ผู้จัดการรายวัน 360 - ตุลาการพระธรรมนูญ เห็นชอบอนุมัติหมายจับที่ 1 ก. /2560 ลงวันที่ 15 ส.ค.60 ให้จับกุมอดีตสิบเอก “เอส” ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ ทำให้เสียทรัพย์ ลอบฝังซ่อนเร้นย้ายทำลายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย ด้าน “แม่น้องพลอย” ผวาถูกคนติดตาม เชื่อแก๊งฆ่ามีมากกว่า2คน
วานนี้ (15 ส.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) พระนครศรีอยุธยา นางพัชรี ปั้นทอง มารดาของ น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล หรือ “น้องพลอย” อายุ 28 ปี ซึ่งถูกนายพลกฤต วิเศษ หรือ “เอส” อายุ 29 ปี อดีตทหารยศสิบเอก (ส.อ.) อุ้มฆ่าและเผานั่งยางทำลายศพตามที่เสนอข่าวไปแล้ว พร้อมด้วย นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ได้เดินทางเข้ามอบกระเช้าให้ พ.ต.อ.ภัทรภัทร นุชยวง ผกก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อแสดงความขอบคุณที่ช่วยติดตามคนร้ายจนได้ตัวมาดำเนินคดี หลังจากนั้นได้เข้าพบกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อมอบหลักฐานเอกสารเอาผิดผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องพลอย
นางพัชรี ปั้นทอง กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่านายพลกฤต จะดำเนินการได้เพียงลำพังคนเดียว เพราะจากการที่ตนไปดูที่ฝังศพพบว่าเส้นทางมีความยากลำบากในการเดินทางและเป็นทางเปลี่ยว คาดว่าน่าจะต้องมีคนร่วมลงมือมากกว่า 2 คน จึงต้องการให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องที่พาผู้ต้องหาหลบหนีด้วย โดยตั้งใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนายพลกฤต ในข้อหาเจตนาฆ่า ปิดบังอำพรางซ้อนเร้นศพ ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องต้องการให้ถูกดำเนินคดีในข้อหาให้ที่พักอาศัยกับผู้ต้องหาและพาผู้ต้องหาหลบหนี แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะแจ้งดำเนินคดีกับใครบ้าง ต้องรอผลตรวจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ตนเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย เหมือนมีคนรู้ความเคลื่อนไหวและติดตามอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังมีคนส่งข้อความคุกคามตลอดเวลาอีกด้วย แต่ตนก็ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชนที่ช่วยกันทำข่าว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้
ส่วน พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เหตุที่การดำเนินคดีนี้มีความล่าช้า เนื่องจากผู้ต้องหามีความรู้ด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างดี สามารถหลบหลีกการติดตามของเจ้าหน้าที่ได้ตลอด ซึ่งหลังจากที่ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางพัชรี เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้เรียกพนักงานสอบสวนทั้งหมดมาติดตามคดี จนสามารถติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้ โดยใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 13 วัน ตามที่รับปากกับนางพัชรีไว้
“ในส่วนของพ่อผู้ต้องหาที่เป็นนายทหารยศสูงนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีอิทธิพลต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าทำคนเดียวนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสอบสวนต่อไปว่าทำคนเดียวจริงหรือไม่ ก่อนที่จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับใครหรือไม่ ในส่วนนี้ต้องนำหลักฐานที่ทางทนายและแม่น้องพลอยส่งมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมด้วยว่าจะแจ้งความในข้อหาอะไรกับใครได้บ้าง” พล.ต.ต.สุทธิ กล่าว
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตุลาการพระธรรมนูญ เห็นชอบอนุมัติหมายจับที่ 1 ก. /2560 ลงวันที่ 15 ส.ค.60 ให้จับกุมนายพลกฤต ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ ทำให้เสียทรัพย์ ลอบฝังซ่อนเร้นย้ายทำลายศพ เพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย โดยคาดว่าเจ้าหน้าที่ทหารจะส่งมอบตัวผู้ต้องหาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในวันที่ 16 ส.ค.60 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วานนี้ (15 ส.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) พระนครศรีอยุธยา นางพัชรี ปั้นทอง มารดาของ น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล หรือ “น้องพลอย” อายุ 28 ปี ซึ่งถูกนายพลกฤต วิเศษ หรือ “เอส” อายุ 29 ปี อดีตทหารยศสิบเอก (ส.อ.) อุ้มฆ่าและเผานั่งยางทำลายศพตามที่เสนอข่าวไปแล้ว พร้อมด้วย นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ได้เดินทางเข้ามอบกระเช้าให้ พ.ต.อ.ภัทรภัทร นุชยวง ผกก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อแสดงความขอบคุณที่ช่วยติดตามคนร้ายจนได้ตัวมาดำเนินคดี หลังจากนั้นได้เข้าพบกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อมอบหลักฐานเอกสารเอาผิดผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องพลอย
นางพัชรี ปั้นทอง กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่านายพลกฤต จะดำเนินการได้เพียงลำพังคนเดียว เพราะจากการที่ตนไปดูที่ฝังศพพบว่าเส้นทางมีความยากลำบากในการเดินทางและเป็นทางเปลี่ยว คาดว่าน่าจะต้องมีคนร่วมลงมือมากกว่า 2 คน จึงต้องการให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องที่พาผู้ต้องหาหลบหนีด้วย โดยตั้งใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนายพลกฤต ในข้อหาเจตนาฆ่า ปิดบังอำพรางซ้อนเร้นศพ ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องต้องการให้ถูกดำเนินคดีในข้อหาให้ที่พักอาศัยกับผู้ต้องหาและพาผู้ต้องหาหลบหนี แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะแจ้งดำเนินคดีกับใครบ้าง ต้องรอผลตรวจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ตนเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย เหมือนมีคนรู้ความเคลื่อนไหวและติดตามอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังมีคนส่งข้อความคุกคามตลอดเวลาอีกด้วย แต่ตนก็ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชนที่ช่วยกันทำข่าว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้
ส่วน พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เหตุที่การดำเนินคดีนี้มีความล่าช้า เนื่องจากผู้ต้องหามีความรู้ด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างดี สามารถหลบหลีกการติดตามของเจ้าหน้าที่ได้ตลอด ซึ่งหลังจากที่ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางพัชรี เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้เรียกพนักงานสอบสวนทั้งหมดมาติดตามคดี จนสามารถติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้ โดยใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 13 วัน ตามที่รับปากกับนางพัชรีไว้
“ในส่วนของพ่อผู้ต้องหาที่เป็นนายทหารยศสูงนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีอิทธิพลต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าทำคนเดียวนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสอบสวนต่อไปว่าทำคนเดียวจริงหรือไม่ ก่อนที่จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับใครหรือไม่ ในส่วนนี้ต้องนำหลักฐานที่ทางทนายและแม่น้องพลอยส่งมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมด้วยว่าจะแจ้งความในข้อหาอะไรกับใครได้บ้าง” พล.ต.ต.สุทธิ กล่าว
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตุลาการพระธรรมนูญ เห็นชอบอนุมัติหมายจับที่ 1 ก. /2560 ลงวันที่ 15 ส.ค.60 ให้จับกุมนายพลกฤต ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ ทำให้เสียทรัพย์ ลอบฝังซ่อนเร้นย้ายทำลายศพ เพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย โดยคาดว่าเจ้าหน้าที่ทหารจะส่งมอบตัวผู้ต้องหาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในวันที่ 16 ส.ค.60 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป