เท่าที่ดูจากลักษณะอาการของนายกฯ “บิ๊กตู่” ในช่วงนี้...อาจเรียกได้ว่า ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า “การปฏิรูปตำรวจ” น่าจะเริ่มต้นขึ้นมาได้ซักกะที หลังจากยืดๆ เยื้อๆ คาราคาซังกันมาตลอดช่วง 3 ปี เพราะถ้าหากคิดจะ “จับให้มั่น คั้นให้ตาย” กันจริงๆ แล้ว อะไรต่อมิอะไรมันคงหลุดออกมาเป็นแผงๆ ยวงๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้...
งานนี้...เลยต้องถือเป็นงานใหญ่ งานช้าง อย่างที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละทั่น และคงไม่ได้จบกันแค่การย้ายโน่น ย้ายนี่ สลับฟันปลากันไปเรื่อยๆ เหมือนแต่ก่อน เพราะสำหรับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ที่ถูกย้ายเข้ากรุไปแล้ว ใครจะสันนิษฐาน ตั้งข้อสมมติฐานกันเอาเอง ว่าเป็นคนสนิทชิดเชื้อกับอดีตผู้นำ “กปปส.” อย่างคุณลุง “เทพเทือก” ก็แล้วแต่ จริง-ไม่จริง ก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ผู้ที่เริ่มต้นเปิดประเด็น เปิดผ้าม่านกั้ง แหวกตูด แหวกทวาร ให้เห็นริดสีดวงทวารในแต่ละเม็ดขององค์กรตำรวจ อย่างอดีตรัฐมนตรี “วิทยา แก้วภารดัย” นั้น แทบไม่ต้องเสียเวลาสันนิษฐาน ตั้งข้อสมมติฐาน เพราะยังไงๆ...ย่อมเป็นที่รู้ๆ กันโดยทั่วไปมานานแล้วว่า ซี้แหง ซี้ปึ๊กกับคุณลุง “เทพเทือก” ชนิดจัดเป็นมือซ้าย มือขวา เอาเลยก็ว่าได้...
ส่วนคุณลุง “เทพเทือก” นั้น...เหตุที่ท่านออกเรี่ยว ออกแรง เชียร์นายกฯ “บิ๊กตู่” ชนิดแทบไม่เหลือสะพานถอยหลังมาโดยตลอด ว่าไปแล้ว...น่าจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอารมณ์ ความรู้สึก ในทางส่วนตัวมากมายซักเท่าไหร่นัก แต่อาจเป็นเพราะท่านคิดของท่านเอาเองว่า การขับเคลื่อนกระบวนการ “ปฏิรูป” ให้เป็นจริง เป็นจัง มันคงอาศัยแค่การพูดไป พูดมา เจ๊าะๆ แจ๊ะๆ กันไปเรื่อยๆ นั้น ยังไงๆ...มันคงไม่มีสิทธิอุบัติขึ้นมาได้โดยเด็ดขาด มีแต่ต้องหันไปอาศัยศักยภาพ คุณภาพ ของใครก็ตามที่ยืนอยู่ในจุดเหมาะๆ ยืนอยู่ในจุดที่สามารถใช้ “คานงัด” งัดอะไรต่อมิอะไรให้เคลื่อนที่ เคลื่อนไหว ขึ้นมาได้บ้าง ซึ่งก็คงไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับนายกฯ “บิ๊กตู่” ผู้กำอำนาจรัฏฐาธิปัตย์เอาไว้ในมืออยู่แล้วแน่ๆ...
เพียงแต่ปัญหาและอุปสรรค มันอาจอยู่ที่จะสามารถขจัด “ลมปราณ 8 สาย” ที่ตีกันไป-ตีกันมา ภายในร่างกายของพระเอกนิยายกำลังภายใน อย่าง “เหล็งฮู้ชง” ได้อย่างไรเท่านั้น อันส่งผลให้พระเอกต้องบาดเจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอดช่วง 3 ปี ไม่อาจเปล่งอานุภาพกระบี่ตามกระบวนท่าในคัมภีร์นพเก้าได้อย่างจริงๆ จังๆ ดังนั้น...จะโดยการถ่ายทอดเคล็ดวิชาเปลี่ยนกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น ของปรมาจารย์ตั๊กม้อแห่งเสียวลิ้ม ให้กับ “เหล็งฮู้ชง” หรือโดยกรรมวิธีใดๆ ก็แล้วแต่ แต่การที่ท่านนายกฯ “บิ๊กตู่” ท่านออกมายืนหยัด ยืนยัน เอาไว้แบบหัวเด็ด-ตีนขาดว่า...ถึงเวลาแล้วที่จะต้อง “จับให้มั่น-คั้นให้ตาย” หลังจากข่าวคราวการซื้อๆ-ขายๆ ตำแหน่งในแวดวงตำรวจ ถูกเปิดเผยออกมาแบบจะจะแจ้งๆ โดยบรรดามือขวา-มือซ้ายของคุณลุง “เทพเทือก” งานนี้...เลยต้องสรุปว่า แม้แต่ “พรรคสุริยัน-จันทรา” ยังไม่น่าจะเอาอยู่!!! หรือแม้แต่ “ตงฟางปุ๊ป้าย” ผู้ได้ชื่อ ฉายา ว่า “บูรพาไม่แพ้” มาเองเผลอๆ...อาจต้องกลายสภาพเป็น “ตาฟางป้อแป้” เป็น “บูรพาแพ้ตลอด” เอาง่ายๆ!!! ถ้าหากยังไม่ยอมรับสภาพ ยอมหันมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปให้ทันท่วงที...
เพราะอย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า...มันไม่ใช่เรื่องของบุคคล เรื่องของพี่ๆ-น้องๆ แต่เป็นเรื่องที่มีผลประโยชน์ส่วนรวม ผลประโยชน์แห่งชาติเป็นที่ตั้ง ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เรียกๆ กันว่า “การปฏิรูป” นั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...เป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วทั้งสังคม ต่างเพรียกหา เรียกร้อง เห็นพ้องต้องกันมานานแล้วว่า เป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย แถมอาจต้อง “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ซะด้วยซ้ำ โดยเฉพาะถ้าหาก “เหล็งฮู้ชง” แสดงให้เห็นแบบจริงๆ จังๆ ว่าคิดจะปฏิรูปแน่ๆ!!! อันนี้...อาจไม่ต้องเสียเวลาตั้งคำถาม 4 ข้อ 5 ข้ออีกต่อไปเอาเลยก็ยังได้ เพราะไม่ว่าเลือกเมื่อไหร่ เลือกตอนไหน เลือกอย่างไร มันอาจไม่สำคัญเท่ากับการแสดงให้เห็นว่า “กระบวนการปฏิรูป...ได้เริ่มต้นขึ้นมาแล้ว”....