ข่าวปนคน คนปนข่าว
**Shopaholic ตัวจริง ออเดอร์ “รัฐบาลคสช.”สั่งซื้อ ฮ.รัสเซียอีกแล้ว คราวนี้สอย“ปักเป้า”ฮ.กู้ภัยสุดทันสมัย
ไม่ใครก็ใครในรัฐบาลชุดนี้ คงเป็นโรค“Shopaholic–ชอปอะฮอลิก”เสพติดการชอปปิ้งไปแล้วซะละมั้ง .. โดยเฉพาะการชอปอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร เรือดำน้ำเอย รถถังเอย ขีปนาวุธเอย มีให้ได้ยินไม่เว้นแต่ละเดือน .. ด้วยข้ออ้างสารพัด ว่าเป็นงบผูกพันบ้าง เป็นโครงการเก่าบ้าง จำเป็นต้องทดแทนของเก่าบ้าง ไล่ไปจนต้องเสริมแสนยานุภาพให้เพื่อนบ้านเกรงใจบ้าง .. ล่าสุด “สำนักข่าวทาสส์”สำนักข่าวเก่าแก่ของประเทศรัสเซีย เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทผู้ผลิต เฮลิคอปเตอร์รายใหญ่ที่สุดในรัสเซีย เตรียมการส่ง เฮลิคอปเตอร์ Ka-32A11BC ซึ่งเป็นอากาศยานปีกหมุนยอดนิยมให้กับประเทศไทย .. โดยรายงานข่าวแจ้งว่า “กองทัพไทย”จะเป็นชาติแรกๆ ของโลก ที่มี ฮ.รุ่นนี้ใช้งานเสียด้วย .. แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นเพียงรายงานข่าวจาก“สำนักข่าวที่เชื่อถือ”ของทางรัสเซีย ที่อ้างแถลงการณ์ของ บริษัท Russian Helicopters ซึ่งเป็นบริษัทในสังกัดรัฐวิสาหกิจของกระทรวงกลาโหมรัสเซียเท่านั้น ยังไม่มีการยืนยันใดๆ จากคนในรัฐบาลไทย
ถ้าย้อนไปเมื่อช่วงต้นปี 2559 เดือนก.พ. “ป๋าป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมพร้อมคณะ ได้เดินทางเยือน สหพันธรัฐรัสเซีย .. โดยมีภารกิจในการขยายความร่วมมือด้านความมั่นคง-เศรษฐกิจ รวมทั้งการนำเสนอขายสินค้าเกษตรของไทย .. ซึ่งทางรัสเซียก็เสนอขายอาวุธให้กับไทยเหมือนกัน โดยข่าวในช่วงนั้นระบุว่า ฝ่ายไทยมีความสนใจซื้อเฮลิคอปเตอร์ แบบ Mi-17V5จากรัสเซีย จำนวน 10 ลำ เพื่อปฏิบัติภารกิจการขนส่งลำเลียงเพื่อใช้ ทดแทนเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ ชี-นุก ที่มีปัญหาเรื่องซ่อมบำรุง และการจัดหาอะไหล่ทดแทนที่หาได้ยาก และมีราคาแพง .. ซึ่งก็มีการซื้อขายส่งมอบลอตแรกกันไปแล้ว 6 ลำ และเพิ่งเซ็นซื้อเป็นล็อตที่ 2 เมื่อไม่นานมานี้ .. รวมทั้งยังมีความสนใจจะซื้อรถถัง T-90A ของรัสเซีย ตามแผนกำลังรบของกองทัพบกด้วย .. อย่างไรก็ตาม มีการออกมาปฏิเสธจากบุคคลในรัฐบาลว่าไม่ได้มีความคิดที่จะซื้อรถถังจากประเทศรัสเซียแต่อย่างใด .. จนมาถึงเดือน ส.ค.60 ที่เป็นช่วงคาบเกี่ยว เตรียมขึ้นปีงบประมาณใหม่ ในเดือนต.ค.นี้ ก็มีข่าวสะพัดอีกครั้งว่า ทางการไทยตกลงซื้อ ฮ.Ka-32A11BC จากรัสเซีย ที่ถูกขนานนามในวงการว่า “ปักเป้า” ด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายปลาชนิดดังกล่าวขึ้นมาอีก .. ก็ต้องรอดูว่าคนในรัฐบาลคสช. จะออกมายอมรับ หรือปฏิเสธอย่างไร แล้วจะมีข้ออ้างความจำเป็นที่แตกต่างจากเรือดำน้ำ รถถัง ขีปนาวุธ ก่อนหน้านี้หรือไม่ .. แต่เอาเข้าจริงหากรัฐบาลทหารใช้งบประมาณไปซื้อ“เจ้าปักเป้า”ที่มีความโดดเด่นในเรื่องภารกิจการกู้ภัยซักฝูงสองฝูง น่าจะดีกว่าไปละลายน้ำ ซื้อเรือดำน้ำ ที่ยังไม่รู้จะเอาไปใช้ประโยชน์ นอกจากแอ๊คอาร์ต ให้เพื่อนเกรงใจด้วยซ้ำ.
**“ทีมงานตึกไทยฯ”อย่างเซ็ง “ไก่อู”ข่มสื่อแบบกร๊วกๆ บังคับทำสกู๊ปป้อนช่อง NBTเสียมาถึง“นายกฯตู่”
เปิดปฐมฤกษ์กันอีกรอบแล้ว สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ หรือ“ครม.สัญจร”ที่ จ.นครราชสีมา .. หลังจากที่ ครม.สัญจรในยุค“นายกฯลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งจัดไปได้แค่ 2 หน และว่างเว้นมานานกว่า 2 ปี ก่อนที่เพิ่งจะมาสั่งการให้เริ่มกันใหม่เป็นรายเดือน ทั้งที่ตัว“ลุงตู่”เองก็เคยตั้งแง่รังเกียจ ในทำนองว่า ครม.สัญจร ก็ไม่ต่างจากการจัดอีเว้นต์หาเสียงของนักการเมือง .. แต่เมื่อคะแนนนิยททั้งในส่วนของรัฐบาล คสช. หรือเรตติ้งส่วนตัวของ“ลุงตู่”เริ่มไม่สู้ดี ถึงกับยอมรับด้วยตัวเองว่า ก็เหมือนดูละครมา 3 ปี ก็ต้องมีเบื่อเป็นธรรมดา .. จึงจำเป็นต้องงัดไม้ตายเฉกเช่นเดียวกับนักการเมืองมาใช้ .. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงปีสุดท้ายที่กำลังจะถึงทางแพร่ง ผละมือจากอำนาจ หรือแล่นเรือแป๊ะไปต่อเช่นนี้ การโกยคะแนนนิยมตุนไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด จึงมีความจำเป็น .. โดยอาจจะปรับรูปแบบจากเดิมที่ “นายกฯตู่”มีการลงพื้นที่ในต่างจังหวัดอยู่บ้าง เป็นระยะๆ แม้จะขนลูกหาบรัฐมนตรีไปเป็นโขยง แต่ภาพที่ออกมาก็ยัง “วันแมนโชว์”แบบข้ามาคนเดียว .. ด้วยความที่ตัวนายกฯ ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนก็เป็นที่สนใจมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว ยังมาเจอรัฐมนตรีประเภท“โลกลืม”แบบในรัฐบาลชุดนี้อีก ก็ไปกันใหญ่ ..
เชื่อสิว่าถ้าให้รัฐมนตรีแยกย้ายกันไปลงพื้นที่ ไม่ต้องมีคะแนนล่วงหน้า ชาวบ้านน่าจะไม่รู้จักกว่าค่อน ครม. นี่กระมังเลยกลายเป็นภารกิจที่“นายกฯตู่”มอบหมายให้ “ท่านไก่อู”พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล และอธิบดีกรมประชาสัพันธ์ ไปจัดการให้ ครม.สัญจรโคราชงวดนี้ พ้นจากเงาของ“ลุงตู่” .. จนเป็นที่มาของการ“ขอความร่วมมือ”ให้โทรทัศน์แต่ละช่อง ตามประกบรัฐมนตรีเพื่อทำสกู๊ปมาป้อนเพื่อออกอากาศทางช่อง 11 NBT ..จนกลายเป็นเรื่องให้คนนินทา หมาดูถูก ถึงความบ้าอำนาจของ“อธิบดีไก่อู”ที่สำคัญตัวเองผิด คิดว่าสื่อทีวีทุกสำนักต้องมาทำงานภายใต้กรมประชาสัมพันธ์ .. กลายเป็นการสั่งงานกร๊วกๆ ที่บน “ตึกไทยคู่ฟ้า”ยังรับไม่ได้ เพราะสั่งการไปจริง แต่ไม่นึกว่าจะไป“เบ่งกล้าม”บังคับกันแบบไร้ศิลปะแบบนี้ .. ยิ่งกระแสตกๆ อยู่ พอคนด่า“ท่านไก่อู”เสร็จ ก็ต้องแวะมาด่านาย อย่าง“นายกฯตู่”ด้วย ก็ทุกคำพูด คำสั่งของ“ท่านไก่อู”อ้างชื่อ “ท่านนายกฯ”ทุกประโยค
