นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย ตัวแทนร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (โชห่วย) ที่ขายบุหรี่ทั่วประเทศ กล่าวถึง ข้อกังวลเกี่ยวกับมาตรการจัดเก็บภาษีต่างๆ จากสินค้ายาสูบอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ที่ครม.มีมติ อนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ. ผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กำหนดให้กองทุนผู้สูงอายุ มีอำนาจจัดเก็บเงินบำรุงกองทุนจากผู้มีหน้าที่เสียภาษีสรรพสามิตในส่วนที่เกี่ยวกับสินค้าสุรา และยาสูบ ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต ในอัตรา 2% ของภาษีที่เก็บจากสุราและยาสูบ ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้บรรดาร้านค้ารายเล็กๆ ต่างวิตกถึงผลกระทบต่อผู้บริโภค และสภาพธุรกิจการค้า โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องปรับตัว ต่อผลกระทบจากกฎระเบียบใหม่ ใน พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ที่เกี่ยวข้องกับการขาย และเพิ่งมีผลบังคับใช้ไป เช่น การห้ามแบ่งขาย ที่ทำให้ร้านค้าซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจค้าปลีก ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
นอกจากนี้ มาตรการต่างๆ ของรัฐ จะยิ่งส่งผลให้บุหรี่เถื่อนระบาดหนักขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้ชายแดนภาคต่างๆ เพราะยิ่งรัฐรีดภาษีบุหรี่ ยิ่งทำให้บุหรี่ถูกกฎหมายราคาแพงขึ้นๆ ก็จะไปเพิ่มแรงจูงใจ ให้นักสูบหันไปซื้อบุหรี่เถื่อน ราคาซองละ 20-30 บาท กันมากขึ้น ร้านค้าที่ขายของถูกกฎหมาย ก็เดือดร้อน และท้ายสุดรัฐก็เป็นฝ่ายสูญเสียรายได้ภาษี ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว และมีแต่จะเลวร้ายลงไปอีก หากรัฐยังคงเดินหน้ารีดภาษีเพิ่มเช่นนี้
"สมาชิกร้านค้ามีความกังวลและสับสน ต่อกระแสข่าวในเรื่องการขึ้นภาษีบาป เพื่อนำไปสมทบกองทุนใหม่ๆ อยู่เป็นระยะๆ ส่งผลต่อสภาพการค้าขายและเศรษฐกิจระดับรากหญ้าโดยตรง สิ่งที่น่ากังวลคือ ในวันที่ 16 ก.ย.ที่จะถึงนี้ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตใหม่ จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสินค้าบุหรี่ด้วย เนื่องจากจะมีการเก็บภาษี เพื่อมหาดไทย จากสินค้ายาสูบในอัตรา 10% ของภาษีสรรพสามิต ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการเรียกเก็บภาษีตัวนี้ กับสินค้าบุหรี่ จะเห็นได้ว่า บุหรี่ตกเป็นเป็นเป้ารีดภาษีเพิ่มทุกปี ทั้งๆ ที่รัฐบาลพูดมาตลอดว่า ในการออกกฎหมายต่างๆ จะไม่สร้างภาระเพิ่มให้ประชาชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับสวนทางกัน " นางวราภรณ์ กล่าว .
นอกจากนี้ มาตรการต่างๆ ของรัฐ จะยิ่งส่งผลให้บุหรี่เถื่อนระบาดหนักขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้ชายแดนภาคต่างๆ เพราะยิ่งรัฐรีดภาษีบุหรี่ ยิ่งทำให้บุหรี่ถูกกฎหมายราคาแพงขึ้นๆ ก็จะไปเพิ่มแรงจูงใจ ให้นักสูบหันไปซื้อบุหรี่เถื่อน ราคาซองละ 20-30 บาท กันมากขึ้น ร้านค้าที่ขายของถูกกฎหมาย ก็เดือดร้อน และท้ายสุดรัฐก็เป็นฝ่ายสูญเสียรายได้ภาษี ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว และมีแต่จะเลวร้ายลงไปอีก หากรัฐยังคงเดินหน้ารีดภาษีเพิ่มเช่นนี้
"สมาชิกร้านค้ามีความกังวลและสับสน ต่อกระแสข่าวในเรื่องการขึ้นภาษีบาป เพื่อนำไปสมทบกองทุนใหม่ๆ อยู่เป็นระยะๆ ส่งผลต่อสภาพการค้าขายและเศรษฐกิจระดับรากหญ้าโดยตรง สิ่งที่น่ากังวลคือ ในวันที่ 16 ก.ย.ที่จะถึงนี้ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตใหม่ จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสินค้าบุหรี่ด้วย เนื่องจากจะมีการเก็บภาษี เพื่อมหาดไทย จากสินค้ายาสูบในอัตรา 10% ของภาษีสรรพสามิต ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการเรียกเก็บภาษีตัวนี้ กับสินค้าบุหรี่ จะเห็นได้ว่า บุหรี่ตกเป็นเป็นเป้ารีดภาษีเพิ่มทุกปี ทั้งๆ ที่รัฐบาลพูดมาตลอดว่า ในการออกกฎหมายต่างๆ จะไม่สร้างภาระเพิ่มให้ประชาชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับสวนทางกัน " นางวราภรณ์ กล่าว .