xs
xsm
sm
md
lg

ชงปปช.ฟันฟอกเงินคนทุจริตเงินทอนวัด-วัดมหาธาตุฯติดโผ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360 - ผบก.ปปป. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมคืบหน้าคดีเงินทอนวัด หลังมีวัดที่เข้าข่าย 60-70 แห่ง สร้างความเสียหายให้รัฐ 60.5 ล้านบาท เร่งไต่สวนผู้เกี่ยวข้องก่อนส่งไม้ต่อให้สำนักงาน ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีฟอกเงิน ด้าน มทบ.41 ส่ง 5 ชุดปฏิบัติการเข้าตรวจสอบ 5 วัดดังนครศรีธรรมราช พบวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารติดโผ ด้านที่ปรึกษากฎหมายวัดพนัญเชิงฯ ยอมรับถูกหลอกเรื่องเงินอุดหนุน

เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (27 มิ.ย.) ณ ห้องประชุม กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ปปป.) พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักษ์ เพ็งสาธร รอง ผบก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กองปราบปราม (บก.ป.) และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมประชุมหารือกรณีการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สร้างความเสียหายแก่รัฐสูงถึง 60.5 ล้านบาท

พล.ต.ต.กมล เปิดเผยก่อนการประชุมว่า ที่ผ่านมา ปปป. ได้ทำการสืบสวนและดำเนินคดีเงินทอนวัดกับเจ้าหน้าที่ พศ. ส่งสำนวนให้ สำนักงาน ป.ป.ช. ไต่สวนคดีแรกเรียบร้อยแล้ว โดยในวันนี้เชิญเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานร่วมบูรณาการติดตามความคืบหน้าผู้ต้องหากลุ่มใหม่ รวมทั้งประสาน สำนักงาน ปปง. ร่วมตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและเส้นทางการเงินผู้ต้องหา ถ้าสอบสวนถึงผู้ใดก็ต้องดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน เนื่องจากมีการนำเงินทุจริตโยกย้ายถ่ายเทไปยังบัญชีผู้อื่น โดยพบว่าขณะที่มีวัดที่เข้าข่าย 60-70 แห่ง แต่จะมีวัดและบุคคลใดเกี่ยวข้องยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนและจะขยายผลติดตามต่อไป หลังจากนั้นจึงจะส่งเรื่องให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการชี้มูลความผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ด้าน พล.ต.อาคม พงศ์พรหม ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ได้จัดชุดปฏิบัติการณ์ 5 ชุดเข้าตรวจสอบวัดที่อยู่ในข่ายเป้าหมายเป็นวัดที่มีผลประโยชน์สูงและไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องระบบบัญชีของวัด กรรมการของวัด รวมทั้งปัญหาด้านอื่นๆ ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีเป้าหมาย 5 วัดคือ วัดสระโพธิ์ อ.เชียรใหญ่, วัดเสาธงทอง อ.เมือง, วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง, วัดอัมพวัน อ.นาบอน และวัดกัลยานิมิต อ.ถ้ำพรรณรา

“สำหรับวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งมีรายได้เข้าวัดจำนวนมหาศาลจากเงินทำบุญ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าการเสื่อมโทรมของปูชนียสถานภายในวัดกลับต้องใช้งบจากกรมศิลปากรทุกครั้ง ขณะที่วัดเสาธงทอง ซึ่งอยู่ติดกับวัดวังตะวันตก มีผลประโยชน์จากการเช่าที่ดินของวัดจำนวนมาก แต่สภาพวัดกลับเหลือเพียงอาคารที่พักสงฆ์เพียงหลังเดียว ส่วนพื้นที่อื่นๆ หมดสภาพการเป็นวัดแล้ว” พล.ต.อาคม กล่าว

** ที่ปรึกษากม.วัดพนัญเชิงฯ ยอมรับถูกหลอกเรื่องเงินอุดหนุน
ด้าน ดร.สมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษากฎหมายของวัดพนัญเชิงวรวิหาร ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้แถลงข่าวเรื่องเงินอุดหนุนวัดในปีงบประมาณ 2557 และ 2558 ว่า ตนได้เป็นที่ปรึกษาตัวแทนของพระธรรมรัตนมงคล (แวว กตสาโร) เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงฯ และเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยในปี 2556 ทางวัดได้รับโทรศัพท์จาก น.ส.ประนอม คงพิกุล ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดยแจ้งว่าจะให้เงินอุดหนุนวัดจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินอุดหนุนวัดในงบประมาณปี 2557 เพื่อให้วัดดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ภายในวัด โดยให้วัดพนัญเชิงฯ นำไปใช้ 2 ล้านบาท ส่วนเงินที่เหลืออีก 8 ล้านบาทจะนำไปช่วยวัดอื่นๆ ที่ยากจน

จากนั้น น.ส.ประนอม ได้ติดต่อมายังเจ้าอาวาสอีกครั้ง พร้อมแจ้งว่าจะให้เงินสนับสนุนวัดอีก 10 ล้านบาท แต่ขอให้ทางวัดมอบเงินสดจำนวน 5 ล้านบาทให้แก่ตนเพื่อนำไปช่วยวัดอื่นๆ ที่ยากจนต่อไป พระธรรมรัตนมงคล จึงสอบถามว่า ถูกกฎหมายหรือไม่ โดย น.ส.ประนอมตอบว่าถูกกฎหมาย เจ้าอาวาสจึงเชื่อเพราะเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ พศ.

ต่อมาเมื่อประมาณต้นปี 2560 พนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาที่วัดพนัญเชิงฯ เพื่อขอสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเงินอุดหนุนที่วัดได้รับมาจาก พศ. ตามที่ น.ส.ประนอม ได้เสนอให้แก่วัด จนเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.60 พระธรรมรัตนมงคล จึงทราบข่าวว่า น.ส.ประนอม ถูกพนักงานสอบสวน ป.ป.ป. แจ้งข้อกล่าวหากรณีเงินอุดหนุนวัดพนัญเชิงวรวิหาร จำนวน 13 ล้านบาท จึงเชื่อว่า น.ส.ประนอม ไม่ได้นำเงินจำนวน 13 ล้านบาทไปดำเนินการช่วยวัดต่างๆ ตามที่พูดไว้

ดร.สมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การกระทำดังกล่าวของ น.ส.ประนอม จึงทำให้วัดพนัญเชิงฯ ได้รับความเสียหาย เจ้าอาวาสจึงมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับน.ส.ประนอม ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร้องทุกข์ต่อรองนายกรัฐมนตรี ร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการประจำสำนักงานนายกรัฐมนตรี และร้องเรียนต่อผู้อำนวยการ พศ. รวม 4 แห่ง โดยเจ้าอาวาสยืนยันเกี่ยวกับเงิน 13 ล้านบาทดังกล่าวหากทางวัดเรียกคืนมาได้ มีความประสงค์ส่งคืน พศ. เพื่อดำเนินการนำไปช่วยวัดที่ยากจนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น