xs
xsm
sm
md
lg

จากเกาหลีถึงตะวันออกกลาง

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

<b> เจ้าชาย Mohammed Bin Salman</b>
ท่าทาง...น่าจะเบาๆ ลงไปเยอะแล้ว สำหรับอุณหภูมิความร้อนในคาบสมุทรเกาหลี โดยเฉพาะเมื่อ “คิมน้อย” เริ่มออกอาการ “หายบ้า” ลงไปตามสมควร เลื่อนแผนการส่งจรวด 4 ลูกไปแถวๆ ชายฝั่งเกาะกวมอย่างไม่มีกำหนด ส่วน “ทรัมป์บ้า” ก็เริ่มมีคำว่า “หนทางสันติ” หลุดจากปาก ไม่ได้ “Fire and Fury” หรือ “Locked and Loaded” แบบน่าเกลียด น่ากลัวต่อไปอีกแล้ว ยิ่งมีผู้ใฝ่ใจในสันติภาพแบบตัวจริง เสียงจริง อย่างประธานาธิบดี “มุน แจ-อิน” แห่งเกาหลีใต้ ออกมาสำทับยืนยันว่าไม่ต้องการให้เกิดสงครามใดๆ ในคาบสมุทรเกาหลีอุบัติขึ้นมาใหม่อีกครั้ง รวมทั้งไม่มีใครที่จะเปิดฉากใช้กรรมวิธีทางทหารในพื้นที่แถบนี้ได้เลย ถ้าหากไม่ได้รับความยินยอมพร้อมใจจากเกาหลีใต้กันโดยเฉพาะ...

อย่างไรก็ตาม...ท่ามกลางอุณหภูมิความร้อนในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งกำลังค่อยๆ ลดลงไปตามลำดับ ที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน...ก็คือสายลมเย็นๆ ที่กำลังเริ่มโชยกลับเข้าสู่พื้นที่ทะเลทรายแถบตะวันออกกลาง อย่างชนิดไม่น่าเชื่อก็คงต้องเชื่อๆ เอาไว้มั่ง ไม่ว่าจะเป็น “ข่าวล่า-มาเรือ” เรื่องเจ้าชาย “MBS” หรือ “Mohammed Bin Salman” มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งกำลังจ่อคิวขึ้นเป็นกษัตริย์แทนพ่ออีกไม่นานนับจากนี้ ได้ขอร้องวิงวอนให้นายกรัฐมนตรีอิรัก “นายHaider al-Abadi” ช่วยเป็น “ตัวกลาง” ในการเจรจาฟื้นฟูสัมพันธภาพกับประเทศ “คู่กัด” อย่างอิหร่าน ทั้งๆ ที่เพิ่งร่วมพิธี “รำดาบ” ประกาศต่อต้านอิหร่านเคียงคู่กับประธานาธิบดีอเมริกัน และบรรดาชาติพันธมิตรอาหรับไปเมื่อไม่นานมานี้...
<b> นายHaider al-Abadi นายกรัฐมนตรีอิรัก</b>
ข่าวที่ว่านี้...จะจริง-ไม่จริง จริงใจหรือไก่กา คงต้องแล้วแต่จะคิดๆ กันเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ค่อนข้างมี “น้ำหนัก” มิใช่น้อย เพราะผู้ที่ออกมาให้ข่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ “Alghadeer” และแพร่ไปสู่สำนักข่าวต่างๆ ในเวลาต่อมานั้น มีสถานะเป็นถึงรัฐมนตรีมหาดไทยของอิรัก คือ “นายQasim al-Araji” ที่เคยเดินทางไปเยือนซาอุฯ และมีโอกาสพบกับเจ้าชาย “MBS” เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนเดินทางไปเยือนอิหร่านเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคมตามลำดับ พูดง่ายๆ ว่า...ถ้าหากเป็นจริงตามนั้น อุณหภูมิความร้อนในเขตทะเลทรายอย่างตะวันออกกลาง น่าจะลดฮวบๆ ฮาบๆ เกิดอาการสดชื่น เหมือนยืนอยู่บนเนินเขาได้ไม่น้อยทีเดียว...

ยิ่งไปกว่านั้น...ยังมี “ข่าวรั่ว” ที่น่ากระดี้กระด้าตามมาติดๆ คือว่ากันว่า...เป็นข่าวที่รั่วมาจากการใช้อี-เมลโต้ตอบกันและกันระหว่างทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ประจำกรุงวอชิงตัน “นายYousef Al-Otaiba” กับ “นายMartin Indyk” อดีตทูตอเมริกาประจำอิสราเอล ซึ่งองค์กรที่เรียกกันว่า “GlobalLeak” เขาไปแอบแง๊บมาได้ด้วยวิธีไหนก็มิอาจทราบได้ แต่โดยสรุปรวมความแล้วประมาณว่า ขณะที่อดีตทูตอเมริกาประจำอิสราเอลและอดีตเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติในสมัยรัฐบาลบุช “นายSteven Hadley” ได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนซาอุฯ และพบปะกับเจ้าชาย “MBS” เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ได้รับทราบความในใจของมกุฎราชกุมารรายนี้ว่า ชักจะเริ่ม “ถอดใจ” หรือเริ่มแสดงความต้องการที่จะยุติ “สงครามเยเมน” ที่ตัวเองเคยเป็นผู้ริเริ่มมาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว...

จะเป็นเพราะทรงสลดพระหฤทัยกับจำนวนคนตายนับเป็นหมื่นๆ กับเด็ก ผู้หญิง คนแก่ ชาวเยเมนนับเป็นล้านๆ ที่ต้องตายเพราะขาดอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค หรือจะเป็นเพราะทรงพระเสียดายกับเงินๆ ทองๆ ที่ต้องทุ่มเทให้กับสงครามที่ว่า วันละนับเป็นร้อยๆ ล้านดอลลาร์ หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ แต่จากคำพูด ข้อความในอี-เมลพอสรุปได้ว่า...เจ้าชาย “MBS” น่าจะทรงพระเหนื่อยแล้ว ไม่เอาแล้ว เต็มกลืนแล้ว จนอยากจะถอนตัวจากสงครามที่สุดแสนจะโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้เต็มที และนั่นก็ช่วย “เพิ่มน้ำหนัก” ให้กับข่าวล่า-มาเรือ เรื่องซาอุฯ อยากจะฟื้นสัมพันธภาพกับอิหร่าน ให้ดูน่าเชื่อขึ้นไปอีกด้วย...

เช่นเดียวกับที่สำนักข่าว “Farsnews” ของทางการอิหร่าน ที่ได้ไปนำเอารายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์อาหรับ “Al-Rai al-Youm” มาเผยแพร่ต่อเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อันได้สรุปเอาไว้ว่า...หลังจากที่กองทัพซีเรียของประธานาธิบดี “อัล-อัสซาด” ประสบชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในการกวาดล้างพวกผู้ก่อการร้ายแถบด้านใต้ของซีเรีย ได้ส่งผลให้กษัตริย์จอร์แดน “King Abdullah 2 Bin Al-Hussein” หรือ “สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2” ซึ่งเคยร่วมยืนหยัดเคียงบ่า-เคียงไหล่กับอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก เปิดพื้นที่ประเทศให้เป็นฐานฝึกอบรมพวกกบฏซีเรีย ไม่ว่าสายตึง สายหย่อน รวมทั้งเป็นฐานโจมตีเล่นงานรัฐบาล “อัล-อัสซาด” ชนิดแทบโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดสี่ซ้าห้าปี มาบัดนี้...ชักจะเริ่มเปลี่ยนพระราชหฤทัย เริ่มคิดหันไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพกับรัฐบาลซีเรีย ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้...

นี่...ลมเย็นๆ มันก็เลยเริ่มโชยมา ชนิดผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวารอย่างคุณพ่ออเมริกา น่าจะนั่งไม่ลงนั่งไม่ติดเอาเลยถึงขั้นนั้นคือทุกสิ่งทุกอย่างมันเริ่มพลิก เริ่มเปลี่ยนจาก “หลังตีน” เป็น “หน้ามือ” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าแนวรบด้านตะวันออกกลาง ยุโรปตลอดไปจนการเผชิญหน้ากับ “คิมน้อย” ในเอเชีย อภิมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลกอย่างอเมริกา ต่างออกอาการ “เหี่ยวปลาย” ไปด้วยกันทั้งสิ้น “อวสานอเมริกา” หรือ “อเมริกาเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน” จะมีโอกาสอุบัติขึ้นมาในตอนไหน เมื่อไหร่ ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้ โดยเฉพาะตราบใดที่ตัวเองยังไม่อาจ “โชว์พาว” ออกมาได้แบบถนัดๆ...
กำลังโหลดความคิดเห็น