** ยิ่งใหญ่ทุกสารทิศ “ท่านไก่อู” มีปัญหากับสื่อไม่พอ ขนาด“รัฐมนตรี”ยังด่าไม่ไว้หน้า ฐานทำเรตติ้งช่อง 11 ตก
แค่นั้นยังไม่พอสำหรับอิทธิฤทธิ์ของ“อธิบดีไก่อู”ที่มีประเด็นกับสื่อมาตลอด แล้วยังใหญ่โตจนไปไฝ้วกับ “รัฐมนตรีท่านหนึ่ง”มาหมาดๆ .. เรื่องของเรื่องก็ด้วย ช่อง 11 NBT กรมประชาสัมพันธ์ มีนโยบายให้แต่ละกระทรวงส่งคลิปวิดีโอกิจกรรมที่น่าสนใจ มานำเสนอออกทาง ช่อง 11 NBT สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป .. เผอิญวันนั้น “ท่านไก่อู”มีโอกาสได้เฝ้าหน้าจอ ก็ไปสะดุดกับรายการของกระทรวงหนึ่ง ที่เป็นการแสดงความสามารถในการร้องเพลงของผู้ที่ได้รับรางวัลผลงานดีเด่นด้านการใช้ภาษาไทย .. กลายเป็นว่าไม่ถูกจริต“ท่านอธิบดี”อย่างแรง จนคว้าโทรศัพท์สายตรงไปถึงรัฐมนตรี ต่อว่าเสียๆ หายๆ ในทำนองนำรายการแบบนี้มาออกอากาศได้ยังไง .. รัฐมนตรีท่านนั้นก็อธิบายว่า โครงการนี้เป็นโครงการสำคัญของทางกระทรวง มีการจัดมาต่อเนื่องเป็นสิบปี .. ซึ่ง“ท่านไก่อู”ก็ไม่ฟัง ซัดไปอีกว่า ไม่มีความน่าสนใจ พร้อมกับหลุดออกมาด้วยว่า “แบบนี้เรตติ้งช่องผมตกหมด”ทำเอารัฐมนตรีท่านนั้น ก็สวนกลับว่า จะไปออกอากาศทางช่องอื่นเหมือนกัน
แถมอีกนิด มีเรื่องเม้าต์ จาก นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ รุ่นที่ 60 ที่ ครม. เพิ่งอนุมัติรายชื่อ และเริ่มเรียนเป็น“เฟรชชี่ วปอ.60”ประจำปีการศึกษา 2560-2561 มาไม่นาน .. รุ่นนี้ยังคลาคล่ำไปด้วยคนเด่น คนดัง ทั้งภาครัฐ เอกชน โดยเฉพาะ “บิ๊กทหาร”ที่มากันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นเคย .. โดย“บิ๊กไก่อู”ก็ร่วมเรียนรุ่นนี้ พร้อมกับคู่หู“บิ๊กโหน่ง”พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกรัฐบาล ที่ได้คิวเรียนในรุ่นนี้เช่นกัน .. แต่ก็มีคนช่างสังเกต เหลือบไปเห็นใบลงชื่อเข้าเรียนของ 2 บิ๊ก แห่งตึกนารีสโมสร ที่ต่างก็มีตำแหน่งในกองทัพเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ทั้งคู่ .. แล้วเห็นที่ได้เข้าเรียน วปอ. ก็น่าจะมาจากตำแหน่งในทางทหารมากกว่าตำแหน่งเฉพาะกิจ อย่างโฆษกฯ หรือรองโฆษกรัฐบาล .. แต่ในใบลงชื่อนั้น “บิ๊กโหน่ง”จะลงตำแหน่งอย่างภาคภูมิใจว่า ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก มิได้กล่าวถึงตำแหน่ง รองโฆษกฯ แต่ประการใด .. ผิดกับ“บิ๊กไก่อู”ที่ดูปลื้มปริ่มกับตำแหน่งนอกกองทัพมากกว่า กระทั่งเมื่อลงชื่อด้วยตำแหน่ง“โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี/อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์”ทุกครั้ง หรือลืมไปแล้วว่า ตำแหน่งในกองทัพตัวเองเขียนยังไง .
