณน้อย” ถูกรดจากข้างบน จะเหลือน้ำเพียงน้อยนิดที่ไหลลง “ข้างล่าง” ยิ่งในบางจุดไม่เหลือน้ำไหลถึงเบื้องล่างสักหยด!
ดังนั้น ทางด้านการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจ ที่ปฏิบัติตามแนวคิดดังกล่าวของรัฐบาลนี้ ทำให้คนรวยที่เป็นคนกลุ่มน้อยได้เปรียบ ในการกอบโกยผลประโยชน์ชนิดเต็มเม็ดเต็มหน่วย ในขณะที่ผู้มีรายได้น้อยและคนจน จะได้ก็แค่เงินเดือนและค่าแรงพอยาไส้เท่านั้น ไม่อาจสร้างตัวเป็นเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ดีและมั่นคงได้เป็นจำนวนมากเท่าที่ควรโดยปริยาย
นั่นเป็นเพียงสองเรื่อง ที่ยกมาให้เห็นว่า “รัฐบาลบิ๊กตู่” กับ “รัฐบาลเหลี่ยม”ไม่แตกต่างกันในด้านหลักการ แต่แตกต่างกันเพียงแค่วิธีบริหาร วิธีประชาสัมพันธ์โฆษณาชวนเชื่อ วิธีสร้างภาพที่ใครเหนือใครเท่านั้นเอง ฯลฯ
เฮ้อ!..หลักการ “เหลี่ยม-กับ-ตู่” และ “ตู่-กับ-เหลี่ยม” ไม่ต่างกันเลย..หรือใครจะเถียง..???