xs
xsm
sm
md
lg

แม้หวังตั้งสงบ-จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


วันนี้...สงสัยคงต้องว่าเรื่องเกาหลีเหนือต่อไปอีกซักเล็กๆ น้อยๆ เพราะระหว่างที่รองนายกฯ เศรษฐกิจไทยอย่าง “ป๋าดัน-สมคิด” ผู้ซึ่งเพิ่งหน้าบานเป็นกระด้งในงานแต่งงานลูกชายไปเมื่อวันวาน มีโอกาสจับเข่า จับหัวเหน่า พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ “นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน” นอกจากประเด็นในเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยทั่วไปแล้ว ยังไงๆ...ย่อมหนีไม่พ้นต้องอ้างถึง เอ่ยถึง มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือรอบใหม่ ที่เพิ่งคลอดจากสหประชาชาติเมื่อวันวาน อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...

มาตรการคราวนี้...ต้องเรียกว่า “หนักเอาเรื่อง” คือถึงขั้นที่ทำให้รายได้ประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้การส่งออกทั้งหมดของเกาหลีเหนือในแต่ละปี หายวับไปกับตาเอาเลยถึงขั้นนั้น ไม่ว่ารายได้จากการส่งออกถ่านหินมูลค่าประมาณ 400 ล้านดอลลาร์ต่อปี อาหารทะเล 295 ล้านดอลลาร์ เหล็กและแร่เหล็ก 251 ล้านดอลลาร์ ตะกั่วและแร่ตะกั่ว 113 ล้านดอลลาร์ รวมไปถึงการห้ามเข้าแรงงานจากเกาหลีเหนือ รวมๆ แล้วถือเป็นรายได้ประมาณ 1 พันล้านยูเอสดอลลาร์ เป็นอย่างน้อย เมื่อเทียบกับรายได้ส่งออกทั้งหมดปีละประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ หัวหน้าแก๊งยันหว่างอย่าง “คิมน้อย” ย่อมต้องตกอยู่ในสภาพ “กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง” สูญรายได้ไปประมาณ 1 ใน 3 เอาเลยถึงขั้นนั้น...

แต่การไล่บี้ ไล่เช็ด เกาหลีเหนือในลักษณะเช่นนี้...ก็ดูจะยังไม่ “สะใจ” คุณพ่ออเมริกันมากมายซักเท่าไหร่ ดังเห็นได้จากคำพูด คำจา ของ “นางNikki Haley” ทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ที่สรุปเอาไว้ประมาณว่า ยังไม่ถือเป็นมาตรการที่น่าพอใจ หรือยังไม่ได้นำไปสู่การแก้ปัญหา “ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ” อันถือเป็นปัญหาสำคัญ เร่งด่วนของสหรัฐฯ ในช่วงระหว่างนี้ ด้วยเหตุนี้...สหรัฐฯ จึงยังคง “เปิดทางเลือก” ต่อการแก้ปัญหาเกาหลีเหนือเอาไว้ในทุกๆ ช่องทาง รวมทั้ง “ทางเลือกทางทหาร” ที่ถูกให้คำนิยามไว้โดยที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ อย่าง “นายH.R. McMaster” ว่าถือเป็น “สงครามแห่งการป้องกัน” (Preventive War) ซึ่งจะแปลอเมริกันเป็นอเมริกัน หรือแปลไทยเป็นไทยไปในลักษณะไหน คงต้องไปนอนคิดประมาณ 3 ตลบเอาเองก็แล้วกัน...

ส่วนสำหรับบ้านอื่น เมืองอื่น ที่อาจไม่ถึงขั้น “เปรี้ยวตีน” กับ “คิมน้อย” มากมายซักเท่าไหร่นัก อย่างเช่นจีน หรือรัสเซีย เป็นต้น แม้จะเห็นด้วยกับมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครั้งใหม่ แต่ก็ดูจะไม่ต้องการให้อะไรต่อมิอะไรมันบานปลาย เตลิดเปิดเปิง เข้ารก เข้าพง ยิ่งไปกว่านี้ หรือยังหวังว่าอาจอาศัยมาตรการการลงโทษเหล่านี้ ชักนำให้ “คิมน้อย” หันกลับมาสู่ “โต๊ะเจรจา” ที่เคยค้างๆ คาๆ กันมานานแล้ว นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 อันประกอบไปด้วยตัวแทน 6 ฝ่าย คือสหรัฐฯ จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ แต่มีอันต้องพังลงไป หลังจากเกาหลีเหนือลุกจากโต๊ะเจรจาไปดื้อๆ นับแต่ปี ค.ศ. 2009 เป็นต้นมา...

อย่างไรก็ตาม...ไม่ว่าการดึงเกาหลีเหนือกลับมาสู่โต๊ะเจรจาจะสำเร็จหรือไม่ หรือต้องปล่อยให้คุณพ่ออเมริกาหันไปใช้ “ทางเลือก” ที่เรียกขานกันในนาม “สงครามแห่งการป้องกัน” ภายในอนาคตอันใกล้ แต่ทุกวันนี้...ดูเหมือนว่าคุณพี่จีนจะ “พร้อมแล้ว” สำหรับในทุกฉากสถานการณ์ เพราะอย่างน้อย...ข่าวคราวเรื่องความเคลื่อนไหวทางทหารของจีน ตลอดแนวพรมแดนประมาณ 1,416 กิโลเมตร (880 ไมล์)ด้านที่ติดกับเกาหลีเหนือนั้น นับวันจะได้รับการยืนยันที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือถึงแม้จีนจะพยายามปฏิเสธว่าเป็นเพียงแค่ความเคลื่อนไหวแบบการสับเปลี่ยนกำลังตามปกติ แต่ข่าวคราวเรื่องการขนเอารถถัง เฮลิคอปเตอร์ ปืนใหญ่ ฯลฯ นานาชนิด รวมถึงการสร้างบังเกอร์ขนาดใหญ่ ระดับสามารถเอาไว้ป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ หรืออาวุธเคมี ที่สำนักข่าวตะวันตกแต่ละสำนักทยอยรายงานออกมาเป็นระยะๆ ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ “ปิดไม่มิด” ยิ่งขึ้นทุกที...

เรียกว่า...ถึงขั้นที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือ อดีตนายทหารแห่งกองทัพอากาศสหรัฐฯ อย่าง “นายRobert E. McCoy” ถึงกับ “คิดมาก” หรือคิดไกลไปถึงระดับที่ว่า จีนอาจฉวยโอกาสใช้จังหวะเช่นนี้ ผนวกดินแดนบางส่วนของเกาหลีเหนือ เพื่อหาทางทะลุออกไปถึงทะเลญี่ปุ่นเอาเลยถึงขั้นนั้น ใครที่สนใจว่าข้อสังเกตที่ว่าจะออกไปทาง “แมงโม้” หรือแมงอะไรกันแน่ คงต้องไปหาอ่านกันเอาเอง ในข้อเขียน บทความ ที่เว็บไซต์ “ผู้จัดการ” เขาได้ถ่ายทอดจาก “เอเชียไทมส์ ออนไลน์”มาแบบสดๆ ร้อนๆ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ภายใต้บรรยากาศที่โลกมันชัก “อันตราย” ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา คงหนีไม่พ้นต้องหวนไปรำลึกนึกถึงบทพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้า รัชกาลที่ 6 ไว้ซะแต่เนิ่นๆ ที่ได้สรุปไว้ว่า“แม้หวังตั้งสงบ...จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ” โดยเฉพาะการรบในที่นี้ ย่อมไม่ได้หมายถึงการตระเตรียมอาวุธ จัดซื้อ จัดหาอาวุธแต่เพียงเท่านั้น แต่ย่อมหมายรวมไปถึง “ศักยภาพสำคัญสูงสุดของการรบ” นั่นคือพลังใจ พลังความคิดของผู้คน ที่พร้อมจะ “รู้-รัก-สามัคคี” แบบจริงๆ จังๆ นั่นแล...
กำลังโหลดความคิดเห็น