xs
xsm
sm
md
lg

ศาลน้อมนำพระราชดำรัสในหลวงร.๑๐ อำนวยความยุติธรรม คุ้มครองสิทธิประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศาลน้อมนำพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 10 ในการอำนวยความยุติธรรมตามขั้นตอนของกฎหมาย คุมครองสิทธิ เสรีภาพประชาชน ขณะที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มีมติให้กรมทรัพยากรน้ำ สังกัดสำนักนายกฯ ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี หวังทำงานอย่างมีเอกภาพ บูรณาการอย่างยั่งยืน พร้อมยึดแนวทางพระราชดำริมาประยุกต์ใช้

จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เปิดเผยว่าได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เพื่อถวายรายงานการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลเป็นการส่วนพระองค์ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแสรับสั่ง พระราชทาน 9 แนวทางปฏิบัติ โดยข้อ 7 ระบุ มีพระราชกระแสรับสั่งในเรื่องการดูแลประชาชน ให้ความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง ทรงขอว่าให้เป็นไปตามขั้นตอน ตามกฎหมายทุกประการ ให้มีหลักฐานที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น และไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรม นั้น

วานนี้ (9ส.ค.) นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์สกุล โฆษกศาลยุติธรรม ได้แถลงถึงเรื่องนี้ว่า กระทรวงยุติธรรมจะน้อมนำพระราชกระแสรับสั่งดังกล่าว ด้วยการยึดมั่นในการพิจารณาพิพากษาคดี ภายใต้หลักนิติธรรม ให้เป็นไปอย่างเปิดเผย ถูกต้องตามกฎหมาย มีมาตรฐานที่ชัดเจน และเหมาะสมแก่ประเภทคดี เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนผู้มีอรรถคดีได้รับความสะดวก รวดเร็ว เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่าย เสียค่าใช้จ่ายน้อย รวมทั้งการเสริมสร้างบทบาทของศาลยุติธรรม ในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประชาชน

***อนุมัติกรมทรัพยากรน้ำขึ้นตรงนายกฯ

นายวรศาสตร์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ แถลงผลการประชุม คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 2/2560 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมมีมติให้ กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมีเอกภาพ มีการบูรณาการ การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากที่ผ่านมา การบริการจัดการน้ำ ต้องประสานงานหลายหน่วยงาน ดังนั้น การให้กรมทรัพยากรน้ำมาสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะทำให้สามารถรับข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรี ได้โดยตรง เพื่อให้เกิดการประสานการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ โดยการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ จะไม่มีอุปสรรค เพราะทางกรม มีโครงสร้างการทำงานในลักษณะนี้อยู่แล้ว ส่วนจะมีการเปลี่ยนชื่อ เป็น สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือไม่ จะต้องรอกระบวนการปรับเปลี่ยนตามกฎหมายที่ชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งคาดว่ามีการออกคำสั่งตาม มาตรา 44 มาดำเนินการ และคงใช้เวลาไม่นาน

นายวรศาสตร์ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหาการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยน้อมนำแนวทางพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ ในการบริหารจัดการน้ำ ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงทั้งน้ำแล้ง และน้ำท่วม ในทั้ง 4 ภาค รวมถึงพื้นที่กรุงเทพมหานคร และการป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจ รวมถึงแผนป้องกันอุทกภัยเฉพาะพื้นที่ ให้แก้ไขปัญหาไม่น้อยกว่า ร้อยละ 30-50 ในช่วง 2 ปีแรก (ปี 2560-2562) พร้อมทั้งเร่งจัดการสิ่งกีดขวางทางน้ำให้แล้วเสร็จ โดยให้ทุกหน่วย ส่งข้อมูลให้ กนช. นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในหนึ่งเดือน นอกจากนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ที่จังหวัดนครราชสีมา จะมีการหารือถึงแผนป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งระบบ เพื่อให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น