ช.ชฎา
รูป
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค
**Shopaholic ตัวจริง ออเดอร์ “รัฐบาลคสช.”สั่งซื้อ ฮ.รัสเซียอีกแล้ว คราวนี้สอย“ปักเป้า”ฮ.กู้ภัยสุดทันสมัย
ไม่ใครก็ใครในรัฐบาลชุดนี้ คงเป็นโรค“Shopaholic–ชอปอะฮอลิก”เสพติดการชอปปิ้งไปแล้วซะละมั้ง .. โดยเฉพาะการชอปอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร เรือดำน้ำเอย รถถังเอย ขีปนาวุธเอย มีให้ได้ยินไม่เว้นแต่ละเดือน .. ด้วยข้ออ้างสารพัด ว่าเป็นงบผูกพันบ้าง เป็นโครงการเก่าบ้าง จำเป็นต้องทดแทนของเก่าบ้าง ไล่ไปจนต้องเสริมแสนยานุภาพให้เพื่อนบ้านเกรงใจบ้าง .. ล่าสุด “สำนักข่าวทาสส์”สำนักข่าวเก่าแก่ของประเทศรัสเซีย เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทผู้ผลิต เฮลิคอปเตอร์รายใหญ่ที่สุดในรัสเซีย เตรียมการส่ง เฮลิคอปเตอร์ Ka-32A11BC ซึ่งเป็นอากาศยานปีกหมุนยอดนิยมให้กับประเทศไทย .. โดยรายงานข่าวแจ้งว่า “กองทัพไทย”จะเป็นชาติแรกๆ ของโลก ที่มี ฮ.รุ่นนี้ใช้งานเสียด้วย .. แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นเพียงรายงานข่าวจาก“สำนักข่าวที่เชื่อถือ”ของทางรัสเซีย ที่อ้างแถลงการณ์ของ บริษัท Russian Helicopters ซึ่งเป็นบริษัทในสังกัดรัฐวิสาหกิจของกระทรวงกลาโหมรัสเซียเท่านั้น ยังไม่มีการยืนยันใดๆ จากคนในรัฐบาลไทย
ถ้าย้อนไปเมื่อช่วงต้นปี 2559 เดือนก.พ. “ป๋าป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมพร้อมคณะ ได้เดินทางเยือน สหพันธรัฐรัสเซีย .. โดยมีภารกิจในการขยายความร่วมมือด้านความมั่นคง-เศรษฐกิจ รวมทั้งการนำเสนอขายสินค้าเกษตรของไทย .. ซึ่งทางรัสเซียก็เสนอขายอาวุธให้กับไทยเหมือนกัน โดยข่าวในช่วงนั้นระบุว่า ฝ่ายไทยมีความสนใจซื้อเฮลิคอปเตอร์ แบบ Mi-17V5จากรัสเซีย จำนวน 10 ลำ เพื่อปฏิบัติภารกิจการขนส่งลำเลียงเพื่อใช้ ทดแทนเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ ชี-นุก ที่มีปัญหาเรื่องซ่อมบำรุง และการจัดหาอะไหล่ทดแทนที่หาได้ยาก และมีราคาแพง .. ซึ่งก็มีการซื้อขายส่งมอบลอตแรกกันไปแล้ว 6 ลำ และเพิ่งเซ็นซื้อเป็นล็อตที่ 2 เมื่อไม่นานมานี้ .. รวมทั้งยังมีความสนใจจะซื้อรถถัง T-90A ของรัสเซีย ตามแผนกำลังรบของกองทัพบกด้วย .. อย่างไรก็ตาม มีการออกมาปฏิเสธจากบุคคลในรัฐบาลว่าไม่ได้มีความคิดที่จะซื้อรถถังจากประเทศรัสเซียแต่อย่างใด .. จนมาถึงเดือน ส.ค.60 ที่เป็นช่วงคาบเกี่ยว เตรียมขึ้นปีงบประมาณใหม่ ในเดือนต.ค.นี้ ก็มีข่าวสะพัดอีกครั้งว่า ทางการไทยตกลงซื้อ ฮ.Ka-32A11BC จากรัสเซีย ที่ถูกขนานนามในวงการว่า “ปักเป้า” ด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายปลาชนิดดังกล่าวขึ้นมาอีก .. ก็ต้องรอดูว่าคนในรัฐบาลคสช. จะออกมายอมรับ หรือปฏิเสธอย่างไร แล้วจะมีข้ออ้างความจำเป็นที่แตกต่างจากเรือดำน้ำ รถถัง ขีปนาวุธ ก่อนหน้านี้หรือไม่ .. แต่เอาเข้าจริงหากรัฐบาลทหารใช้งบประมาณไปซื้อ“เจ้าปักเป้า”ที่มีความโดดเด่นในเรื่องภารกิจการกู้ภัยซักฝูงสองฝูง น่าจะดีกว่าไปละลายน้ำ ซื้อเรือดำน้ำ ที่ยังไม่รู้จะเอาไปใช้ประโยชน์ นอกจากแอ๊คอาร์ต ให้เพื่อนเกรงใจด้วยซ้ำ.
**“ทีมงานตึกไทยฯ”อย่างเซ็ง “ไก่อู”ข่มสื่อแบบกร๊วกๆ บังคับทำสกู๊ปป้อนช่อง NBTเสียมาถึง“นายกฯตู่”
เปิดปฐมฤกษ์กันอีกรอบแล้ว สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ หรือ“ครม.สัญจร”ที่ จ.นครราชสีมา .. หลังจากที่ ครม.สัญจรในยุค“นายกฯลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่งจัดไปได้แค่ 2 หน และว่างเว้นมานานกว่า 2 ปี ก่อนที่เพิ่งจะมาสั่งการให้เริ่มกันใหม่เป็นรายเดือน ทั้งที่ตัว“ลุงตู่”เองก็เคยตั้งแง่รังเกียจ ในทำนองว่า ครม.สัญจร ก็ไม่ต่างจากการจัดอีเว้นต์หาเสียงของนักการเมือง .. แต่เมื่อคะแนนนิยททั้งในส่วนของรัฐบาล คสช. หรือเรตติ้งส่วนตัวของ“ลุงตู่”เริ่มไม่สู้ดี ถึงกับยอมรับด้วยตัวเองว่า ก็เหมือนดูละครมา 3 ปี ก็ต้องมีเบื่อเป็นธรรมดา .. จึงจำเป็นต้องงัดไม้ตายเฉกเช่นเดียวกับนักการเมืองมาใช้ .. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงปีสุดท้ายที่กำลังจะถึงทางแพร่ง ผละมือจากอำนาจ หรือแล่นเรือแป๊ะไปต่อเช่นนี้ การโกยคะแนนนิยมตุนไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด จึงมีความจำเป็น .. โดยอาจจะปรับรูปแบบจากเดิมที่ “นายกฯตู่”มีการลงพื้นที่ในต่างจังหวัดอยู่บ้าง เป็นระยะๆ แม้จะขนลูกหาบรัฐมนตรีไปเป็นโขยง แต่ภาพที่ออกมาก็ยัง “วันแมนโชว์”แบบข้ามาคนเดียว .. ด้วยความที่ตัวนายกฯ ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนก็เป็นที่สนใจมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว ยังมาเจอรัฐมนตรีประเภท“โลกลืม”แบบในรัฐบาลชุดนี้อีก ก็ไปกันใหญ่ ..
เชื่อสิว่าถ้าให้รัฐมนตรีแยกย้ายกันไปลงพื้นที่ ไม่ต้องมีคะแนนล่วงหน้า ชาวบ้านน่าจะไม่รู้จักกว่าค่อน ครม. นี่กระมังเลยกลายเป็นภารกิจที่“นายกฯตู่”มอบหมายให้ “ท่านไก่อู”พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล และอธิบดีกรมประชาสัพันธ์ ไปจัดการให้ ครม.สัญจรโคราชงวดนี้ พ้นจากเงาของ“ลุงตู่” .. จนเป็นที่มาของการ“ขอความร่วมมือ”ให้โทรทัศน์แต่ละช่อง ตามประกบรัฐมนตรีเพื่อทำสกู๊ปมาป้อนเพื่อออกอากาศทางช่อง 11 NBT ..จนกลายเป็นเรื่องให้คนนินทา หมาดูถูก ถึงความบ้าอำนาจของ“อธิบดีไก่อู”ที่สำคัญตัวเองผิด คิดว่าสื่อทีวีทุกสำนักต้องมาทำงานภายใต้กรมประชาสัมพันธ์ .. กลายเป็นการสั่งงานกร๊วกๆ ที่บน “ตึกไทยคู่ฟ้า”ยังรับไม่ได้ เพราะสั่งการไปจริง แต่ไม่นึกว่าจะไป“เบ่งกล้าม”บังคับกันแบบไร้ศิลปะแบบนี้ .. ยิ่งกระแสตกๆ อยู่ พอคนด่า“ท่านไก่อู”เสร็จ ก็ต้องแวะมาด่านาย อย่าง“นายกฯตู่”ด้วย ก็ทุกคำพูด คำสั่งของ“ท่านไก่อู”อ้างชื่อ “ท่านนายกฯ”ทุกประโยค
** ยิ่งใหญ่ทุกสารทิศ “ท่านไก่อู” มีปัญหากับสื่อไม่พอ ขนาด“รัฐมนตรี”ยังด่าไม่ไว้หน้า ฐานทำเรตติ้งช่อง 11 ตก
แค่นั้นยังไม่พอสำหรับอิทธิฤทธิ์ของ“อธิบดีไก่อู”ที่มีประเด็นกับสื่อมาตลอด แล้วยังใหญ่โตจนไปไฝ้วกับ “รัฐมนตรีท่านหนึ่ง”มาหมาดๆ .. เรื่องของเรื่องก็ด้วย ช่อง 11 NBT กรมประชาสัมพันธ์ มีนโยบายให้แต่ละกระทรวงส่งคลิปวิดีโอกิจกรรมที่น่าสนใจ มานำเสนอออกทาง ช่อง 11 NBT สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป .. เผอิญวันนั้น “ท่านไก่อู”มีโอกาสได้เฝ้าหน้าจอ ก็ไปสะดุดกับรายการของกระทรวงหนึ่ง ที่เป็นการแสดงความสามารถในการร้องเพลงของผู้ที่ได้รับรางวัลผลงานดีเด่นด้านการใช้ภาษาไทย .. กลายเป็นว่าไม่ถูกจริต“ท่านอธิบดี”อย่างแรง จนคว้าโทรศัพท์สายตรงไปถึงรัฐมนตรี ต่อว่าเสียๆ หายๆ ในทำนองนำรายการแบบนี้มาออกอากาศได้ยังไง .. รัฐมนตรีท่านนั้นก็อธิบายว่า โครงการนี้เป็นโครงการสำคัญของทางกระทรวง มีการจัดมาต่อเนื่องเป็นสิบปี .. ซึ่ง“ท่านไก่อู”ก็ไม่ฟัง ซัดไปอีกว่า ไม่มีความน่าสนใจ พร้อมกับหลุดออกมาด้วยว่า “แบบนี้เรตติ้งช่องผมตกหมด”ทำเอารัฐมนตรีท่านนั้น ก็สวนกลับว่า จะไปออกอากาศทางช่องอื่นเหมือนกัน
แถมอีกนิด มีเรื่องเม้าต์ จาก นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ รุ่นที่ 60 ที่ ครม. เพิ่งอนุมัติรายชื่อ และเริ่มเรียนเป็น“เฟรชชี่ วปอ.60”ประจำปีการศึกษา 2560-2561 มาไม่นาน .. รุ่นนี้ยังคลาคล่ำไปด้วยคนเด่น คนดัง ทั้งภาครัฐ เอกชน โดยเฉพาะ “บิ๊กทหาร”ที่มากันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นเคย .. โดย“บิ๊กไก่อู”ก็ร่วมเรียนรุ่นนี้ พร้อมกับคู่หู“บิ๊กโหน่ง”พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกรัฐบาล ที่ได้คิวเรียนในรุ่นนี้เช่นกัน .. แต่ก็มีคนช่างสังเกต เหลือบไปเห็นใบลงชื่อเข้าเรียนของ 2 บิ๊ก แห่งตึกนารีสโมสร ที่ต่างก็มีตำแหน่งในกองทัพเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ทั้งคู่ .. แล้วเห็นที่ได้เข้าเรียน วปอ. ก็น่าจะมาจากตำแหน่งในทางทหารมากกว่าตำแหน่งเฉพาะกิจ อย่างโฆษกฯ หรือรองโฆษกรัฐบาล .. แต่ในใบลงชื่อนั้น “บิ๊กโหน่ง”จะลงตำแหน่งอย่างภาคภูมิใจว่า ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก มิได้กล่าวถึงตำแหน่ง รองโฆษกฯ แต่ประการใด .. ผิดกับ“บิ๊กไก่อู”ที่ดูปลื้มปริ่มกับตำแหน่งนอกกองทัพมากกว่า กระทั่งเมื่อลงชื่อด้วยตำแหน่ง“โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี/อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์”ทุกครั้ง หรือลืมไปแล้วว่า ตำแหน่งในกองทัพตัวเองเขียนยังไง .
ช.ชฎา
รูป
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค