ข่าวปนคน คนปนข่าว
** อย่าเอ็ดไป 120 กก.ปฏิรูป “เด็กป๋าป้อม”ก็ไม่ได้เยอะ แค่กระจายฝังตัวอยู่แทบทุกชุด รับดาบ“ผู้คุมกฎ”ชง“กก.ยุทธศาสตร์ฯ”ใครนอกลู่“โรดแมป คสช.”มีเรื่อง
ปล่อยชื่อ กรรมการปฏิรูป 11 ด้าน 120 คน ออกมาไม่ทันไร ก็มี “ก้อนหิน”เสียงก่นด่าระงม เสียงชื่นชมมีกระจ้อยร่อย .. ข้อหาหนักสุดที่ทำเอา “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช. ถึงกับวีนแตก ก็ไปโยงว่าใน 120 กรรมการปฏิรูป ส่วนใหญ่พะโลโก้ “เด็กบิ๊กป้อม”ที่หน้าผาก .. เจ้าตัวเลยถามกลับไหนๆ คนไหนบ้าง ให้ชี้ชัดๆ กันมาเลย แถมการันตีด้วยว่า ทุกคนเป็นคนทำงาน ตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ .. ใครจะขยัน ใครจะตั้งใจ ก็ไม่ว่ากัน แต่ที่เขาสงสัยทั้งประเทศ 70 ล้านคน มีคนขยัน-คนตั้งใจอยู่แค่หยิบมือนี่หรือ คนดี-คนเก่ง ที่ว่างงานน่าจะมีมากกว่านี้กระมัง .. ในชุดแรก 120 คน ที่ได้มากินเบี้ยประชุมเหนาะๆ 4.8 หมื่นบาทต่อเดือน แต่ละคนก็มีตำแหน่งแห่งที่ในรัฐบาลคสช. แล้วทั้งสิ้น ส่วนใหญ่ก็ อดีต สปท.-สปช. อะไรเทือกนั้น ..
คนที่ถูกจับตามองว่าเป็น“เด็กบิ๊กป้อม”จริงๆ ก็ไม่ได้มากมาย แต่กระจายฝังตัวอยู่ชุดละคน สองคน .. อย่าง ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กุนซือส่วนตัว“บิ๊กป้อม” ที่ตอนนี้ไปนั่งเป็น ประธานบอร์ด กฟภ.ด้วย หรือ พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ นี่ก็ว่าใช่ .. “เสธ.เอ็กซ์”พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก ลูกชายพล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย อดีตหน้าห้อง“บิ๊กป้อม”นี่ชัดเจน .. “นวยนิ่ม”พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีต สปท. นั่งไม่รู้กี่ตำแหน่ง แล้วหลังคสช. เข้ามามีอำนาจ เป็นอาทิ .. จริงๆ แล้วก็ไม่เยอะ "ไม่น่าเกลียด" เหมือนกรรมการหลายๆ ชุดของคสช. แต่ด้วยอำนาจหน้าที่ของกรรมการปฏิรูปที่อยู่โยงคนละ 5 ปี เป็น "ผู้คุมกฎ" ไม่ให้ใครพลิ้วไม่ทำตามโรดแมปปฏิรูป ที่คสช.วางไว้ ก็น่าหวั่นใจพอสมควร .. แล้วถ้าเป็นดั่งที่ "นายกฯน้องตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อวยพร "พี่ป้อม" เมื่อวันคล้ายวันเกิดครบ 72 ขวบ ไม่กี่วันก่อนว่า "ท่านอยู่กับผมทั้งชาติแหละ" แล้วยิ่งถ้าล้อไปกับยุทธศาสตร์ชาติ ที่ คสช.วางไว้ไม่ต่ำกว่า 20 ปี .. ก็ไม่ต้องแปลกใจว่า ขุมข่ายอำนาจที่มีต้นสายมาจาก"ป่ารอยต่อฯ" นี้จะวนเวียน มีตำแหน่งแห่งที่กันต่อไปทั้งชาติ .. โดยเฉพาะของจริงอย่าง“คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ”ที่กำลังจะตั้งนั่นน่ากลัวกว่าเยอะ
** เดินหน้าประมูลแหล่งปิโตรเลียม“เอราวัณ-บงกช”ใช้ระบบ PSC แบ่งปันผลผลิต ความชื่นใจเล็กๆ ของ“ภาคประชาชน”
ได้ฤกษ์ซะที การเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียม“เอราวัณ-บงกช”ที่จะหมดอายุสัมปทานปี 2565-2566 ซึ่งทางภาครัฐหมายมั่นมานาน .. หลังที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบแพคเกจ ร่างกฎกระทรวง และร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม ที่ออกตามความใน พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC)เหลือเพียงขั้นตอนตรวจทานเล็กน้อย ..ทางกระทรวงพลังงานคาดว่าจะประกาศเปิดประมูลแหล่ง“เอราวัณ-บงกช”ได้ในเดือนก.ย. หรืออย่างช้าต.ค.นี้ และจะได้ผู้ชนะประมูล ภายใน มี.ค.-เม.ย. 61 .. คำขู่ว่าที่ว่า หากไม่รีบประมูล ประเทศอาจเข้าสู่กลียุคเพราะจะไม่มีก๊าซธรรมชาติ-ไฟฟ้าใช้ ก็คงเลิกงัดออกมาใช้เสียที
.. สิ่งที่แตกต่างออกไปจากหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีกระแสคัดค้านการเดินหน้าเปิดสัมปทานปิโตรเลียม หรือการประมูลรอบใหม่นี้ ก็คงจะเป็น“ระบบแบ่งปันผลผลิต”หรือ“PSC”ที่ “ภาคประชาชน”พยายามผลักดันมานาน แต่ฝ่ายรัฐไม่นำพาเท่าที่ควร .. ไม่เท่านั้นยัง“ตั้งแง่รังเกียจ”ระบบ PSC ราวกับจะทำให้ประเทศชาติล่มจมไปซะอย่างนั้นด้วย .. ที่สุด เมื่อกฎบัตร กฎหมาย หลักเกณฑ์ทั้งหลายลุล่วง ก็เป็นภาครัฐเองที่เลือก ระบบ PSC เข้ามาใช้กับการแหล่งปิโตรเลียม “ เอราวัณ-บงกช” .. ทาง วีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ก็ยกยอ“ระบบ PSC”ว่ามีดีอย่างนั้น อย่างนี้ โดยเฉพาะการที่รัฐจะสามารถเข้าไปตรวจสอบอย่างรัดกุม ทุกขั้นตอน .. จนสงสัยว่าแล้วที่ผ่านมาภาครัฐจะตั้งแง่ค้านหัวชนฝาไปเพื่อ ?? .. หรือกลัวว่าหากไปรับข้อเสนอจาก “ภาคประชาชน”แล้วจะเสียเหลี่ยมเสียเชิงอะไร .. จนตอนนี้ทุกอย่างดูราบรื่น ภาคประชาชนที่เคยคัดค้านอย่างหนัก ก็นิ่งอยู่ในที่ตั้ง .. ส่วนผู้ประมูลที่เคยกังวลว่าจะไม่สนใจ ก็ประกาศแล้วว่า พร้อมเข้าร่วมประมูลแน่นอน ทั้ง “เชฟรอน”หรือ “ปตท.สำรวจและผลิต”เอง .. พิสูจน์ให้เห็นถึงข้อดีในการเปิดกว้างรับฟังข้อเสนอ-ข้อท้วงติง ไม่ใช่เอะอะ ก็คิดว่าถูกอยู่คนเดียว .. แล้วถ้ากติกาที่เป็นที่ยอมรับแบบนี้แล้วยังทะลึ่งไปปล่อยให้ประเทศชาติเสียเปรียบ “ผู้รับสัมปทาน”อีกละก็ .. เจอกัน !!
** มิชชั่นยึดองค์กรอิสระ ของ“ปู่มีชัย”เดินมาครึ่งทางแล้ว ล้างบาง กกต.-ตีธงโละกสม.ยกแผง คิวต่อไป ป.ป.ช.-ศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนผู้ตรวจฯ รอดหวิว จากอานิสงส์ เรือดำน้ำจีน
ต่อแถวกันแบบยาวไปๆ “องค์กรอิสระไทยแลนด์”ทำท่าจะชะตากรรมเดียวกันหมด .. หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องติดบ่วง“เซตซีโร” ล่วงหน้าไปแล้ว .. คิวถัดมาก็เป็น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ทำท่าจะไม่รอด .. ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ในการถก ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในชั้น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็มีความพยายามแก้ไขร่างเดิม ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ส่งมา เพื่อปลดล็อกการเซตซีโร “กรรมการสิทธิฯ”.. โดยกรธ.ของ ท่านปู่มีชัย ฤชุพันธุ์ เขียนไว้ชัด ให้“กสม.ชุดปัจจุบัน”พ้นจากตำแหน่งทั้งหมด หลังกฎหมายลูกประกาศใช้ แต่ก็ให้อยู่รักษาการจนกว่าจะมี “กสม.ชุดใหม่”มาทำหน้าที่ .. ก่อนมาเจอ กรรมาธิการฝ่าย สนช. ที่มี พล.ร.อ.วัลลภ เกิดผล เป็นประธาน เขย่าในการประชุมนัดสุดท้าย แก้ไขเปลี่ยนแปลงด้วย“มติเสียงข้างมาก”ให้ กสม.ชุดปัจจุบัน อยู่ทำหน้าที่ต่อไป“ครึ่งเทอม”ของวาระการดำรงตำแหน่ง หรือ“ไม่เกินสามปี” .. ธงเซตซีโร ของกรธ. เลยชักได้แค่ครึ่งเสา
สาเหตุที่ร่างสุดท้ายของกรรมาธิการ สนช.ไม่ได้เป็นไปตาม“ธง”ที่ กรธ.ส่งมาให้ ก็เพราะในวันประชุมครั้งสุดท้าย “2 ตัวแทนจากกรธ.” ติดภารกิจเข้าประชุมไม่ทัน .. เลยเจอ สนช. ที่แม้เสียงแตกออกเป็น 3 ทาง คือ ให้ กสม.อยู่จนครบตามวาระของแต่ละคน ไม่ต้องมีการเซตซีโร หรือ รีเซตใดๆ ทั้งสิ้น .. สอง ให้ กสม.อยู่ทำหน้าที่ต่อไป ไม่ต้องเซตซีโร แต่ดูคุณสมบัติของกสม.รายบุคคลว่า มีบุคคลใดขาดคุณสมบัติบ้างไหม .. และแนวทางที่สาม เสนอโดย “เดอะเอ๋”สมชาย แสวงการ ที่แปรญัตติให้ กสม.ชุดปัจจุบัน ทำหน้าที่ต่อไป แต่ให้อยู่ครึ่งสมัย คือให้อยู่แค่ไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง .. โดยมีการโหวตในประเด็นแรกว่า จะให้เซตซีโร กสม. หรือไม่ ปรากฏว่า ฝ่ายไม่เซตซีโร เฉือนหวิว ชนะไปแค่ 1 เสียง .. ก่อนที่ “เดอะเอ๋”จะเสนอไอเดียอยู่ครึ่งเทอม-เซตซีโร ครึ่งเดียว เป็นตัวเลือก ที่ “2 กรธ.”มาทันพอดี เลยไร้ทางเลือกโหวตให้อยู่ครึ่งวาระ 3 ปีไปด้วย แต่ก็ยังสงวนคำแปรญัตติ ขอเซ็ตซีโร เหมือนเดิม .. เป็นที่มาของอารมณ์กรุ่นๆ ของ “ปู่มีชัย”ที่แม้บอกว่า สนิทกับ กสม.ทุกคน แต่ที่มาของการสรรหาเดิม“ไม่เปิดกว้าง-ไม่มีส่วนร่วม”อย่างเพียงพอ ..จนเชื่อว่า การประชุมในที่ประชุมใหญ่ สนช. คงเดือดกันปุดๆ โดยเฉพาะจังหวะที่“ปู่มีชัย”จะสะบัดธงโละกสม. ยกแผง ..
ส่วนฝ่าย "วัส ติงสมิตร" ประธาน กสม.คนปัจจุบัน ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน ยืนยันว่า“กสม.ชุดปัจจุบัน”ได้มาโดยถูกต้องตาม“หลักการปารีส”มีความหลากหลายมากพอ .. “ท่านประธานวัส”จากเดิมที่ชิลล์ๆ ว่าคงไม่โดนล้างบางเหมือน กกต. ก็มีขึ้นเหมือนกัน สวนกับประธาน กรธ. ไปว่า ถ้ามีธงเซตซีโร จริงๆ แล้วควรจะเขียนไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญไปเลย .. เหน็บกลับไปอีกดอกด้วยว่า “ปู่มีชัย”มีวาระซ่อนเร้น-เจตนาแอบแฝง รับใบสั่งมายึดองค์กรอิสระ.. ดูท่าการจัดแผงอำนาจ จะไม่ค่อยลงตัวเท่าไร ตั้งแต่ กกต. กสม. ต่อไปเป็นคิว คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือศาลรัฐธรรมนูญ ก็ทำท่าจะสนุกไม่หยอก .. ที่รอดไปได้ตอนนี้ก็มีแต่ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ประทับตรา "ขาวจั๊วะ" ให้โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจีน นั่นแล.
ช.ชฎา
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
วีระศักดิ์ พึ่งรัศมี
มีชัย ฤชุพันธุ์
วัส ติงสมิตร
** อย่าเอ็ดไป 120 กก.ปฏิรูป “เด็กป๋าป้อม”ก็ไม่ได้เยอะ แค่กระจายฝังตัวอยู่แทบทุกชุด รับดาบ“ผู้คุมกฎ”ชง“กก.ยุทธศาสตร์ฯ”ใครนอกลู่“โรดแมป คสช.”มีเรื่อง
ปล่อยชื่อ กรรมการปฏิรูป 11 ด้าน 120 คน ออกมาไม่ทันไร ก็มี “ก้อนหิน”เสียงก่นด่าระงม เสียงชื่นชมมีกระจ้อยร่อย .. ข้อหาหนักสุดที่ทำเอา “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช. ถึงกับวีนแตก ก็ไปโยงว่าใน 120 กรรมการปฏิรูป ส่วนใหญ่พะโลโก้ “เด็กบิ๊กป้อม”ที่หน้าผาก .. เจ้าตัวเลยถามกลับไหนๆ คนไหนบ้าง ให้ชี้ชัดๆ กันมาเลย แถมการันตีด้วยว่า ทุกคนเป็นคนทำงาน ตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ .. ใครจะขยัน ใครจะตั้งใจ ก็ไม่ว่ากัน แต่ที่เขาสงสัยทั้งประเทศ 70 ล้านคน มีคนขยัน-คนตั้งใจอยู่แค่หยิบมือนี่หรือ คนดี-คนเก่ง ที่ว่างงานน่าจะมีมากกว่านี้กระมัง .. ในชุดแรก 120 คน ที่ได้มากินเบี้ยประชุมเหนาะๆ 4.8 หมื่นบาทต่อเดือน แต่ละคนก็มีตำแหน่งแห่งที่ในรัฐบาลคสช. แล้วทั้งสิ้น ส่วนใหญ่ก็ อดีต สปท.-สปช. อะไรเทือกนั้น ..
คนที่ถูกจับตามองว่าเป็น“เด็กบิ๊กป้อม”จริงๆ ก็ไม่ได้มากมาย แต่กระจายฝังตัวอยู่ชุดละคน สองคน .. อย่าง ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กุนซือส่วนตัว“บิ๊กป้อม” ที่ตอนนี้ไปนั่งเป็น ประธานบอร์ด กฟภ.ด้วย หรือ พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ อดีตเจ้ากรมพระธรรมนูญ นี่ก็ว่าใช่ .. “เสธ.เอ็กซ์”พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก ลูกชายพล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย อดีตหน้าห้อง“บิ๊กป้อม”นี่ชัดเจน .. “นวยนิ่ม”พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีต สปท. นั่งไม่รู้กี่ตำแหน่ง แล้วหลังคสช. เข้ามามีอำนาจ เป็นอาทิ .. จริงๆ แล้วก็ไม่เยอะ "ไม่น่าเกลียด" เหมือนกรรมการหลายๆ ชุดของคสช. แต่ด้วยอำนาจหน้าที่ของกรรมการปฏิรูปที่อยู่โยงคนละ 5 ปี เป็น "ผู้คุมกฎ" ไม่ให้ใครพลิ้วไม่ทำตามโรดแมปปฏิรูป ที่คสช.วางไว้ ก็น่าหวั่นใจพอสมควร .. แล้วถ้าเป็นดั่งที่ "นายกฯน้องตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อวยพร "พี่ป้อม" เมื่อวันคล้ายวันเกิดครบ 72 ขวบ ไม่กี่วันก่อนว่า "ท่านอยู่กับผมทั้งชาติแหละ" แล้วยิ่งถ้าล้อไปกับยุทธศาสตร์ชาติ ที่ คสช.วางไว้ไม่ต่ำกว่า 20 ปี .. ก็ไม่ต้องแปลกใจว่า ขุมข่ายอำนาจที่มีต้นสายมาจาก"ป่ารอยต่อฯ" นี้จะวนเวียน มีตำแหน่งแห่งที่กันต่อไปทั้งชาติ .. โดยเฉพาะของจริงอย่าง“คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ”ที่กำลังจะตั้งนั่นน่ากลัวกว่าเยอะ
** เดินหน้าประมูลแหล่งปิโตรเลียม“เอราวัณ-บงกช”ใช้ระบบ PSC แบ่งปันผลผลิต ความชื่นใจเล็กๆ ของ“ภาคประชาชน”
ได้ฤกษ์ซะที การเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียม“เอราวัณ-บงกช”ที่จะหมดอายุสัมปทานปี 2565-2566 ซึ่งทางภาครัฐหมายมั่นมานาน .. หลังที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบแพคเกจ ร่างกฎกระทรวง และร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม ที่ออกตามความใน พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC)เหลือเพียงขั้นตอนตรวจทานเล็กน้อย ..ทางกระทรวงพลังงานคาดว่าจะประกาศเปิดประมูลแหล่ง“เอราวัณ-บงกช”ได้ในเดือนก.ย. หรืออย่างช้าต.ค.นี้ และจะได้ผู้ชนะประมูล ภายใน มี.ค.-เม.ย. 61 .. คำขู่ว่าที่ว่า หากไม่รีบประมูล ประเทศอาจเข้าสู่กลียุคเพราะจะไม่มีก๊าซธรรมชาติ-ไฟฟ้าใช้ ก็คงเลิกงัดออกมาใช้เสียที
.. สิ่งที่แตกต่างออกไปจากหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีกระแสคัดค้านการเดินหน้าเปิดสัมปทานปิโตรเลียม หรือการประมูลรอบใหม่นี้ ก็คงจะเป็น“ระบบแบ่งปันผลผลิต”หรือ“PSC”ที่ “ภาคประชาชน”พยายามผลักดันมานาน แต่ฝ่ายรัฐไม่นำพาเท่าที่ควร .. ไม่เท่านั้นยัง“ตั้งแง่รังเกียจ”ระบบ PSC ราวกับจะทำให้ประเทศชาติล่มจมไปซะอย่างนั้นด้วย .. ที่สุด เมื่อกฎบัตร กฎหมาย หลักเกณฑ์ทั้งหลายลุล่วง ก็เป็นภาครัฐเองที่เลือก ระบบ PSC เข้ามาใช้กับการแหล่งปิโตรเลียม “ เอราวัณ-บงกช” .. ทาง วีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ก็ยกยอ“ระบบ PSC”ว่ามีดีอย่างนั้น อย่างนี้ โดยเฉพาะการที่รัฐจะสามารถเข้าไปตรวจสอบอย่างรัดกุม ทุกขั้นตอน .. จนสงสัยว่าแล้วที่ผ่านมาภาครัฐจะตั้งแง่ค้านหัวชนฝาไปเพื่อ ?? .. หรือกลัวว่าหากไปรับข้อเสนอจาก “ภาคประชาชน”แล้วจะเสียเหลี่ยมเสียเชิงอะไร .. จนตอนนี้ทุกอย่างดูราบรื่น ภาคประชาชนที่เคยคัดค้านอย่างหนัก ก็นิ่งอยู่ในที่ตั้ง .. ส่วนผู้ประมูลที่เคยกังวลว่าจะไม่สนใจ ก็ประกาศแล้วว่า พร้อมเข้าร่วมประมูลแน่นอน ทั้ง “เชฟรอน”หรือ “ปตท.สำรวจและผลิต”เอง .. พิสูจน์ให้เห็นถึงข้อดีในการเปิดกว้างรับฟังข้อเสนอ-ข้อท้วงติง ไม่ใช่เอะอะ ก็คิดว่าถูกอยู่คนเดียว .. แล้วถ้ากติกาที่เป็นที่ยอมรับแบบนี้แล้วยังทะลึ่งไปปล่อยให้ประเทศชาติเสียเปรียบ “ผู้รับสัมปทาน”อีกละก็ .. เจอกัน !!
** มิชชั่นยึดองค์กรอิสระ ของ“ปู่มีชัย”เดินมาครึ่งทางแล้ว ล้างบาง กกต.-ตีธงโละกสม.ยกแผง คิวต่อไป ป.ป.ช.-ศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนผู้ตรวจฯ รอดหวิว จากอานิสงส์ เรือดำน้ำจีน
ต่อแถวกันแบบยาวไปๆ “องค์กรอิสระไทยแลนด์”ทำท่าจะชะตากรรมเดียวกันหมด .. หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องติดบ่วง“เซตซีโร” ล่วงหน้าไปแล้ว .. คิวถัดมาก็เป็น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ทำท่าจะไม่รอด .. ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ในการถก ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในชั้น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็มีความพยายามแก้ไขร่างเดิม ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ส่งมา เพื่อปลดล็อกการเซตซีโร “กรรมการสิทธิฯ”.. โดยกรธ.ของ ท่านปู่มีชัย ฤชุพันธุ์ เขียนไว้ชัด ให้“กสม.ชุดปัจจุบัน”พ้นจากตำแหน่งทั้งหมด หลังกฎหมายลูกประกาศใช้ แต่ก็ให้อยู่รักษาการจนกว่าจะมี “กสม.ชุดใหม่”มาทำหน้าที่ .. ก่อนมาเจอ กรรมาธิการฝ่าย สนช. ที่มี พล.ร.อ.วัลลภ เกิดผล เป็นประธาน เขย่าในการประชุมนัดสุดท้าย แก้ไขเปลี่ยนแปลงด้วย“มติเสียงข้างมาก”ให้ กสม.ชุดปัจจุบัน อยู่ทำหน้าที่ต่อไป“ครึ่งเทอม”ของวาระการดำรงตำแหน่ง หรือ“ไม่เกินสามปี” .. ธงเซตซีโร ของกรธ. เลยชักได้แค่ครึ่งเสา
สาเหตุที่ร่างสุดท้ายของกรรมาธิการ สนช.ไม่ได้เป็นไปตาม“ธง”ที่ กรธ.ส่งมาให้ ก็เพราะในวันประชุมครั้งสุดท้าย “2 ตัวแทนจากกรธ.” ติดภารกิจเข้าประชุมไม่ทัน .. เลยเจอ สนช. ที่แม้เสียงแตกออกเป็น 3 ทาง คือ ให้ กสม.อยู่จนครบตามวาระของแต่ละคน ไม่ต้องมีการเซตซีโร หรือ รีเซตใดๆ ทั้งสิ้น .. สอง ให้ กสม.อยู่ทำหน้าที่ต่อไป ไม่ต้องเซตซีโร แต่ดูคุณสมบัติของกสม.รายบุคคลว่า มีบุคคลใดขาดคุณสมบัติบ้างไหม .. และแนวทางที่สาม เสนอโดย “เดอะเอ๋”สมชาย แสวงการ ที่แปรญัตติให้ กสม.ชุดปัจจุบัน ทำหน้าที่ต่อไป แต่ให้อยู่ครึ่งสมัย คือให้อยู่แค่ไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง .. โดยมีการโหวตในประเด็นแรกว่า จะให้เซตซีโร กสม. หรือไม่ ปรากฏว่า ฝ่ายไม่เซตซีโร เฉือนหวิว ชนะไปแค่ 1 เสียง .. ก่อนที่ “เดอะเอ๋”จะเสนอไอเดียอยู่ครึ่งเทอม-เซตซีโร ครึ่งเดียว เป็นตัวเลือก ที่ “2 กรธ.”มาทันพอดี เลยไร้ทางเลือกโหวตให้อยู่ครึ่งวาระ 3 ปีไปด้วย แต่ก็ยังสงวนคำแปรญัตติ ขอเซ็ตซีโร เหมือนเดิม .. เป็นที่มาของอารมณ์กรุ่นๆ ของ “ปู่มีชัย”ที่แม้บอกว่า สนิทกับ กสม.ทุกคน แต่ที่มาของการสรรหาเดิม“ไม่เปิดกว้าง-ไม่มีส่วนร่วม”อย่างเพียงพอ ..จนเชื่อว่า การประชุมในที่ประชุมใหญ่ สนช. คงเดือดกันปุดๆ โดยเฉพาะจังหวะที่“ปู่มีชัย”จะสะบัดธงโละกสม. ยกแผง ..
ส่วนฝ่าย "วัส ติงสมิตร" ประธาน กสม.คนปัจจุบัน ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน ยืนยันว่า“กสม.ชุดปัจจุบัน”ได้มาโดยถูกต้องตาม“หลักการปารีส”มีความหลากหลายมากพอ .. “ท่านประธานวัส”จากเดิมที่ชิลล์ๆ ว่าคงไม่โดนล้างบางเหมือน กกต. ก็มีขึ้นเหมือนกัน สวนกับประธาน กรธ. ไปว่า ถ้ามีธงเซตซีโร จริงๆ แล้วควรจะเขียนไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญไปเลย .. เหน็บกลับไปอีกดอกด้วยว่า “ปู่มีชัย”มีวาระซ่อนเร้น-เจตนาแอบแฝง รับใบสั่งมายึดองค์กรอิสระ.. ดูท่าการจัดแผงอำนาจ จะไม่ค่อยลงตัวเท่าไร ตั้งแต่ กกต. กสม. ต่อไปเป็นคิว คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือศาลรัฐธรรมนูญ ก็ทำท่าจะสนุกไม่หยอก .. ที่รอดไปได้ตอนนี้ก็มีแต่ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ประทับตรา "ขาวจั๊วะ" ให้โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจีน นั่นแล.
ช.ชฎา
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
วีระศักดิ์ พึ่งรัศมี
มีชัย ฤชุพันธุ์
วัส ติงสมิตร