xs
xsm
sm
md
lg

“ระยะผ่าน” ที่ชักจะเริ่ม “ไม่ผ่าน”

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เริ่มต้นสัปดาห์นี้...ด้วยการหันไปเปิดเล้าไก่เป็นอันดับแรก น่าจะเหมาะกว่า เพราะเรื่องของโลกนั้น ท่าทางน่าจะเบาๆ ลงมาบ้างแล้ว แม้จะชั่วประเดี๋ยวประด๋าวก็ตามแต่ ซึ่งสำหรับบ้านเรานั้น...พอเริ่มต้นเปิดเล้าก็ดันไปเจอกับ “กรุงเทพโพลล์” แบบชนิดจะจะ จังๆ คือบทสำรวจความคิด ความเห็น ความนิยม ของสำนักวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่เปิดผอบ เปิดผ้าม่านกั้นเอาไว้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี่เอง...

แม้ว่าเรื่องของ “โพล” นั้น...จะเชื่อได้-เชื่อไม่ได้ หรือไม่อาจนำเอามาเป็นนิยม นิยายได้มากมายซักเท่าไหร่นัก แต่การที่ผลโพลมหาวิทยาลัยกรุงเทพมันแสดงให้เห็นถึงอาการ “เหี่ยวปลาย” คะแนนนิยมของรัฐบาลและแม้แต่ของนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” รูดทะราดลงมาเรื่อยๆ อันนี้...คงต้องเก็บไปคิดเป็นการบ้าน ต้องพยายาม “ฟังแล้วให้ได้ยิน” อยู่บ้างเหมือนกัน เพราะมันคงไม่ถึงกับขัดแย้งข้อเท็จจริงอะไรมากมาย การที่คะแนนนิยมรัฐบาลในช่วงครบรอบ 2 ปี ซึ่งเคยอยู่ที่ประมาณ 6.19 จาก 10 ลดวูบลงเหลือแค่ 5.27 เมื่อถึงช่วงครบรอบ 3 ปี หรืออยู่ในระดับปริ่มๆ น้ำ หวิดๆ ถอยหลังลงคลองนั้น คงไม่ถึงกับต้องเสียเวลาออกแรง “เมค” ให้เมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว โดยใช่เหตุ เพราะโดยแนวโน้ม...มันน่าจะเป็นไปตามนั้นนั่นแหละทั่นสารวัตร...

คือถ้าหากรัฐมนตรีหลายต่อหลายราย...ยังอึดทึ่ดเป็นเรือเกลือ หันไป “อมสากกะเบือ” กันคนละด้าม-สองด้าม ปล่อยให้ท่านนายกฯ “บิ๊กตู่” คายสากอยู่เพียงคนเดียว ชนิดเดือดร้อน “ไก่อู” ต้องออกแรงลากใครต่อใครไปทำข่าวรัฐมนตรีระดับ 1 ช่อง 1 กระทรวงเช่นนี้ ต้องถือว่าโชคดีแล้ว...ที่ผลโพลมันไม่หล่นลงมาถึงขั้น 4.0 หรือถึงขั้น “สอบตก” เพราะแม้แต่ตัวของ “บิ๊กตู่” เองก็เถอะ จากที่เคยมาแรงแซงโค้ง คะแนนนิยมลุกเด่ ตั้งชัน ปานโด่ไม่รู้ล้มไปถึง 7.57 เมื่อช่วงครบ 2 ปี มาวันนี้...หายไป ถึง .57 เหลือแค่ 7.0 ล้วนๆ อันนี้...ต้องถือว่าแสดงถึง “สัญญาณ” ที่ไม่ค่อยชอบมาพากลอยู่พอสมควรเหมือนกัน เพราะจะเอาไปเปรียบเทียบกับรัฐบาลอื่นๆ ที่อาจ “สอบตก” ตั้งแต่ 3 เดือนแรก 6 เดือนแรก มันคงเอาไปเปรียบกันไม่ได้ หรือไม่ควรที่จะเอาไปเปรียบโดยเด็ดขาด...

เนื่องจากความ “ต่ำตม” ของแต่ละรัฐบาลที่ผ่านมา มันเป็นความต่ำตมภายใต้ “ระบบ” อันเดียวกัน คือไม่ว่า “ประชาธิปัตย์สอบตก” หรือ “เผาไทยสอบตก” แต่มันป็นการสอบตกภายใต้ระบบ หรือระบอบ “ประชาธิปไตย” นั่นแล ต่างไปจากรัฐบาล คสช.หรือรัฐบาล “บิ๊กตู่” ที่อยู่กันคนละระบบ ระบอบ หรืออยู่ในช่วง “ระยะผ่าน” ซึ่งจะต้องหาทางข้ามพ้นจากระบบหนึ่งไปสู่ระบบหนึ่ง ให้สมูธ แอส ซิลค์ นิ่มๆนวลๆ โดยไม่ต้อง “ตกม้าตาย” ซะกลางคันนั่นเอง...

