เกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิดคาร์บอมบ์อย่างรุนแรงตอนชั่วโมงเร่งด่วนของเช้าวันพุธ (31 พ.ค.) ที่ใจกลางกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งยังส่งกลุ่มควันดำหนาทึบลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือทำเนียบประธานาธิบดีและสถานทูตของหลายชาติ
บาเซียร์ มูจาฮิด โฆษกตำรวจคาบูล ระบุว่า เหตุระเบิดครั้งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในครั้งที่รุนแรงมากที่สุดในกรุงคาบูล แถมยังเกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นของการถือศีลอดเดือนรอมฎอน จุดเกิดเหตุนั้นอยู่ใกล้กับทางเข้าสถานทูตเยอรมนี บนถนนสายหนึ่งที่มักจะมีการจราจรหนาแน่นในช่วงเวลานั้น
"จุดที่เกิดระเบิดคาร์บอมบ์อยู่ใกล้สถานทูตเยอรมนี แต่แถวนั้นก็มีกลุ่มอาคารและสำนักงานที่สำคัญหลายแห่งอยู่ใกล้กันด้วย มันเลยบอกยากว่าเป้าหมายหลักของการโจมตีคือที่ไหนกันแน่" มูจาฮิด บอกกับนักข่าวของรอยเตอร์
หน่วยปฏิบัติการสนับสนุนในกรุงคาบูลที่นำโดยนาโต้ ระบุว่า กองกำลังความมั่นคงอัฟกานิสถานได้ป้องกันไว้ไม่ให้รถยนต์คันที่เป็นคาร์บอมบ์เข้าไปยังบริเวณที่มีการคุ้มกันแน่นหนาในกรีนโซน ที่เต็มไปด้วยบ้านพักและอาคารสถานทูตต่างชาติ รวมถึงสำนักงานใหญ่ต่างๆ จึงเป็นไปได้ว่าคนร้ายไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้
แรงระเบิดทำให้บ้านหลายหลังที่อยู่ในระยะห่างไปหลายร้อยหลาได้รับความเสียหาย หน้าต่างและประตูพังเละเทะ ซึ่งถือว่ารุนแรงกว่าเหตุระเบิดปกติทั่วไป
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 ราย กับผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 350 ราย เหยื่อส่วนใหญ่ดูเหมือนว่าจะเป็นพลเรือนอัฟกัน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ของสถานทูตต่างชาติอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิต
ฝรั่งเศส ตุรกีและจีน ระบุว่า สถานทูตของพวกเขาได้รับความเสียหายจากเหตุครั้งนี้ด้วย แต่ในเบื้องต้นยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่ามีเจ้าหน้าที่การทูตของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ ขณะที่สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า มีคนขับรถชาวอัฟกันรายหนึ่ง เสียชีวิตขณะขับรถพานักข่าวไปทำงาน ส่วนนักข่าวนั้นได้รับบาดเจ็บ 4 ราย กำลังเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม ซิกมาร์ เกเบรียล รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนีได้ระบุทางทวิตเตอร์ในเวลาต่อมาว่า เหตุระเบิดใกล้ทางเข้าสถานทูตได้ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานทูตเสียชีวิตไป 1 ราย และมีเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บ
"การก่อเหตุโจมตีแบบนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงมติที่จะให้การสนับสนุนรัฐบาลอัฟกันเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่ประเทศ" เขาระบุ
คลิปวีดีโอที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นไฟไหม้ซากปรักหักพัง กำแพงพังทลาย รถยนต์และอาคารจำนวนมากได้รับความเสียหาย โดยที่มีผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บอยู่ในนั้นด้วย
ที่โรงพยาบาล วาเซียร์ อัคห์บาร์ ข่าน ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ช่วงตึก เป็นอีกหนึ่งจุดที่ค่อนข้างโกลาหล มีรถพยาบาลหลายคันนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บมาเข้ารับการรักษา ทั้งยังมีเหล่าญาติๆ ที่กำลังตื่นตระหนกพากันมาตรวจสอบรายชื่อคนเจ็บ และคอยสอบถามเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลเกี่ยวกับเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ของอินเดีย ได้ประณามเหตุระเบิดครั้งนี้ พร้อมทั้งบอกด้วยว่าเจ้าหน้าที่ในสถานทูตของอินเดียปลอดภัยดี เช่นเดียวกับทางปากีสถานที่ออกมาประณามเช่นกัน
"อินเดียจะยืนเคียงข้างอัฟกานิสถานเพื่อต่อสู้กับก่อการร้ายทุกชนิด กองกำลังที่สนับสนุนผู้ก่อการร้ายจะต้องพ่ายแพ้" ผู้นำอินเดียระบุทางทวิตเตอร์
ทั้งกลุ่มตอลิบานและกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เคยก่อเหตุร้ายที่กรุงคาบูลในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีใครออกมายอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม โฆษกของกลุ่มตอลิบานบอกว่า เขากำลังรวบรวมข้อมูลอยู่
การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนอีกครั้งว่าจงใจให้เกิดขึ้นในช่วงรอมฎอน ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
กลุ่มตอลิบานได้ยกระดับความพยายามที่จะเอาชนะรัฐบาลอัฟกันที่มีอเมริกาหนุนหลัง และกลับมาใช้กฏหมายอิสลามอีกครั้ง หลังจากที่เคยถูกโค่นอำนาจไปเมื่อปี 2001
จากการประเมินของสหรัฐฯ นับตั้งแต่ทหารกองกำลังนานาชาติส่วนใหญ่ถอนตัวออกไปเมื่อสิ้นปี 2014 กลุ่มตอลิบานก็ได้เข้าครอบครองพื้นที่จนตอนนี้สามารถควบคุมหรือกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงอยู่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งประเทศ แม้ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดี อัชรัฟ กอนี จะครองพื้นที่ใจกลางของทุกจังหวัดเอาไว้ได้ก็ตาม
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ มีกำหนดที่จะต้องตัดสินใจในอีกไม่นานนี้ เรื่องรับรองการส่งทหารอีก 3,000 - 5,000 นายไปเสริมทัพให้แก่กองกำลังฝึกสอนของนาโต้ กับภารกิจต่อต้านก่อการร้ายของสหรัฐฯ ที่มียอดรวมทหารเกิน 10,000 นายแค่เล็กน้อย
พล.อ.จอห์น นิโคลสัน ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน ได้บอกกับสภาคองเกรสเมื่อช่วงต้นปีนี้ว่า เขาต้องการทหารอีกหลายพันนายเพื่อไปช่วยกองกำลังอัฟกันต่อสู้กับตอลิบาน
บาเซียร์ มูจาฮิด โฆษกตำรวจคาบูล ระบุว่า เหตุระเบิดครั้งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในครั้งที่รุนแรงมากที่สุดในกรุงคาบูล แถมยังเกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นของการถือศีลอดเดือนรอมฎอน จุดเกิดเหตุนั้นอยู่ใกล้กับทางเข้าสถานทูตเยอรมนี บนถนนสายหนึ่งที่มักจะมีการจราจรหนาแน่นในช่วงเวลานั้น
"จุดที่เกิดระเบิดคาร์บอมบ์อยู่ใกล้สถานทูตเยอรมนี แต่แถวนั้นก็มีกลุ่มอาคารและสำนักงานที่สำคัญหลายแห่งอยู่ใกล้กันด้วย มันเลยบอกยากว่าเป้าหมายหลักของการโจมตีคือที่ไหนกันแน่" มูจาฮิด บอกกับนักข่าวของรอยเตอร์
หน่วยปฏิบัติการสนับสนุนในกรุงคาบูลที่นำโดยนาโต้ ระบุว่า กองกำลังความมั่นคงอัฟกานิสถานได้ป้องกันไว้ไม่ให้รถยนต์คันที่เป็นคาร์บอมบ์เข้าไปยังบริเวณที่มีการคุ้มกันแน่นหนาในกรีนโซน ที่เต็มไปด้วยบ้านพักและอาคารสถานทูตต่างชาติ รวมถึงสำนักงานใหญ่ต่างๆ จึงเป็นไปได้ว่าคนร้ายไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้
แรงระเบิดทำให้บ้านหลายหลังที่อยู่ในระยะห่างไปหลายร้อยหลาได้รับความเสียหาย หน้าต่างและประตูพังเละเทะ ซึ่งถือว่ารุนแรงกว่าเหตุระเบิดปกติทั่วไป
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 ราย กับผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 350 ราย เหยื่อส่วนใหญ่ดูเหมือนว่าจะเป็นพลเรือนอัฟกัน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ของสถานทูตต่างชาติอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิต
ฝรั่งเศส ตุรกีและจีน ระบุว่า สถานทูตของพวกเขาได้รับความเสียหายจากเหตุครั้งนี้ด้วย แต่ในเบื้องต้นยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่ามีเจ้าหน้าที่การทูตของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ ขณะที่สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า มีคนขับรถชาวอัฟกันรายหนึ่ง เสียชีวิตขณะขับรถพานักข่าวไปทำงาน ส่วนนักข่าวนั้นได้รับบาดเจ็บ 4 ราย กำลังเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม ซิกมาร์ เกเบรียล รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนีได้ระบุทางทวิตเตอร์ในเวลาต่อมาว่า เหตุระเบิดใกล้ทางเข้าสถานทูตได้ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานทูตเสียชีวิตไป 1 ราย และมีเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ได้รับบาดเจ็บ
"การก่อเหตุโจมตีแบบนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงมติที่จะให้การสนับสนุนรัฐบาลอัฟกันเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่ประเทศ" เขาระบุ
คลิปวีดีโอที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นไฟไหม้ซากปรักหักพัง กำแพงพังทลาย รถยนต์และอาคารจำนวนมากได้รับความเสียหาย โดยที่มีผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บอยู่ในนั้นด้วย
ที่โรงพยาบาล วาเซียร์ อัคห์บาร์ ข่าน ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ช่วงตึก เป็นอีกหนึ่งจุดที่ค่อนข้างโกลาหล มีรถพยาบาลหลายคันนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บมาเข้ารับการรักษา ทั้งยังมีเหล่าญาติๆ ที่กำลังตื่นตระหนกพากันมาตรวจสอบรายชื่อคนเจ็บ และคอยสอบถามเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลเกี่ยวกับเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ของอินเดีย ได้ประณามเหตุระเบิดครั้งนี้ พร้อมทั้งบอกด้วยว่าเจ้าหน้าที่ในสถานทูตของอินเดียปลอดภัยดี เช่นเดียวกับทางปากีสถานที่ออกมาประณามเช่นกัน
"อินเดียจะยืนเคียงข้างอัฟกานิสถานเพื่อต่อสู้กับก่อการร้ายทุกชนิด กองกำลังที่สนับสนุนผู้ก่อการร้ายจะต้องพ่ายแพ้" ผู้นำอินเดียระบุทางทวิตเตอร์
ทั้งกลุ่มตอลิบานและกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เคยก่อเหตุร้ายที่กรุงคาบูลในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีใครออกมายอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม โฆษกของกลุ่มตอลิบานบอกว่า เขากำลังรวบรวมข้อมูลอยู่
การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนอีกครั้งว่าจงใจให้เกิดขึ้นในช่วงรอมฎอน ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
กลุ่มตอลิบานได้ยกระดับความพยายามที่จะเอาชนะรัฐบาลอัฟกันที่มีอเมริกาหนุนหลัง และกลับมาใช้กฏหมายอิสลามอีกครั้ง หลังจากที่เคยถูกโค่นอำนาจไปเมื่อปี 2001
จากการประเมินของสหรัฐฯ นับตั้งแต่ทหารกองกำลังนานาชาติส่วนใหญ่ถอนตัวออกไปเมื่อสิ้นปี 2014 กลุ่มตอลิบานก็ได้เข้าครอบครองพื้นที่จนตอนนี้สามารถควบคุมหรือกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงอยู่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งประเทศ แม้ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดี อัชรัฟ กอนี จะครองพื้นที่ใจกลางของทุกจังหวัดเอาไว้ได้ก็ตาม
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ มีกำหนดที่จะต้องตัดสินใจในอีกไม่นานนี้ เรื่องรับรองการส่งทหารอีก 3,000 - 5,000 นายไปเสริมทัพให้แก่กองกำลังฝึกสอนของนาโต้ กับภารกิจต่อต้านก่อการร้ายของสหรัฐฯ ที่มียอดรวมทหารเกิน 10,000 นายแค่เล็กน้อย
พล.อ.จอห์น นิโคลสัน ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน ได้บอกกับสภาคองเกรสเมื่อช่วงต้นปีนี้ว่า เขาต้องการทหารอีกหลายพันนายเพื่อไปช่วยกองกำลังอัฟกันต่อสู้กับตอลิบาน