วานนี้ (22 มิ.ย.) เว็บไซต์ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เผยแพร่ คำสั่ง คณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.60/2560 เรื่องยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) โดยระบุว่า ตามที่เลขาธิการ ปปง. ได้มีคำสั่ง ที่ย. 47/2560 ลงวันที่ 12 เม.ย.60 เรื่องอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด กับพวก รวม 6 คน มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นั้น
จากการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรม หรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคล รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง หรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐาน หรือความผิดฐานฟอกเงินในคดีดังกล่าว พบข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด โดย น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน กับพวก เป็นเจ้าของทรัพย์สิน หรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินเพิ่มเติมอีก 91 รายการ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว ปรากฏหลักฐานเชื่อได้ว่ามาจากการกระทำผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และเนื่องจากทรัพย์สินเป็นสังหาริมทรัพย์ ประเภทเงินสด ทองรูปพรรณ เครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และกล้องถ่ายรูป อันเป็นทรัพย์สินที่ไม่ปรากฏหลักฐานทางทะเบียน โดยเจ้าของสามารถโอน ยักย้าย ปกปิด และซ่อนเร้นได้ง่าย
นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์ ประเภทห้องชุด ซึ่งปรากฏหลักฐานในทางทะเบียน เป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ หรือผู้มีสิทธิ์ครอบครอง โดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ซึ่งอาจดำเนินการทางนิติกรรมในการโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ดังกล่าว และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินกลับคืนมาได้
ดังนั้น ปปง. จึงอาศัยอำนาจตามกฎหมายฟอกเงิน และมติคณะกรรมการธุรกรรม มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) 91 รายการ พร้อมดอกผล ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.60 ถึงวันที่ 20 ส.ค.60 โดยเบื้องต้นราคาประเมิน 1,152,509.25 บาท โดยยังไม่รวมมูลค่าของทรัพย์สินประเภททองรูปพรรณ เครื่องประดับ รถยนต์ และห้องชุด ซึ่งไม่ได้มีการประเมินราคา เนื่องจากอยู่ระหว่างการอายัดของกองบังคับการปราบปราม ทั้งนี้ กรณีผู้ถูกอายัดทรัพย์สินตามคำสั่งนี้ หรือผู้ส่วนได้เสียในทรัพย์สินดังกล่าว ประสงค์จะขอให้มีการเพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์สิน ให้ยื่นคำขอต่อเลขาธิการ ปปง. พร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่แสดงว่าทรัพย์สินดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ภาายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หรือทราบคำสั่งนี้
จากการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรม หรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคล รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง หรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐาน หรือความผิดฐานฟอกเงินในคดีดังกล่าว พบข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด โดย น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน กับพวก เป็นเจ้าของทรัพย์สิน หรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินเพิ่มเติมอีก 91 รายการ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว ปรากฏหลักฐานเชื่อได้ว่ามาจากการกระทำผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และเนื่องจากทรัพย์สินเป็นสังหาริมทรัพย์ ประเภทเงินสด ทองรูปพรรณ เครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และกล้องถ่ายรูป อันเป็นทรัพย์สินที่ไม่ปรากฏหลักฐานทางทะเบียน โดยเจ้าของสามารถโอน ยักย้าย ปกปิด และซ่อนเร้นได้ง่าย
นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์ ประเภทห้องชุด ซึ่งปรากฏหลักฐานในทางทะเบียน เป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ หรือผู้มีสิทธิ์ครอบครอง โดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ซึ่งอาจดำเนินการทางนิติกรรมในการโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ดังกล่าว และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินกลับคืนมาได้
ดังนั้น ปปง. จึงอาศัยอำนาจตามกฎหมายฟอกเงิน และมติคณะกรรมการธุรกรรม มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) 91 รายการ พร้อมดอกผล ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.60 ถึงวันที่ 20 ส.ค.60 โดยเบื้องต้นราคาประเมิน 1,152,509.25 บาท โดยยังไม่รวมมูลค่าของทรัพย์สินประเภททองรูปพรรณ เครื่องประดับ รถยนต์ และห้องชุด ซึ่งไม่ได้มีการประเมินราคา เนื่องจากอยู่ระหว่างการอายัดของกองบังคับการปราบปราม ทั้งนี้ กรณีผู้ถูกอายัดทรัพย์สินตามคำสั่งนี้ หรือผู้ส่วนได้เสียในทรัพย์สินดังกล่าว ประสงค์จะขอให้มีการเพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์สิน ให้ยื่นคำขอต่อเลขาธิการ ปปง. พร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่แสดงว่าทรัพย์สินดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ภาายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หรือทราบคำสั่งนี้