ดังนั้น...ถ้าหากรัฐบาล คสช.หรือแม้แต่ตัว “บิ๊กตู่” เกิดอาการ “ต่ำตม” ขึ้นมาจริงๆ มันคงหนีไม่พ้นที่ต้องไปเกี่ยวกับอนาคตของระบบ ระบอบ ที่ตัวเองกำลังสถาปนาขึ้นมารองรับทิศทางการเมือง บ้านเมือง ในวันข้างหน้าอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้หรือทำให้ “ความเชื่อ-ความศรัทธา” ที่เคยวาดหวังเอาไว้แต่แรก มันอาจต้อง “เหี่ยวปลาย” ตามไปด้วย ไม่ว่าการวาดหวังถึง “แผ่นดินอันงดงาม” “การส่งเสริมคนดีให้เข้ามามีบทบาท-ขจัดคนชั่วไม่ให้มีอำนาจ” “การขุดรากถอนโคนระบบทุจริต คอร์รัปชัน” “การยึดมั่นในคุณธรรม ศีลธรรม ตามค่านิยม 12 ประการ” ฯลฯ ฯลฯ อะไรประมาณนั้น...

อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยสำคัญซะยิ่งกว่าการสอบผ่าน สอบไม่ผ่าน ของรัฐบาลอื่นๆ เพราะถือเป็นการ “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” ในช่วง “ระยะผ่าน” อีกด้วยต่างหาก ด้วยเหตุเพราะถ้าหากมัน “ไม่ผ่าน” ในช่วง “ระยะผ่าน” ที่ว่านี้ ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากการ “ติดแหงกอยู่บนคอสะพาน” ไม่ว่าจะเป็น “สะพานรักสารสิน” หรือ “สะพานควาย” ก็แล้วแต่ โอกาสที่จะทะยานไปสู่ความเป็น “ไทยแลนด์ 4.0” ขณะที่การเมืองต้องย้อนกลับมาสู่ “ไทยแลนด์ 2.0” หรือเผลอๆ...หลุดไปไกลถึง “ไทยแลนด์ 0.4” เอาเลยก็ไม่แน่!!! มันจึงเป็นเรื่องที่คงต้องคิดให้มากๆ เข้าไว้ ต้อง “ฟังให้ได้ยิน” ฟังแล้วทำการบ้าน ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ แบบสุดฤทธิ์ สุดเดช จะอยู่กันไปเรื่อยๆ หรืออยู่จนกว่าจะตายกันไปข้าง คงลำบาก!!!

ส่วนเหตุที่ “ผลโพล” มันออกมาในรูปนี้...จะมีที่มา-ที่ไป มีเหตุปัจจัยแบบไหน อย่างไร คงเป็นเรื่องของรัฐบาลนั่นแหละที่คงต้องไปคิดกันเอาเอง แต่ถ้ามองจากสายตาของ “ผู้สังเกตการณ์” ที่ยืนอยู่ห่างๆ ไม่ได้ไปมะรุมมะตุ้มอะไรกับใครเขาด้วย ดูเหมือนว่า...ความพยายามวางน้ำหนักในการขับเคลื่อนความคิด ความอ่าน ความหวัง หรือจะเรียกว่าอุดมคติ อุดมการณ์ไปเลยก็แล้วแต่ เอาไว้ที่ “กลไกข้าราชการ” เป็นหลักมาตั้งแต่ต้น จนอาจไม่สามารถผสมผสาน “การมีส่วนร่วม” ระหว่างประชาชนกับภาครัฐ ให้เกิดเป็น “ประชารัฐ” ได้อย่างจริงๆ จังๆ ตามที่พยายามพูดแล้ว พูดอีก อันนี้นี่แหละ...อาจมีส่วนฉุดรั้งฉุดดึง ให้อะไรต่อมิอะไรมันเลยรูดมหาราชลงไปเรื่อยๆ เพราะกลไกราชการ หรือการดำรงความเป็น “รัฐราชการ” ในขณะที่โลกมันไปถึงไหนต่อถึงไหนไปแล้วก็ไม่รู้ ไม่เพียงก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสิ่งที่คิด ที่หวัง กับสิ่งที่ต้องลงมือกระทำเท่านั้น เผลอๆ...อาจหนักไปถึงขั้นโดน “วางยา” เอาซะอีกต่างหาก!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น