ข่าวปนคน คนปนข่าว
** จับตาอนาคต 2 จำเลยคดีสลายพันธมิตรฯ “สมชาย” ปาดหน้า “เจ๊หน่อย” ถือธงนำระบอบทักษิณ ส่วน “บิ๊กป๊อด” รอเสียบรัฐมนตรี
ไม่เพียงแต่มวลชนพันธมิตรฯเท่านั้น ที่ดูจะผิดหวังกับคำพิพากษายกฟ้อง 4 จำเลยในคดีสลายการชุมนุม 7 ตุลาฯ .. แต่ยังมี “บิ๊กเนม” หลายคนในพรรคเพื่อไทยที่ดูจะเซ็งๆไม่น้อยเหมือนกัน .. ก็ผลของคดีทำให้ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ สามี “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ กลับมาเข้าลู่เลน มาถือธงนำพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง หลังติดชนักอยู่นาน จนเกือบจะถอดใจไปแล้วด้วยซ้ำ .. กลายเป็นคนได้เกิดใหม่ ยังผลไปถึงทิศทางการเมืองในอนาคตของ “ระบอบทักษิณ – พรรคเพื่อไทย – ตระกูลชินวัตร” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .. อย่างน้อยๆ ก็มี “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่นครบาล ที่อุตส่าห์แต่งเนื้อแต่งตัวหวังปวารณาตัวขอเป็นหัวหน้าพรรค พ่วงแคนดิเดตนายกฯในการเลือกตั้งหนต่อไป .. จากเดิมที่มีข่าวมาตลอดว่าขุมอำนาจฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร หมดตัวเล่น หาคนขึ้นเป็น “หัวหน้าฝูง” ไม่ได้ เนื่องจากถูกสอยร่วงระนาว จนคาดว่าจะเป็นคิวของคนนอกตระกูลชินวัตร ที่จะได้โอกาสมาถือหางเสือ ขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทยเสียที .. ทว่าหลังคำพิพากษา 2 ส.ค.ออกมาก็ทำให้เกมพลิกทันที แม้จะมีออปชั่นการยื่นอุทธรณ์ของ ป.ป.ช.อยู่ก็ตาม แต่คำตัดสินของศาลฯในวันนั้นก็เหมือนเป็นการปลดพันธนาการของ “สมชาย” อดีตนายกฯ 75 วัน ผู้ไม่เคยได้เข้าไปเหยียบทำเนียบรัฐบาลในฐานะผู้นำประเทศแม้แต่วินาทีเดียว .. เมื่อปลดชนักด้ามใหญ่ที่คาหลังมาตลอด 9 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งไม่มีคดีความใดๆคั่งค้างที่จะกระทบกับเส้นทางการเมือง จึงไม่แปลกที่จะมีการมองว่า “สมชาย” คงรีเทิร์น คืนสนามการเมืองรอบหน้าอย่างแน่นอน ในฐานะผู้ถือธงนำฝ่ายทักษิณ
นอกเหนือจากฝ่ายเพื่อไทยแล้ว ในรายของ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในรัฐบาล คสช.ก็น่าจับตาไม่น้อย .. การหลุดพ้นจากคดีสลายพันธมิตรฯ ก็ต้องจับตาเลยว่า “บิ๊กป๊อด” จะกลับมาผงาดหน้าฉากอย่างเป็นทางการหรือไม่ .. หลังจากช่วงที่ คสช.เข้ามามีอำนาจ “บิ๊กป๊อด” ก็รับการคืนตำแหน่ง ผบ.ตร.พร้อมยกโทษปลดออกจากราชการ จากคำสั่งมาตรา 44 ซ้ำยังได้เป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) .. แต่ตามประสา “คนนามสกุลดัง-พี่ชายใหญ่คับประเทศ” ครั้นจะให้จุ่มปุ๊กอยู่แค่ “สภาตรายาง” ก็กระไรอยู่ .. ปรับ ครม.งวดหน้า ถ้ามีชื่อ “บิ๊กป๊อด” มาร่วมเป็นท่านรัฐมนตรีด้วย ก็คงไม่น่าแปลกใจอะไร
** ประตูอุทธรณ์ “คดี 7 ตุลาทมิฬ” เปิดอ้าซ่า พิสูจน์บรรทัดฐาน ป.ป.ช.ยุค “บิ๊กกุ้ย” เดิมพันศรัทธา “องค์กรปราบโกง”
ละเอียดรอบคอบขึ้นมาทันที .. ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวานนี้มีการหารือถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้องคดีที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “สมชาย วงศ์สวัสดิ์ – พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ – พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ – พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว” ในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 .. ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้ ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์ตามที่รัฐธรรมเปิดช่องเอาไว้ให้ในมาตรา 195 ที่ให้สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วัน .. เรื่องนี้ อุดม รัฐอมฤต กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะเป็นโจทก์ สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ทันที .. แต่ทาง ป.ป.ช.ก็ทำท่ามึนงงกับข้อกฎหมาย ตามที่ “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.อ้างว่าต้องศึกษาข้อกฎหมายก่อน เนื่องจากเป็น “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” ของข้อกฎหมาย รวมทั้งคำวินิจฉัยขององค์คณะผู้พิพากษาเสียก่อน จึงจะตัดสินใจว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ .. ตรงนี้บอกว่า ป.ป.ช.คงไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนหน้านี้ คงคิดว่าศาลจะตัดสินลงโทษจำเลยซะละมั้ง เลยไม่ได้คิดเรื่องจะอุทธรณ์หรือไม่มาล่วงหน้า
งานนี้บอกไปแล้วว่าเป็นไฟต์บังคับ มีเพียง 2 ทางเลือกสำหรับ ป.ป.ช.เท่านั้น .. หนึ่ง ยื่นอุทธรณ์เพื่อให้สังคมสิ้นสงสัย สอง ไม่ยื่นอุทธรณ์ ตัดจบมหากาพย์คดี 7 ตุลาฯที่ยืดเยื้อมาถึง 9 ปีเต็มๆไปซะเลย .. หาก ป.ป.ช.เลือกเดินทางแรกโดยการยื่นอุทธรณ์ ที่แม้จะมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะพลิกคำพิพากษาจาก “ขาวเป็นดำ” แต่ก็ยังพอทำให้เชื่อได้ว่า ป.ป.ช.เต็มที่กับการทำหน้าที่ และเป็นการกู้หน้าของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เอง ที่ครั้งหนึ่งมีมติชี้มูลความผิดจำเลยทั้ง 4 คนไปแล้ว .. แต่หาก ป.ป.ช.เลือกอีกทาง ในการไม่ยื่นอุทธรณ์ ก็จะเป็นการตอกย้ำความไม่เต็มที่ของ “ท่านประธานกุ้ย” ที่ได้รับ “ภารกิจพิเศษ” ในการปลดเปลื้องพันธนาการให้กับ “คนในตระกูลวงษ์สุวรรณ” ท่ามกลางเสียงค่อนขอดว่า ล้มมวย-ชกไม่มีทรง” .. ที่สำคัญยังจะเป็นบรรทัดฐานในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ภายใต้การนำของ “บิ๊กกุ้ย” ที่กว่าจะหมดวาระก็ปาเข้าไปปี 2565 นู่น เมื่อมีข้อครหาถึงตัวประธาน ก็คงหมายรวมไปถึงองค์กรด้วย .. การตัดสินใจครั้งนี้จึงเดิมพันไว้ด้วยศรัทธาประชาชนที่จะมีต่อองค์กรปราบโกงอย่าง ป.ป.ช.ในอนาคตด้วย
** สับสนในตัวเอง “อธิบดีไพสิฐ” วันก่อนบอก “ธัมมชโย” กบดานยุโรป พอมาอีกวันบอกยังอยู่ในประเทศ
ท่าทางช่วงนี้จะว่าง .. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ที่ออกมาปล่อยข่าว “ธัมมชโย” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลบหนีก้วยเส้นทางธรรมชาติ ไปอยู่แถวทวีปยุโรป .. ออกมาให้ข่าวอีกหนแบบ “สับสนในตัวเอง” ว่า ยังไม่เทน้ำหนักเรื่อง “เจ้าสำนักธรรมกาย” ไปกบดานอยู่ต่างแดน ที่ได้ “การข่าว” จากเจ้าหน้าที่ชุดที่ไปลากคอ “ไอ้คำ” กลับจากอเมริกา แล้วเผอิญมีคนถามว่า ทำไมไม่รับ “ธัมมชโย” ที่อยู่ในยุโรปกลับมาด้วย .. ได้ข้อมูลแค่นั้น ดันมาแถลงข่าวเป็นตุเป็นตะ .. “อธิบดีไพสิฐ” ยังบอกเหมือนสติสตังไม่อยู่กับตัวอีกว่า “ธัมมชโย” ยังหลบอยู่ในพื้นที่รอบวัดพระธรรมกาย .. สรุปแล้วก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน ก็ไม่รู้จะออกมาให้ข่าวทำอะไรเหมือนกัน.
ช.ชฎา
รูป
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง
** จับตาอนาคต 2 จำเลยคดีสลายพันธมิตรฯ “สมชาย” ปาดหน้า “เจ๊หน่อย” ถือธงนำระบอบทักษิณ ส่วน “บิ๊กป๊อด” รอเสียบรัฐมนตรี
ไม่เพียงแต่มวลชนพันธมิตรฯเท่านั้น ที่ดูจะผิดหวังกับคำพิพากษายกฟ้อง 4 จำเลยในคดีสลายการชุมนุม 7 ตุลาฯ .. แต่ยังมี “บิ๊กเนม” หลายคนในพรรคเพื่อไทยที่ดูจะเซ็งๆไม่น้อยเหมือนกัน .. ก็ผลของคดีทำให้ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ สามี “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ กลับมาเข้าลู่เลน มาถือธงนำพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง หลังติดชนักอยู่นาน จนเกือบจะถอดใจไปแล้วด้วยซ้ำ .. กลายเป็นคนได้เกิดใหม่ ยังผลไปถึงทิศทางการเมืองในอนาคตของ “ระบอบทักษิณ – พรรคเพื่อไทย – ตระกูลชินวัตร” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .. อย่างน้อยๆ ก็มี “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่นครบาล ที่อุตส่าห์แต่งเนื้อแต่งตัวหวังปวารณาตัวขอเป็นหัวหน้าพรรค พ่วงแคนดิเดตนายกฯในการเลือกตั้งหนต่อไป .. จากเดิมที่มีข่าวมาตลอดว่าขุมอำนาจฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร หมดตัวเล่น หาคนขึ้นเป็น “หัวหน้าฝูง” ไม่ได้ เนื่องจากถูกสอยร่วงระนาว จนคาดว่าจะเป็นคิวของคนนอกตระกูลชินวัตร ที่จะได้โอกาสมาถือหางเสือ ขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทยเสียที .. ทว่าหลังคำพิพากษา 2 ส.ค.ออกมาก็ทำให้เกมพลิกทันที แม้จะมีออปชั่นการยื่นอุทธรณ์ของ ป.ป.ช.อยู่ก็ตาม แต่คำตัดสินของศาลฯในวันนั้นก็เหมือนเป็นการปลดพันธนาการของ “สมชาย” อดีตนายกฯ 75 วัน ผู้ไม่เคยได้เข้าไปเหยียบทำเนียบรัฐบาลในฐานะผู้นำประเทศแม้แต่วินาทีเดียว .. เมื่อปลดชนักด้ามใหญ่ที่คาหลังมาตลอด 9 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งไม่มีคดีความใดๆคั่งค้างที่จะกระทบกับเส้นทางการเมือง จึงไม่แปลกที่จะมีการมองว่า “สมชาย” คงรีเทิร์น คืนสนามการเมืองรอบหน้าอย่างแน่นอน ในฐานะผู้ถือธงนำฝ่ายทักษิณ
นอกเหนือจากฝ่ายเพื่อไทยแล้ว ในรายของ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในรัฐบาล คสช.ก็น่าจับตาไม่น้อย .. การหลุดพ้นจากคดีสลายพันธมิตรฯ ก็ต้องจับตาเลยว่า “บิ๊กป๊อด” จะกลับมาผงาดหน้าฉากอย่างเป็นทางการหรือไม่ .. หลังจากช่วงที่ คสช.เข้ามามีอำนาจ “บิ๊กป๊อด” ก็รับการคืนตำแหน่ง ผบ.ตร.พร้อมยกโทษปลดออกจากราชการ จากคำสั่งมาตรา 44 ซ้ำยังได้เป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) .. แต่ตามประสา “คนนามสกุลดัง-พี่ชายใหญ่คับประเทศ” ครั้นจะให้จุ่มปุ๊กอยู่แค่ “สภาตรายาง” ก็กระไรอยู่ .. ปรับ ครม.งวดหน้า ถ้ามีชื่อ “บิ๊กป๊อด” มาร่วมเป็นท่านรัฐมนตรีด้วย ก็คงไม่น่าแปลกใจอะไร
** ประตูอุทธรณ์ “คดี 7 ตุลาทมิฬ” เปิดอ้าซ่า พิสูจน์บรรทัดฐาน ป.ป.ช.ยุค “บิ๊กกุ้ย” เดิมพันศรัทธา “องค์กรปราบโกง”
ละเอียดรอบคอบขึ้นมาทันที .. ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวานนี้มีการหารือถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้องคดีที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “สมชาย วงศ์สวัสดิ์ – พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ – พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ – พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว” ในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 .. ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้ ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์ตามที่รัฐธรรมเปิดช่องเอาไว้ให้ในมาตรา 195 ที่ให้สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วัน .. เรื่องนี้ อุดม รัฐอมฤต กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะเป็นโจทก์ สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ทันที .. แต่ทาง ป.ป.ช.ก็ทำท่ามึนงงกับข้อกฎหมาย ตามที่ “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.อ้างว่าต้องศึกษาข้อกฎหมายก่อน เนื่องจากเป็น “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” ของข้อกฎหมาย รวมทั้งคำวินิจฉัยขององค์คณะผู้พิพากษาเสียก่อน จึงจะตัดสินใจว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ .. ตรงนี้บอกว่า ป.ป.ช.คงไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนหน้านี้ คงคิดว่าศาลจะตัดสินลงโทษจำเลยซะละมั้ง เลยไม่ได้คิดเรื่องจะอุทธรณ์หรือไม่มาล่วงหน้า
งานนี้บอกไปแล้วว่าเป็นไฟต์บังคับ มีเพียง 2 ทางเลือกสำหรับ ป.ป.ช.เท่านั้น .. หนึ่ง ยื่นอุทธรณ์เพื่อให้สังคมสิ้นสงสัย สอง ไม่ยื่นอุทธรณ์ ตัดจบมหากาพย์คดี 7 ตุลาฯที่ยืดเยื้อมาถึง 9 ปีเต็มๆไปซะเลย .. หาก ป.ป.ช.เลือกเดินทางแรกโดยการยื่นอุทธรณ์ ที่แม้จะมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะพลิกคำพิพากษาจาก “ขาวเป็นดำ” แต่ก็ยังพอทำให้เชื่อได้ว่า ป.ป.ช.เต็มที่กับการทำหน้าที่ และเป็นการกู้หน้าของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เอง ที่ครั้งหนึ่งมีมติชี้มูลความผิดจำเลยทั้ง 4 คนไปแล้ว .. แต่หาก ป.ป.ช.เลือกอีกทาง ในการไม่ยื่นอุทธรณ์ ก็จะเป็นการตอกย้ำความไม่เต็มที่ของ “ท่านประธานกุ้ย” ที่ได้รับ “ภารกิจพิเศษ” ในการปลดเปลื้องพันธนาการให้กับ “คนในตระกูลวงษ์สุวรรณ” ท่ามกลางเสียงค่อนขอดว่า ล้มมวย-ชกไม่มีทรง” .. ที่สำคัญยังจะเป็นบรรทัดฐานในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ภายใต้การนำของ “บิ๊กกุ้ย” ที่กว่าจะหมดวาระก็ปาเข้าไปปี 2565 นู่น เมื่อมีข้อครหาถึงตัวประธาน ก็คงหมายรวมไปถึงองค์กรด้วย .. การตัดสินใจครั้งนี้จึงเดิมพันไว้ด้วยศรัทธาประชาชนที่จะมีต่อองค์กรปราบโกงอย่าง ป.ป.ช.ในอนาคตด้วย
** สับสนในตัวเอง “อธิบดีไพสิฐ” วันก่อนบอก “ธัมมชโย” กบดานยุโรป พอมาอีกวันบอกยังอยู่ในประเทศ
ท่าทางช่วงนี้จะว่าง .. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ที่ออกมาปล่อยข่าว “ธัมมชโย” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หลบหนีก้วยเส้นทางธรรมชาติ ไปอยู่แถวทวีปยุโรป .. ออกมาให้ข่าวอีกหนแบบ “สับสนในตัวเอง” ว่า ยังไม่เทน้ำหนักเรื่อง “เจ้าสำนักธรรมกาย” ไปกบดานอยู่ต่างแดน ที่ได้ “การข่าว” จากเจ้าหน้าที่ชุดที่ไปลากคอ “ไอ้คำ” กลับจากอเมริกา แล้วเผอิญมีคนถามว่า ทำไมไม่รับ “ธัมมชโย” ที่อยู่ในยุโรปกลับมาด้วย .. ได้ข้อมูลแค่นั้น ดันมาแถลงข่าวเป็นตุเป็นตะ .. “อธิบดีไพสิฐ” ยังบอกเหมือนสติสตังไม่อยู่กับตัวอีกว่า “ธัมมชโย” ยังหลบอยู่ในพื้นที่รอบวัดพระธรรมกาย .. สรุปแล้วก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน ก็ไม่รู้จะออกมาให้ข่าวทำอะไรเหมือนกัน.
ช.ชฎา
รูป
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง